29 มิ.ย. 2020 เวลา 02:00 • ท่องเที่ยว
ประสบการณ์ 101 วันฟ้าหม่นฝนซาที่ ไต้หวัน
ตอนที่ 10 Taichung ที่รัก
ไถจงเหรอ….
เช้าวันใหม่เริ่มต้นขึ้นอย่างรวดเร็ว เรานั่งดูวิธีเดินทางไปเมืองไถจง ซึ่งอยู่ห่างจาก ไทเป ประมาณ 2 ชั่วโมงกันไว้เมื่อคืนแล้ว เพื่อความไม่ประมาทเราก็เลยเลือกจะออกเดินทางกันตั้งแต่ไก่โห่ เพื่อไปซื้อตั๋วสดที่สถานี Taipei Main Station กันครับ เราเดินวนที่ซื้อตั๋วภายในหัวลำโพงแห่งเมืองไต้หวันกันอยู่ไม่นาน ก็พบกับที่ซื้อตั๋วที่อยู่ไม่ห่างไกลมากนัก “ไถจง ทูทิกเก็ต พรีส”
ตั๋วรถราคา 290 NT ที่ได้มา
เสียงต๊อกแต๊กหน้าจอคอมพิวเตอร์ ดังครู๋หนึ่ง ผมคิดว่าการมาไต้หวันในครั้งนี้ สอนผมให้รู้จักการใช้ชีวิตที่แตกต่างจากเดิมไปมาก อย่างหนึ่งคือ ผมต้องใช้ชีวิตท่ามกลางภาษาที่ไม่คุ้นเคย บ้านเมืองที่ไม่คุ้นตา อย่างไรก็ตาม ความสะดวกสบายง่ายต่อนักท่องเที่ยวของที่นี่ก็ไม่ยิ่งหย่อนเลย ออกจะง่ายกว่าไปญี่ปุ่นเสียด้วยซ้ำ ถ้าใครอยากมาลองรสชาติใหม่ๆ แต่รู้สึกว่าการเดินทางไปต่างประเทศเป็นของน่ากลัว ผมคิดว่า การมาไต้หวันอาจจะทำให้คุณมีความคิดใหม่ หรืออาจจะทำให้คุณกล้าที่จะเดินออกจากกรอบเดิมๆ เหมือนอย่างที่ผมทำอยู๋นี้ก็ได้นะครับ
ตั๋วบอกเวลา 9.35 น. ผมมีเวลาอีกราวๆ สองชั่วโมง คือจากทุกสิ่งอย่างที่ผ่านมา ผมถือว่า การเผื่อเวลาสองชั่วโมง ก็ดีกว่าการมาช้าไป 15 นาทีจริงๆ ผมตัดสินใจเดินหาของกินในยามเช้า เข้าห้องน้ำห้องท่าให้เรียบร้อย จัดแจงหาที่ขึ้นรถให้พร้อม การรอคอยอาจจะน่าเหนื่อยหน่ายไปบ้าง แต่การเร่งรีบเป็นสิ่งที่แย่กว่ากันเยอะ
เวลาขึ้นรถมาถึงแล้ว รถทัวร์ที่นี่ดีพอๆ กับรถบัสในเมืองนั่นละครับ ด้วยราคา 270 บาท ผมถือว่ามันเป็นการเดินทางที่คุ้มค่าที่จะเสี่ยงภัยมาก ถามว่าทำไมถึงเสี่ยงภัย ง่ายๆ เลยก็คือ เขตนอกไทเป เป็นดินแดนของภาษาจีนแบบแทบจะร้อยเปอร์เซ็นต์ เพราะฉะนั้น ถ้าเพื่อนชาวไต้หวันไม่ทักมาชวน ผมคงไม่กล้าเหยียบออกจากไทเปเป็นแน่แท้ ไม่ใช่หยิ่งนะ กลัวจะหลงกว่าเก่าต่างหากหล่ะ ฮ่าๆ
บรรยากาศอันสดใสของวันนี้
ช่วงวันแรกๆ ที่ทุลักทุเล ทั้งจากสถานการณ์ สภาพอากาศ และอุปสรรคด้านภาษา มาวันนี้ทุกอย่างดูสดใสไปหมดเลยละครับ ภายนอกรถ ผมได้เห็นท้องฟ้าสดใสอีกครั้ง หลังผ่านความหม่นหมองมาหลายวัน ผมมีลางสังหรณ์ว่า การมาไถจงครั้งนี้จะต้องเป็นเรื่องที่ดีแน่ๆ
บริเวณสถานีขนส่งของเมืองไถจง
เกือบๆ เที่ยง ผมก็มาลงที่สถานีจอดรถบัสของเมืองไถจง ผมบรรจงบอกเพื่อนชาวไต้หวันของเราอย่าง จีน่า สาวเลสเบี้ยนสุดสวยที่ผมได้รู้จักเธอครั้งแรกที่อเมริกา ผมต้องพูดถึงเธอหน่อย เพราะเธอเป็นชาวไต้หวันเพียงไม่กี่คนที่ผมรู้จัก ผมไม่ได้สนิทกับเธอมากมายนัก เรารู้จักกันผ่านทางเพื่อนของผมที่เป็นแฟนเธอ การเดินทางมาครั้งนี้ เธอดูแลพวกเราอย่างดีมาก ดีจนเกินกว่าที่ผมจะคาดคิด ผมคิดว่าคนไต้หวันเป็นคนนิสัยดีมากๆ เลยหล่ะครับ ผมเองก็มีเชื้อจีน (ที่พูดจีนไม่ได้ละนะ) ญาติพี่น้องก็พูดจาโฉ่งฉ่าง เสียงดัง มีนิสัยเฉพาะตัวที่คนทั่วไปอาจมองว่า ไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่ แต่ด้วยความเชื้อจีนนี่เอง พวกเขา หรือก็รวมถึงผมด้วย กลับรู้สึกว่า ถ้าเป็นคนรู้จักกันแล้วละก็ ขอให้มีเชื้อสายร่วมกัน เราจะกลมเกลียวรักกันดี ไม่ว่าคุณจะสนิทกับพวกเขาหรือไม่ คุณจะได้รับการต้อนรับอย่างดีที่สุด ทีนี้พอเชื้อจีนมันมาผสมกับความเป็นสังคมไต้หวัน ที่ไม่ได้โฉ่งฉ่างเท่าจีนแท้ พวกเขาเลยได้รับส่วนผสมที่พอดีกลายเป็นคนที่อ่อนลง ขณะเดียวกันก็ยังคงความเป็นมิตรที่ดีมากๆ จีน่าขับรถมารับเราที่สถานีพร้อมกับเพื่อนของเธออีกคน คือ แคเรน สาวทอมเฟี้ยวเงาะ
จีน่าและเพื่อนของเธอ แคเรน
“ไปกินข้าวกันก่อนไหม พวกยูคงจะหิวกันแล้ว” คำทักทายสไตล์ไทยแลนด์หลุดออกมาจากปากจีน่า เหมือนรู้ใจ ผมพยักหน้าอย่างมั่นใจว่า “ยูพาไปเลย ไอพร้อมกินทุกอย่าง”
ความโชคดีของการมีเพื่อนต่างชาติประการแรกก็คือ ผมจะได้กินร้านที่มัน Local จัดๆ อีกครั้งหนึ่งแล้ว อาหารที่พวกเราได้ไปกินเป็นอย่างแรกก็คือ บะหมี่น้ำแดง หน้าตาร้านไม่ได้ต่างไปจาก ร้านบะหมี่ข้างทางบ้านเราเท่าไหร่เลยละครับ สำหรับเมนูนี้ ถือเป็นการเบิกกระเพาะที่ดีมากๆ ซุปร้อนๆ รสชาติคล้ายกับการกินน้ำซุปกระเพาะปลา มีบะหมี่ลื่นๆ ที่นิ่มซะจนละลายในปากโดยที่ไม่ต้องกัดด้วยซ้ำ ผมคิดว่าจีน่าคงจะจบที่เมนูนี้ซะแล้ว แต่เปล่าเลย เธอบอกว่า จะพาไปกินอีกร้านหนึ่ง
บะหมี่น้ำแดง
อีกร้านที่ว่าก็ไม่ได้ไกลมากจากที่แรกครับ เป็นร้านขายอาหารที่คนมาไต้หวันจะต้องได้กิน นั่นก็คือ ข้าวหน้าหมูพะโล้นั่นเอง ร้านนี้บอกเลยว่า อร่อยเด็ดมากๆ มากซะจนผมต้องสั่งอีกถ้วยมากินหลังจากที่เพิ่งกินบะหมี่น้ำแดงไปแล้วหนึ่งถ้วยถ้วน
ข้าวหมูพะโล้โคตรอร่อย
จีน่าเล่าว่า ย่านแถวนี้เธอมากินตั้งแต่ยังเป็นเด็กๆ ผมเดินลัดเลาะใช้ภาษาผิดๆ ถูกๆ กับเธอไปเรื่อยๆ ขณะที่นายตำรวจเงียบเสียงเดินชมโดยรอบไปอย่างเพลิดเพลิน ผมไม่ค่อยรู้เรื่องรู้ราวอะไรมากเท่าไหร่ แต่ก็พอมองออกว่า วัฒนธรรมในไต้หวันนั้น ดูเหมือนจะไม่ได้แตกต่างกับเมืองไทยมากนัก ในแง่ของชุมชนที่ทุกคนมาขายของกัน พูดคุยกัน เป็นการเดินทางแบบ Local ที่ผมฝันหาซะจริงๆ
บ้านเรือนรายทางที่สวยงามมากๆ เลยละครับ
ข้างหน้าดูเหมือนจะมีคนมากมายเดินกันให้วุ่น วันนี้มันวันที่มีเทศกาลเรือมังกรนี่นา งานวัดอยู่ข้างหน้าของผมแล้วนี่เอง….
โฆษณา