Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Supdear
•
ติดตาม
27 มิ.ย. 2020 เวลา 20:29 • ไลฟ์สไตล์
ข้อคิดที่ได้จาก การทะเลาะกับคนอื่น
การทะเลาะเบาะแว้งกันนั้น เป็นกิจกรรมที่เรามักจะหนีไม่พ้นกันอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ จะรวยหรือจน ดังที่อริสโตเติลได้กล่าวว่า มนุษย์เป็นสัตว์สังคม เมื่อมนุษย์มีสังคม การกระทบกระทั่งกันนั้นย่อมสามารถเกิดขึ้นได้เป็นธรรมดา ถ้าโลกนี้ไม่มีการกระทบกระทั่งกัน โลกนี้ก็คงเหมือนโลกที่ถูกแช่แข็งเอาไว้แล้ว
ดังนั้น เมื่อเราไม่สามารถหลีกเลี่ยงการทะเลาะเบาะแว้งได้ แล้วเราสามารถทำอะไรได้บ้าง ในเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ?
1. รู้ตัว “จับความรู้สึก (feeling) ของตัวเอง”
สิ่งหนึ่งที่มักจะเกิดขึ้นกับคนส่วนใหญ่เมื่อมีอารมณ์โกรธ หรือรู้สึกไม่โอเคขึ้นมา เรามักจะหุนหันพลันแล่น และแสดงกริยาออกมาโดยไม่รู้ตัว เป็นเหมือนพฤติกรรมที่แสดงออกมา โดยเกิดจากอารมณ์ที่อยู่ในเบื้องลึกของจิตใจของเรา ให้คิดภาพง่าย ๆ จิตใจของเราก็เหมือนภูเขาไฟ อารมณ์โกรธก็เหมือนกับแมกมาที่ประทุอยู่ใต้ภูเขาไฟนั้น
เมื่อเราโกรธ เราโมโห อารมณ์โกรธนั้นก็เหมือนเป็นแรงอัดภายใต้จิตใจของเราที่พยายามจะประทุขึ้นมา ออกมาเป็นพฤติกรรมที่คนอื่นสังเกตเห็นนั่นเอง ไม่ว่าจะเป็นสีหน้าไม่พอใจ กริยาฉุนเฉียว เป็นต้น
เมื่อเป็นเช่นนี้แล้ว เมื่อเราโกรธ อยากให้ทุกคนลองสังเกตความรู้สึก (feeling) ของเราเองดู ฉันทะเลาะกับเพื่อน ฉันรู้สึกไม่พอใจ โอเค ฉันรู้ตัวว่าตอนนี้ฉันไม่พอใจ และฉันกำลังจะโกรธ ลองฝึกจับความรู้สึกของตนเอง ไม่ว่าจะเป็น อารมณ์เศร้า อารมณ์ฉุนเฉียว หรือแม้แต่ตอนที่เรากำลังมีความสุขครับ
เมื่อเราจับอารมณ์ของตนเองนั้นได้แล้ว มันเหมือนเป็นตัวกรองอารมณ์นั้นก่อนที่จะแสดงออกมาเป็นพฤติกรรม (behavior) มันทำให้เราคิดช้าลง ใช้เหตุผลมาประกอบ และได้พูดคุย ครุ่นคิดกับตัวเองมากขึ้น สุดท้ายแล้วพฤติกรรมที่เราแสดงออกมานั้น ก็จะเป็นพฤติกรรมที่เราผ่านการใตร่ตรองแล้วว่า เป็นทางเลือกที่ดีที่สุดของฉันในตรงนั้นแล้ว และฉันสามารถยอมรับผลของการกระทำนั้นได้
2. เอาใจเขามาใส่ใจเรา “รับรู้ความต้องการในเบื้องลึก (Need/Want) ของคู่ตรงข้าม”
ทุกคนอาจจะงง ๆ อะไรคือความต้องการเบื้องลึก คือจะบอกว่าจากข้อข้างบน เราพูดถึงความรู้สึกที่ส่งผลมาเป็นพฤติกรรมไปแล้ว แต่มันมีสิ่งหนึ่งที่อยู่ลึกจากความรู้สึกและพฤติกรรม นั่นคือ”ความต้องการ” ของคนเรานั่นเอง
คือที่จะบอกคือ ลึก ๆ แล้วภายในใจของคนเรา มักจะมีความต้องการลึก ๆ ซ่อนอยู่ และความต้องการลึก ๆ ข้างในของคนเราเนี่ย ก็มักจะเป็นสิ่งที่เป็นด้านบวก (Positive) ด้วยนะครับ แต่เมื่อเกิดเหตุการณ์บางอย่าง ความต้องการไม่ได้รับการตอบสนอง ก็จะส่งผลไปที่อารมณ์ (Feeling) ไม่ว่าจะเป็นอารมณ์เศร้า เหงา โกรธ ต่าง ๆ จนเกิดมาเป็นพฤติกรรมที่ไม่พึงประสงค์ออกมาได้
หากยังไม่เห็นภาพ ขอยกตัวอย่างง่าย ๆ เป็นเรื่องของนาย ก. ที่มักจะมีพฤติกรรมฉุนเฉียวในที่ทำงานตลอดเวลา ไม่ชอบการทำงานเป็นทีม แต่เมื่อเรามองไปลึก ๆ แล้ว เรากลับเห็นว่า ความต้องการเบื้องลึกของตู่นั้น อาจจะไม่ได้รับความสำคัญจากหัวหน้างาน และต้องการให้ตนนั้นมีพื้นที่ในการแสดงความสามารถ ส่งผลทำให้ตู่ต้องแสดงพฤติกรรมเพื่อให้ตนเองอยู่ท่ามกลางสปอตไลท์อยู่เสมอ เป็นต้นครับ
ซึ่งการสังเกตนี้ เราต้องอาศัย การเอาใจเขามาใส่ใจเรา (Empathy) พอสมควร พยายามมองว่า การที่เขาแสดงพฤติกรรมแบบนี้ ลึกๆ แล้วเขาต้องการอะไร ซึ่งอย่างที่บอก ว่าความต้องการลึก ๆ ของคนเรานั้นเป็นบวกเสมอ เพราะฉะนั้น การฝึก Empathy นั้น จะทำให้เราพยายามมองหาสิ่งดี ๆ ที่ซ่อนอยู่ในคู่กรณีของเราด้วย และนอกจากจะทำให้เราเห็นและตอบสนองตรงตามความต้องการของคู่กรณีได้แล้ว ยังทำให้เรานั้น เข้าใจผู้อื่นมากขึ้นอีกด้วยครับ
3. ลองสะท้อนคิดกับตัวเอง “ฉันได้อะไรจากการทะเลาะในครั้งนี้“
บ่อยครั้ง การที่เราทะเลาะกับผู้อื่น มันทำให้เรานั้นจมกับความคิดลบ ๆ ความรู้สึกลบ ๆ ทั้งต่อตนเองและตัวผู้อื่น การที่เราได้ลองสะท้อนคิดกับตัวเอง มันจะเป็นตัวช่วยให้เรานั้นมองโลกในแง่ดี และหาพลังบวกที่อยู่ท่ามกลางหมอกทึบ ๆ นั้นได้
เมื่อเราทะเลาะ อย่าปล่อยให้การเสียเวลา เสียอารมณ์ความรู้สึกไปอย่างเปล่าประโยชน์ ลองหาสิ่งดี ๆ จากมัน ผ่านการตั้งคำถามกับตัวเอง ฉันได้อะไรจากการทะเลาะครั้งนี้ ? การทะเลาะครั้งนี้มันช่วยอะไรฉัน ? ฉันจะทำอย่างไรเพื่อไม่ให้มีการทะเลาะเกิดขึ้นอีก ? อยากให้ลองครุ่นคิด ตกตะกอนสิ่งนั้นหลังจากการทะเลาะเกิดขึ้น ค่อย ๆ ตอบคำถามกับตัวเอง เมื่อเราตกตะกอนได้แล้ว สิ่งเหล่านี้ก็จะทำให้เรานั้นเกิดการเรียนรู้ และค่อย ๆ เติบโตขึ้นครับ
4. ถ้าไม่ไหว ก็ห่างกันซักพักเถอะ
บ่อยครั้ง แม้แต่ตัวผู้เขียนเองก็ตาม เมื่อเกิดการทะเลาะเบาะแว้งแล้ว จะเกิดสิ่งหนึ่งที่เรียกว่า “การเอาชนะ” หรืออารมณ์ความ “ฉันจะแพ้ไม่ได้” สิ่งเหล่านี้หลายครั้งจุดจากการโต้เถียงในเหตุผล กลายเป็นการโต้เถียงที่ขึ้นกับอารมณ์ เริ่มออกนอกประเด็น กลายเป็นโจมตีที่ประเด็นส่วนตัวของฝ่ายตรงข้าม เป็นต้น
เมื่อมันมาถึงตรงนี้ อยากให้ระลึกไว้ว่า ชัยชนะที่แท้จริงแล้วไม่ได้เกิดมาจากการทะเลาะจนชนะ ไม่ได้เกิดจากการที่ฉันด่าคู่กรณีจนเถียงไม่ได้ แต่ชัยชนะที่แท้จริงเกิดมาจากการที่เรานั้นสามารถที่จะปล่อยวางเรื่องราวที่ทะเลาะได้รึเปล่ามากกว่า
ฉันชนะ แล้วฉันมีความสุขจริงหรือ หรือชัยชนะที่แท้จริงเกิดจากการที่เรามีความสุขโดยที่ไม่ต้องชนะ ฉันมีความสุขโดยที่ไม่ต้องทำให้ใครเจ็บปวด เมื่อคิดได้แบบนี้ การกดปุ่ม Block หรือการเลิกยุ่งกับคนนั้นก็ไม่ใช่เรื่องที่ยากอีกต่อไป ถ้าสังคมมันไม่ไหว ก็ออกมาเถอะครับ ก่อนที่เราจะค่อย ๆ ถูกกลืน และกลายเป็นคนที่เราไม่ชอบเสียเอง
คุยกับนักเขียน
นี่เป็นบทความแรกของผมครับที่ลองมาเขียนใน Blockdit เรื่องของเรื่องนั้นเกิดมาจากการที่ผมแพลนว่าอยกาจะมี Blog ของตัวเองมานานแล้ว เป็นเรื่องเกี่ยวกับที่ตนเองได้เล่าเรื่องราวที่ได้มาจากการตกตะกอนของตัวเอง อยากบ่นขิงบ่นข่า ในขณะเดียวกันก็อยากเปิดพื้นที่ให้คนอื่นมาแชร์มุมมองของตัวเองด้วย ทุกท่านที่มาอ่าน สามารถติชม และเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้นะครับ อยากให้พื้นที่ตรงนี้เป็นพื้นที่ของ Learning ที่เราได้เรียนรู้และพัฒนาตนเองไปด้วยกันครับ
บันทึก
1
1
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย