30 มิ.ย. 2020 เวลา 00:42 • สุขภาพ
#วิตามินบีรวม
(Vitamin B Complex)
เป็นกลุ่มของวิตามินบีที่ใช้รักษาและป้องกันการขาดวิตามินบีชนิดต่าง ๆ เนื่องมาจากทุพภาวะโภชนาการ โรคบางชนิด ติดสุรา หรืออยู่ในช่วงตั้งครรภ์ ซึ่งจะช่วยเสริมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายที่แตกต่างกันออกไปตามชนิดของวิตามินบี โดยส่วนประกอบของวิตามินบีรวมในแต่ละสูตรอาจจะแตกต่างกันออกไปในแต่ละประเภทของยา บางตัวยาอาจมีวิตามินบีเพียง 4 ชนิด แต่บางสูตรอาจมีวิตามินบีถึง 8 ชนิด ตัวอย่างของวิตามินบี เช่น
ไทอะมีน (Thiamine) หรือวิตามินบี 1 (Vitamin B1)
ไรโบฟลาวิน (Riboflavin) หรือวิตามินบี 2 (Vitamin B2)
ไนอะซิน/นิโคตินาไมด์ (Niacin/Nicotinamide) หรือวิตามินบี 3 (Vitamin B3)
กรดแพนโทเทนิก (Pantothenic Acid) หรือวิตามินบี 5 (Vitamin B5)
ไพริดอกซีน (Pyridoxine) หรือวิตามินบี 6 (Vitamin B6)
ไบโอติน (Biotin) หรือวิตามินบี 7 (Vitamin B7)
กรดโฟลิก (Folic Acid) หรือวิตามินบี 9 (Vitamin B9)
โคบาลามิน (Cobalamin) หรือวิตามินบี 12 (Vitamin B12)
#คำเตือนของการใช้วิตามินบีรวม
ควรแจ้งประวัติการแพ้ยาและอาการแพ้อื่น ๆ แก่แพทย์หรือเภสัชกรก่อนการใช้ เพราะส่วนผสมบางตัวในวิตามินอาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอาการแพ้
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ โรคตับ โรคโลหิตจางอย่างร้ายแรงจากการขาดวิตามินบี 12 (Pernicious Anemia) โรคฟีนิลคีโตนูเรีย (Phenylketonuria: PKU) หรือมีสภาวะอื่นที่ห้ามรับประทานแอสปาร์แตม (Aspartame) ซึ่งเป็นวัตถุให้ความหวานแทนน้ำตาล ควรปรึกษาแพทย์ก่อนการใช้ทุกครั้ง
เด็กอายุต่ำกว่า 3 ปี ไม่ควรใช้วิตามินชนิดนี้
หญิงมีครรภ์ กำลังวางแผนจะมีบุตร หรืออยู่ในช่วงให้นมบุตร ควรแจ้งแพทย์ล่วงหน้า
การใช้วิตามินบีรวมอาจทำให้เกิดผลบวกลวง (False Positive) ในการตรวจทางห้องปฏิบัติการบางประเภท จึงควรแจ้งแพทย์หรือผู้ที่เกี่ยวข้องก่อนการตรวจทุกครั้ง
#ปริมาณการใช้วิตามินบีรวม
วิตามินบีรวมมีอยู่หลายสูตรและมีสัดส่วนของวิตามินบีแตกต่างกันออกไป บางสูตรอาจมีการผสมส่วนประกอบหรือวิตามินชนิดอื่นเสริมลงไป เช่น วิตามินซี วิตามินอี ซิงค์ โดยทั่วไปแพทย์จะแนะนำให้รับประทานครั้งละ 1-2 เม็ด วันละ 1-3 ครั้ง สำหรับเด็กอายุ 3 ปีขึ้นไป ผู้ใหญ่ และผู้สูงอายุ ส่วนการฉีดหรือวิตามินบีรวมในรูปแบบอื่นอาจต้องพิจารณาเป็นรายบุคคล ทั้งนี้ ปริมาณและระยะเวลาในการใช้จะขึ้นอยู่กับดุลยพินิจของแพทย์หรือเภสัชกรเป็นหลัก เพราะต้องมีการประเมินถึงสาเหตุของโรคและความรุนแรงของอาการที่ผู้ป่วยเป็นร่วมด้วย
#การใช้วิตามินบีรวม
ก่อนการใช้วิตามินทุกครั้งควรแจ้งแพทย์หรือเภสัชกรให้ทราบหากเคยมีประวัติการแพ้ยา มีโรคประจำตัวเดิม หรือกำลังใช้ยา สมุนไพร และวิตามินเสริมตัวใดอยู่ในช่วงนั้น เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียง ซึ่งผู้ป่วยควรปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์หรือข้อบ่งใช้บนฉลากผลิตภัณฑ์ ไม่ควรเปลี่ยน เพิ่ม และลดปริมาณการใช้วิตามินด้วยตนเอง ยกเว้นได้รับคำสั่งจากแพทย์ หากเป็นวิตามินในรูปแบบเม็ดไม่ควรเคี้ยว แบ่ง หรือตัดออกเป็นส่วน ควรรับประทานทั้งเม็ด จากนั้นดื่มน้ำตาม 1 แก้ว ส่วนวิตามินในรูปแบบยาน้ำบางชนิดต้องเขย่าขวดให้เข้ากันดีก่อน และใช้ช้อนตวงยาที่ทางโรงพยาบาลให้มา
การเก็บรักษาวิตามินบีรวมควรอยู่ในที่มีอุณหภูมิไม่เกิน 25 องศาเซลเซียส ห่างจากความร้อน ความชื้น แสงแดด และเก็บไว้ให้ห่างจากมือเด็ก รวมถึงไม่ควรนำวิตามินที่หมดอายุมารับประทานหรือฉีด เพราะอาจเป็นอันตรายต่อร่างกาย
#ผลข้างเคียงจากการใช้วิตามินบีรวม
วิตามินบีรวมแทบไม่ก่อให้เกิดผลข้างเคียง บางส่วนอาจมีอาการปวดท้อง ท้องเสีย รู้สึกวูบวาบได้เล็กน้อย ขึ้นอยู่กับสูตรและปริมาณของส่วนผสมที่ออกฤทธิ์ แต่ในบางรายอาจเกิดอาการแพ้ยาจนทำให้มีอาการรุนแรงขึ้น เช่น วิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรง มีปัญหาในการหายใจ เกิดผื่นแดง คัน และมีอาการบวมบริเวณใบหน้า คอ ลิ้น ซึ่งควรรีบไปพบแพทย์
พบทุกเทคนิคดูแลสุขภาพไต
กับออม #แอดมินไตสายอินดี้ทุกวันที่นี่
คลินิกไตออนไลน์หมออลงกต
ปรึกษาปัญหาสุขภาพไตทุกวัน
คลินิกไตออนไลน์หมออลงกต1และ2
📲094-5291568, 📲063-9678678
Line:Oksystem, Line:Oksystem2
โฆษณา