16 ก.ค. 2020 เวลา 05:00
ชำแหละเทพทันใจ 'พ่อแก่' ที่ไม่ได้ทันใจสมชื่อ
หลายปีก่อน ผมเดินทางไปเที่ยวรัฐมอญ ประเทศเมียนมา (พม่า) ผมเกิดความสงสัยอย่างหนึ่งคือ พม่ารามัญมีพุทธสถานมากมาย คนพม่านิยมเดินทางแสวงบุญกัน
อย่างในแผ่นดินมอญมีชเวดากอง มีพระธาตุมุเตา และไจ้ทีโย แต่คนไทยไม่ชอบไป แสวงหาพระเจ้า มักชอบไปไหว้นัต ซึ่งเป็นผี หรือเทวดาชั้นล่าง เป็นความเชื่อดั้งเดิมของพม่า แต่นับถือกันเหนียวแน่นมาก
1
สมัยพระเจ้าอนิรุธ หรือพระเจ้าอโนรธามังช่อ (พ.ศ. 1587-พ.ศ. 1620) มหาราชแห่งอาณาจักรพุกาม ผู้อุปถัมภ์พุทธศาสนาเคยปฏิรูปศาสนาพุทธจนบริสุทธิ์ผุดผ่อง ด้วยการขับไล่พวกอลัชชีและนิกายอันมีมลทินออกไปจากพุกาม แต่เมื่อทรงคิดจะกวาดล้างการนับถือผีในหมู่คนพม่า กลับทำไม่สำเร็จ ต้องปล่อยเลยตามเลยแค่จัดระเบียบนิดหน่อย โดยทรงสร้างศาลนัตหลวงขึ้นที่เขาโปปา หรือที่เรียกว่า'มหาคีรีนัต'
ตรงจุดที่มีศาลนัตเรื่องว่าต่องกะลัต เป็นภูเขาที่เกิดจากเสาหินลาวาจากภูเขาไฟที่ดับแล้วใกล้เมืองพุกาม ใครไปเที่ยวพุทธสถานในพุกามแล้ว หากมีเวลาจะต้องนั่งรถไปชมหรือไปไหว้นัตที่ภูเขาโปปากันสักเล็กน้อย (ภูเขาโปปาเป็นที่สถิตของนัตผู้หญิงชื่อโปปาแมดอ เป็นยักขินีกินดอกไม้ ที่สถิตของนางจึงชื่อว่า 'โปปา' หรือ'บุปผา'ตามไปด้วย)
ศาสนาพุทธในพม่าจึงผสมผีอย่างเป็นทางการ ผิดกับไทยที่ผสมผีแต่ไม่ยอมรับกันหรือจะบอกว่าไทยนับถือผีแล้วใช้พุทธบังหน้าก็ว่าได้
ใครไปพม่าจะสังเกตเห็นศาลนัตเต็มไปหมดแม้แต่ในวัด เวลาทุกข์ร้อนเรื่องทางโลกคนพม่าจะบนบานกับนัต หรือไปปรึกษาคนทรงนัต (นัตกะด่อ) แต่เวลาจะแสวงหาวิมุตติสุขเขาจะเข้าวัดวิปัสสนากันคนทรงนัตบางคนบอกว่า เขาช่วยเรื่องทางโลกได้ แต่สุขแท้จริงคือนิพพานต้องเข้าหาธรรมกันเอง นับว่าสอนดีกว่าคนทรงผีบ้านเราอีก อีกทั้งคนพุทธพม่าที่เคร่งครัด
มากๆ ยังไม่แยแสนัตเอาเลย ซ้ำดูถูกอีกต่างหาก
พวกนัตกะด่อยังถูกสังคมพม่าดูแคลนอีกชั้นหนึ่ง เพราะส่วนใหญ่พวกนี้จะเป็นกลุ่มคนข้ามเพศ สังคมพม่าไม่ได้ยอมรับกลุ่มข้ามเพศมากเท่าไทย คนเหล่านี้จึงหาทาง
ให้สังคมยอมรับด้วยการเป็นนัตกะด่อ พอทรงผีมีมหิทธานุภาพแล้วคนในสังคมยอมไหว้พวกเขาได้ แถมยังมีทรัพย์ไว้ใช้จ่าย แต่พอผีออกแล้วกลับเป็นคนที่สังคมมอง
อย่างเหยียดๆ เช่นเดิม
และความไม่ทันสมัยอย่างหนึ่งของพม่าก็คือ ยังใช้กฎหมายลงโทษจำคุกผู้ที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศ อันเป็นกฎหมายล้าหลังครั้งอังกฤษปกครองในฐานะเจ้าอาณานิคม
โดยสรุปก็คือ ชาวพุทธเคร่งๆ ในพม่าจะไม่พึ่งพาผี และช่วยกันทำนุบำรุงพระศาสนาแทนที่จะบำรุงลัทธิบูชาผี จึงน่าแปลกที่ทัวร์ไทยมักแสวงหาโลกียสุขจากนัต แทนที่จะไปแสวงหาธรรมที่พม่า (ซึ่งเขาสนับสนุนเรื่องนี้มากถึงกับมีวีซ่าประเภทเข้ามาวิปัสสนาโดยเฉพาะ)
นัตมีมากมายหลายตน หลักๆ ในทำเนียบทางการมี 37 ตน ส่วนใหญ่เป็นผีตายโหงและเป็นคนมีอำนาจราชศักดิ์ เมื่อตายไปจึงเป็นผีมีมหิธานุภาพ คนจึงบนบานกราบ
ไหว้ บางตนเป็นผีตายโหงอย่างพิสดาร
1
บางองค์เป็นเทพยดา บางองค์เป็นกษัตริย์ เป็นวีรชน เป็นสามัญชน เป็นอะไรต่อมิอะไรมากมายหลายสาขาอาชีพ ราวกับจะบอกว่าทุกคนล้วนต้องตายเป็นผี และเมื่อเป็นผีแล้วคนสามัญอาจยิ่งใหญ่เท่ากษัตริย์ เช่น ท้าวสักกะ พระเจ้าตะเบ็งชะเวตี้นางตัวงอ ปู่เจ้าแห่งมัณฑะเลย์ เจ้าจ่อส่วยผู้กล้าหาญ และโยนบะเยงหรือพระเจ้ากรุงโยนก ซึ่งหมายถึงพระเมกุฏิสุทธิวงศ์ กษัตริย์ล้านนาองค์สุดท้ายที่
ถูกพม่าเชิญไปเป็นเชลยจนสิ้นพระชนม์ที่หงสาวดี เป็นต้น
นอกจาก 37 ตนนี้ยังมีนัตนอกทำเนียบอีกเพียบ เช่น 'โบโบจี' หรือ 'โบโบยี' หรือ'เทพทันใจ' ที่คนไทยชอบไปไหว้ขอให้รวยกัน โดยเฉพาะที่เจดีย์โบตาถ่อง
ที่จริงแล้ว 'โบโบจี' หมายถึง 'พ่อปู่' ไม่ได้แปลว่า 'เทพทันใจ' และมีหลายตน อย่างที่เจดีย์โบตาถ่อง เป็นผู้พิทักษ์พระเจดีย์บรรจุพระเกศาธาตุ คนพม่าเชื่อว่าขออะไรจะ สมปรารถนาทันใจ ในศาลโบโบจีแห่งนี้ยังมีรูปพระอินทร์
(ตะจามิน) บางตำนานว่าจำแลงองค์มาเป็นพ่อปู่ มาชี้จุดที่ประดิษฐานพระเกสาธาตุ อีกด้านหนึ่งเป็นรูป
พระสรัสวดี แต่ก่อนคนไหว้ขอเรื่องการศึกษาเล่าเรียน
2
โบโบจี ที่โบตาถ่องเมื่อก่อนไม่ป๊อปปูลาร์เหมือนตอนนี้ เพราะในย่างกุ้งมีศาลโบโบจีไม่น้อยกว่า 10 แห่ง ที่คนนิยมไปไหว้กันคือศาลพ่อปู่ที่เจดีย์สุเล เพราะเชื่อว่าศักดิ์
สิทธิ์มากและเกี่ยวพันกับตำนานตั้งพระศาสนา คือ
เป็นภุมเทวดารักษาเขาสุเล ที่มีอายุยืนยาวที่สุดในหมู่เทวดาจึงเป็นองค์เดียวที่ทราบว่าพระเกศาธาตุประดิษฐานตรงไหน ท่านจึงชี้จุดประดิษฐานคือดอยสิงคุตตระ ทำให้มีการสร้างเจดีย์สุเลและพระเจดีย์ชเวดากอง(เจดีย์ดอยสิงคุตตระ) ในเวลาต่อมา
เพื่อเป็นการรำลึกถึงเหตุการณ์ครั้งนั้น (ซึ่งมีบันทึกในคัมภีร์พระเจ้าเลียบโลก)ทางพม่าจึงสร้างรูปภุมเทวดารักษาเขาสุเล ไว้ที่เจดีย์สุเล เจดีย์ชเวดากองและเจดีย์โบตาถ่อง โดยเป็นรูปเทพยดาชี้นิ้วไปที่ดอยสิงคุตตระ
ที่ด้านนอกเจดีย์โบตาถ่อง มี 'ศาลอะมาดอเมียะ' (พี่สาว) หรือ 'เทพกระซิบ' ซึ่งไม่ใช่นางนาคที่ถือศีลไม่กินเนื้อจนตาย แต่เป็นรูปแทนผีเจ้าหญิงเชื้อสายไทใหญ่ เป็นคน
เมืองโมก๊ก คนเรียกกันว่า 'เมี๊ยะนานหน่วย' เป็นคนศรัทธาในพุทธศาสนาตั้งแต่ยัง เด็ก ไม่ยอมเล่นกับเด็กคนอื่น เอาแต่นั่งสมาธิภาวนา
ต่อมามีพ่อปู่มาเข้าฝันให้ไปอยู่ย่างกุ้ง คอยปรนนิบัติพระเจดีย์โบตาถ่อง ถวายทรัพย์สินอัญมณีมากมาย และเพิ่งตายไปเมื่อ 60 กว่าปีก่อน รูปปั้นนี้ญาติของ เมี๊ยะนาน
หน่วยมาสร้างไว้ แต่คนพม่าเชื่อว่าเป็นนัตที่ช่วยให้สมปรารถนาได้ ต่อมาๆ ยังลือกันว่านัตตนนี้ไม่ชอบให้คนรบกวน (คงเพราะชอบนั่งสมาธิมาตั้งแต่ชาติก่อน)
ใครขออะไรจึงต้องมากระซิบเบาๆ ตอนหลังถึงขนาดมากระซิบข้างหูกันเลย
1
เมื่อหลายปีก่อน อะมาดอเมียะถูกจับใส่กุญแจมือ ทุกคืนเวลา 3 ทุ่มถึง 6 โมงเช้าลือกันว่าคนที่สั่งให้ใส่กุญแจมือนัตตนนี้คือนายพลตานฉ่วย อดีตผู้นำสูงสุดของพม่า เพราะอะมาดอเมียะมาเข้าฝันสั่งให้นายพลเลิกกดขี่ประชาชน ซึ่งนอกจากนายพล
จะไม่เชื่อแล้ว ยังคิดว่าผีนัตตนนี้เข้าข้างหรือคอยช่วยอองซาน ซูจี จึงจับใส่กุญแจมือเสีย แต่ไม่รู้เพราะความเฮี้ยนหรืออะไรไม่ทราบ ในปีเดียวกันนั้น ตานฉ่วย สิ้นอำนาจและซูจีพ้นจากการควบคุมตัว พม่าเริ่มเปิดประเทศหลังจากนั้นไม่นาน
กลับมาที่เทพทันใจ โบโบจี หรือ พ่อปู่มีหลายตนครับ เรียกว่าน่าจะมีแทบทุกวัดสำคัญก็ได้ แม้แต่ริมถนนหนทางก็มี แต่ละศาลก็เชี่ยวชาญการให้พรต่างกัน เช่น โบโบจี ที่หมู่บ้านชเวญองบิน คนมักไปขอพรให้พ่อปู่ช่วยเจิมรถ หรือผู้หญิงที่ไม่มี
ลูกก็ไปไหว้ขอ ซึ่งก็เหมือนศาลที่เจดีย์โบตาถ่อง คือเพิ่งสร้างประมาณ 70 - 80 ปีมานี้เอง
ตอนแรกคนสร้างศาลตั้งศาลใต้ต้นไทรริมถนน เพราะเป็นธรรมเนียมพม่าที่มักตั้งศาลนัตใต้ต้นไม้ใหญ่ให้รุกขเทวดาสถิต เหมือนคนไทยตั้งศาลเพียงตาฉะนั้น เผอิญมีคนถามเจ้าของศาลว่าผีในศาลนี้มีดีตรงไหน เจ้าของเลยตอบๆ ไปว่า คงจะช่วยให้รถรา (สมัยนั้นใช้เกวียน) เดินทางสะดวกนั่นแหละเพราะศาลอยู่ริมถนน นับแต่นั้นคนก็เริ่มบอกกันปากต่อปาก จนศาลโบโบจี ที่หมู่บ้านชเวญองบินกลายเป็นที่เจิมรถยอดนิยมไป
ในเมืองไทยผมเห็นเริ่มบูชาโบโบจีกันมากโดยไม่ทราบที่มาที่ไป ทางพม่าว่าแต่งตำนานจนวุ่นวายแล้ว ในไทยยังแต่งนิทานเติมเข้าไปอีก ลัทธิบูชาผีสางเทวดาบ้านเราพัฒนาไปไกลจริงๆ แม้แต่วัดพุทธดังๆ บางวัดยังคล้อยตามลัทธินี้
1
อย่างที่คนทรงนัต หรือ นัตกะด่อ คนหนึ่งว่าไว้ครับว่า
"ขอพรจากนัตจากผีก็ได้แค่สุขทางโลก ประเดี๋ยวประด๋าวก็หมดไป แต่หากปฏิบัติธรรมจะได้สุขโลกุตระ คือ นิพพาน
เป็นบรมสุข"
อ่านบทความนี้ในเวอร์ชั่นเว็บไซต์ที่
โฆษณา