27 มิ.ย. 2020 เวลา 19:00 • ครอบครัว & เด็ก
ลูกฉัน กรี๊ด...สนั่น!!
คุณพ่อคุณแม่หลายๆ คน คงปวดหัวไม่น้อยหากลูกน้อยส่งเสียง “กรี๊ด” เมื่อถูกขัดใจ บางรายรีบหาสิ่งที่ลูกต้องการมาให้ทุกครั้ง เพื่อให้ลูกน้อยหยุดส่งเสียง แต่มันเป็นวิธีแก้ไขที่ถูกต้องหรือไม่ มาดูกันค่ะ
อาการ “กรี๊ด...สนั่น” เป็นเรื่องที่เห็นกันได้บ่อยครั้ง สำหรับเด็กเล็กเมื่อรู้สึกถูกขัดใจ บางรายอาจแสดงเพียงการปล่อยโฮ...ร้องไห้ แต่บางรายใช้วิธีส่งเสียงกรี๊ดๆๆ ลั่นบ้าน บางรายนอกจากส่งเสียงกรี๊ดโวยวายแล้ว ยังมีอาการอย่างอื่นร่วมด้วย เช่น การขว้างปาสิ่งของ การนอนลงกับพื้นชักดิ้นชักงอ ไม่สนใจว่าพื้นที่บริเวณนั้น อยู่ภายในบ้าน ภายนอกบ้าน ไม่สนใจว่ามีคนอื่นเห็นจำนวนมากน้อยแค่ไหน รู้แต่ว่าอยากจะ “แผลงฤทธิ์” (...เจอแบบนี้น่าตีแปะที่ก้นซะจริงเชียว)
ลูกฉัน กรี๊ด...สนั่น!! : psychiczin
อาการดังกล่าวนี้ เป็นอาการที่เกิดขึ้นได้ในเด็กวัย 1 - 3 ปี ซึ่งอยู่ในช่วง “วัยต่อต้าน” ซึ่งเป็นพัฒนาการช่วงหนึ่งของเด็ก เป็นวัยที่เด็กเริ่มมีการคิดที่เป็นแบบของตนเอง อยากอิสระ อยากทำโน่นทำนี่เอง เช่น
...อยากใส่รองเท้าเอง พ่อแม่อย่ามายุ่งนะ!! แต่ถ้าใส่รองเท้าผิดข้าง ก็คิดว่าถูกแล้วล่ะ
...ทำไมต้องใส่หมวก ก็ไม่อยากใส่ แม่เอามาใส่ให้ทำไม โยนทิ้งเลย ชิ
...ของเล่นเนี่ย ทำไมเวลาพี่เล่นถึงมีเสียงปี๊ดๆ ทำไมหนูเล่นไม่มีเสียงล่ะ ไม่ได้ดั่งใจเลย เอาของเล่นตีหัวพี่เลย นี่แหนะ!!
สารพัด….
...อยากสื่อสารกับผู้ใหญ่ให้เข้าใจ ผู้ใหญ่นี่ก็เข้าใจยากจัง ฟังภาษาเด็กไม่รู้เรื่องหรือไง...ไม่ได้ดั่งใจเลย
...อะไรๆ ก็ขัดใจ จะบอกยังไงดีเนี่ย หงุดหงิดละนะ กรี๊ดดด!! ซะเลย
ลูกฉัน กรี๊ด...สนั่น!! : psychiczin
เมื่อการสื่อสารเป็นคำพูดให้ผู้ใหญ่เข้าใจกลายเป็นเรื่องยากของเด็ก การแสดงออกด้วยวิธีอื่นจึงถูกนำมาใช้ ซึ่งเป็นพัฒนาการตามปกติ เด็กในวัยนี้มักมีความรู้สึกอยากชนะคนที่ใกล้ชิดตนเองที่สุด เช่น พ่อ แม่ พี่น้องตัวเอง หรือที่ผู้ใหญ่อย่างเราเรียกว่า “เด็กอ้อน หรือ เรียกร้องความสนใจ” เด็กเริ่มเรียนรู้จากพฤติกรรมของตนเองและคนที่อยู่รายล้อม ว่าพฤติกรรมใดที่ตนแสดงออกแล้ว “ชนะ”
รางวัลของความรู้สึกชนะของเด็ก อาจเป็นการได้สิ่งที่ต้องการ ได้ของเล่น ได้ขนม ได้ออกไปเที่ยวนอกบ้าน ได้รับการโอบกอด การเอาใจใส่มากขึ้น หรือ บางรายอาจเป็นแค่การตอบสนองความต้องการ “เอาชนะ”
การรู้สึกชนะของเด็ก จะค่อยๆ ก่อร่างสร้างตัว กลายเป็นโครงสร้างความคิดที่บิดเบี้ยว หรือถูกต้อง ขึ้นอยู่กับ พ่อ แม่ หรือผู้ใหญ่ที่ร่วมกันเลี้ยงดู และเข้าใจในพัฒนาการของเด็กแต่ละช่วงวัย
ถ้าเด็ก “กรี๊ด” แล้วผู้ใหญ่รีบหาของที่เด็กต้องการ หรือรีบทำตามความต้องการของเด็ก ทำซ้ำๆ บ่อยๆ โดยไม่มีการแทรกวิธีการปรับพฤติกรรมของเด็กเลย ในที่สุด...เด็กจะเรียนรู้วิธีการเรียกร้องสิ่งที่ตนเองปรารถนา โดยไม่รู้สึกว่าเป็นสิ่งผิด
แต่หากพ่อ แม่ หรือผู้ใหญ่ที่ร่วมกันเลี้ยงดูเด็ก ใช้วิธีดุแรงๆ หรือตี เมื่อเด็กกรี๊ด เพื่อให้หยุดร้อง ภาพความรุนแรงแม้เพียงครั้งเดียวก็อาจถูกฝังอยู่ในจิตส่วนลึกของเด็ก ซึ่งส่งผลต่อภาวะจิตใจหรือพฤติกรรมเมื่อเด็กเติบโตขึ้นได้
ลูกฉัน กรี๊ด...สนั่น!! : psychiczin
มีเคสของคุณพ่อท่านหนึ่งเคยทักมาปรึกษา คุณพ่อของน้องเล่าว่า...
“น้องกรี๊ดแรง กรี๊ดเก่ง ไม่รู้จะทำยังไง มีวันหนึ่ง คุณแม่ทนไม่ไหวก็เลยกรี๊ดกลับ ดังและยาวมาก ปรากฎว่าน้องนิ่งไปเลย คงตกใจว่าแม่เป็นอะไร ตอนนั้น ผมกับภรรยาก็ยังคิดว่า เออ..ดีเหมือนกัน เงียบซะที กรี๊ดมา กรี๊ดกลับ แต่มันไม่ใช่เช่นนั้น….”
“น้องดูเรียบร้อยขึ้น (เหมือนจะดี) แต่เหม่อบ่อยๆ สะดุ้งง่าย ทานอาหารได้น้อยลง และ เปลี่ยนไปกรี๊ดสะดุ้งตื่นตอนกลางคืน ผมถามว่าฝันอะไร น้องก็ไม่พูด น้องนิ่งๆ เงียบๆ ไปเป็นสัปดาห์”
……………………………………….
“.....จิตใจ เชื่อมโยงความคิด และพฤติกรรมที่แสดงออก….เสมอ”
ลูกฉัน กรี๊ด...สนั่น!! : psychiczin
การรับมือลูกกรี๊ด ทำได้ไม่ยาก หากแต่ต้องเข้าใจ
1. กำหนดกติกา จะเด็กวัยไหน ก็ใช้การกำหนดกติกาได้ค่ะ เพราะกติกา จะช่วยให้เด็กมีวินัย และรู้จักการยอมรับความคิดเห็นของผู้อื่น เมื่อลูกอยากเล่น ให้เขาเล่นไป พ่อแม่กำหนดพื้นที่เล่น เวลาของการเล่น (เวลาต้องเหมาะสม ไม่มากไป ไม่น้อยไป) กำหนดกติกาการจะได้ของเล่นชิ้นใหม่ ต้องแลกด้วยการทำอะไรในช่วงระยะเวลาเท่าไร เป็นต้น
2. หากิจกรรม / การเล่น / ออกกำลังกาย ที่คุณพ่อ คุณแม่ร่วมกันเล่นหรือทำร่วมกันกับเด็ก และควรใช้เวลาที่มากพอ การได้ทำกิจกรรมร่วมกันกับลูกจะช่วยเติมเต็มความอบอุ่น ความสัมพันธ์ในครอบครัวได้ดีมากยิ่งขึ้น หากกิจกรรมเป็นการแข่งขันกัน พ่อแม่ก็ไม่ควรต้องยอมแพ้ลูกไปทุกครั้ง ควรฝึกให้เขารู้จักคำว่า “แพ้” เพื่อสร้างภูมิคุ้มกันอารมณ์ตั้งแต่วัยเด็ก
3. ห้ามทำตามสิ่งที่เด็กต้องการจากการกรี๊ด โดยเด็ดขาด คุณพ่อคุณแม่ต้องใจแข็งไว้ ทำหูทวนลม นิ่ง สงบ ทำเหมือนไม่สนใจ แต่ไม่ได้ปล่อยให้คลาดสายตา ต้องให้เด็กได้เรียนรู้ว่าวิธีที่หนูๆ ทำ มันไม่เวิร์คนะจ๊ะ แล้วเมื่อเด็กสงบลง ค่อยๆ สอนเขาด้วยเหตุผลแบบ “สั้นๆ” บอกไปเลยว่า ถ้าเขาทำแบบนี้ เขาจะได้ผลแบบนี้ ค่อยๆ สอนไปทีละแบบ เด็กแต่ละคนก็ใช้เวลาปรับพฤติกรรมแตกต่างกัน
ลูกฉัน กรี๊ด...สนั่น!! : psychiczin
เมื่อลูกเป็นเสมือนของขวัญที่สำคัญที่สุดในชีวิตคู่ของผู้เป็นพ่อแม่ การเลี้ยงดูลูกน้อยให้เติบโตเป็นคนดี สุขภาพกาย สุขภาพจิตดี แม้จะเป็นเรื่องที่เหนื่อย ต้องเสียสละเวลาส่วนตัว เพื่อให้เวลาแก่ลูกอย่างเหมาะสมเพียงพอ แต่ด้วยจิตที่แข็งแกร่งของคนเป็นพ่อเป็นแม่ย่อมไม่เคยย่อท้อ ขอเป็นกำลังใจให้คุณพ่อคุณแม่ทุกคนนะคะ
ด้วยรัก......
psychiczin
โฆษณา