เราจะเห็นได้ว่า มาร์แชล ไม่มีการ เจ็บตัวเจ็บทรัพย์ เหมือนกับ ซัทเทอร์ เลย และในการที่ทำให้คนย้ายถิ่นขนาดนี้ ก็ต้องคิดถึงการณ์ที่จะต้องรองรับชีวิตของคนที่ไปปักหลักใหม่ ในเรื่องของวิถีความเป็นอยู่ รวมถึงปัจจัย 4 ซึ่งเป็นแผนการขยายตัวที่แยบยลเหมือนกินหลายต่อเข้าฮอร์ส เลย เช่น
1 การขยายประชากรสู่พื้นที่ที่ว่างเปล่า และ เบียดชนท้องถิ่นเดิม ซึ่งรักอิสระไม่อยาก
สู้รบ ออกไปยังพื้นที่ห่างไกล อีกทั้งชนเผ่าที่เหลือน้อย ก็ยังถูกกลืนด้วยวัฒนธรรม
รวมทั้งการรวมเผ่าพันธุ์ด้วยการแต่งงาน
2 การผลิตเครื่องมืออุปกรณ์ ในการดำรงชีพ และอุปโภคบริโภค นั้น ผู้ผลิตต่างก็ผลิต
และขายได้มาก เกิด supply chain ขึ้นมากมาย รวมถึงสาขาของกิจการต่างๆ ด้วย
3 เกิดการนำทองมาสู่ประเทศ เพื่อสำรอง ในการพิมพ์ธนบัตรเพื่อความมั่งคั่งของประ
เทศ และ เกิด ธุรกิจที่รองรับทอง ขึ้นอย่างมากมาย
4 เกิดการตื่นตัว ทางการตลาดและเศรษฐกิจ ทั่วประเทศ ทำให้เกิดการผลิตมากขึ้น
จนทำให้เกิด การปฏิวัติอุตสาหกรรม ครั้งที่2 และแนวเศรษฐกิจใหม่ๆ
ในแผนนี้ เพลงจะกล่าวถึงการสูญเสียในการณ์นี้มาก แต่ถ้ามองระดับมหภาคกันจริงๆ มีประโยชน์มากกว่า และ จะเป็นไปตาม กฎ **โลกคัดสรรผู้แข็งแรง** อย่างที่ชาวอเมริกันเชื่อถือมาก
จนนำไปสู่การล่าอาณานิคมทางเศรษฐกิจต่อทั่วโลก เปลี่ยนโฉมผู้ล่าอาณานิคมจากการใช้กำลังที่ชาวยุโรปทำกันอยู่ จนชาวอเมริกันเชื่อใน Manifest Destiny(โองการพระเจ้า) ว่าพระเจ้าสั่งให้เขาเป็นผู้นำในการปฏิวัติโลก เหมือนเช่นกับที่เขาทำกับชนพื้นเมืองเดิมมาแล้วโดยการล้างเผ่าพันธุ์ผู้มีพระคุณ ในวัน Thanksgiving Day ครั้งแรก นำมาใช้ทั่วโลก สมดังที่ ประเทศอเมริกา ต้องการให้เป็นไป