30 มิ.ย. 2020 เวลา 19:08
EP. 31 “The Pig Farmer”
“Oink Oink” เสียงร้องของหมูที่ฝรั่งได้ยิน ถ้าเป็นที่ไทยก็จะได้ยืนเสียงร้องของหมูแบบ อู๊ด อู๊ด หมูเป็นสัตว์ที่ฉลาดมาก หากฝึกดีๆหมูสามารถเรียนรู้ และมีวินัยจนเหมือนกับ
สุนัขเลยทีเดียว หมูยังเป็นสัตว์ที่กินทุกอย่างที่ขวางหน้า หมูมักจะไม่เลือกกิน เกษตรกร
ในแต่ละที่ก็มีสูตรอาหารที่เตรียมให้หมูต่างกัน ไม่ว่าจะเป็นหัวอาหาร ผัก ผลไม้
1
แต่หมูที่ Pickton Farm อาจจะได้กินอย่างอื่นแทนเป็นอาหารเสริมด้วย
**คำเตือน 1. ยาวมาก เตือนก่อนเลย พยายามสรุปแล้ว ได้แค่นี้จริงๆ
คำเตือน 2. บางคำบรรยาย มันสยอง อ่านข้ามๆไปก็ได้ค่ะ
จุดเริ่มต้นของ Pickton Farm:
Port Coquitlam, British Columbia ประเทศ Canada Robert Pickton กับพี่ชาย
และน้องสาว ได้รับมรดกที่ดินและฟาร์มหมู มาจากพ่อกับแม่ ซึ่งเสียชีวิตลงในช่วงปี
1970’s พี่ชายและน้องสาวของ Robert ไม่สนใจในกิจการฟาร์ม และต่างไปมีชีวิตของ
ตัวเอง (พี่ชายไปเปิดอู่ซ่อมรถ และน้องสาวไปเป็นครู) มีเพียงแค่ Robert ที่ยังอาศัยอยู่ที่ฟาร์ม และดำเนินกิจการของครอบครัวต่อ เมื่อเขตที่อยู่อาศัยของเมืองเริ่มขยายตัว
Robert และพี่น้องตัดสินใจขายที่ดินบางส่วนของฟาร์ม และได้เงินมาหลายล้าน
ดอลลาห์ (5.16 ล้านเหรียญแคนาดา) ถึงจะขายที่ดินไปบ้าง แต่พื้นที่ของฟาร์มก็ยังมีอยู่ถึง 14 เอเคอร์ สภาพของฟาร์มนั้นสกปรกและรกมาก เหมือนหลุดมาจากหนังสยองขวัญ ทั้งฟาร์มเต็มไปด้วยเศษเหล็ก เศษวัสดุ รถที่จอดร้างไว้ ให้นึกภาพอู่รถผสมฟาร์ม ที่ไม่มีใครเก็บของมันกระจัดกระจายไปทั่วบริเวณ และถึงแม้จะมีเงินเยอะขนาดไหน Robert
ก็ยังอาศัยอยู่ที่ฟาร์มด้วยสภาพนี้ และสภาพความเป็นอยู่ก็ทั้งรกและสกปรกมากถึงมากที่สุด
ในปี 1996 Robert กับพี่ชาย ตัดสินใจจดทะเบียนกับรัฐบาลแคนาดา และจัดตั้งองค์กรการกุศลที่ชื่อว่า “The Piggy Palace Good Times Society” ที่มีจุดประสงค์ในการ
จัดงาน อีเว้นท์ต่างๆ เพื่อประโยชน์ทางการกุศล แต่เอาเข้าจริงๆแล้ว สองพี่น้องกลับจัดปาร์ตี้ขึ้น โดยใช้โรงฆ่าสัตว์ที่อยู่ในฟาร์มนั้นแหละ ทำเป็นดิสโก้แบบย่อยๆ และขาย
เครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างผิดกฎหมาย มีคนเข้าร่วมงานเป็นจำนวนมาก บางครั้ง
จำนวนคนร่วมงานก็ถึงหลักพัน ซึ่งคนที่เข้าร่วมงานบางส่วนก็เป็นหญิงขายบริการ
และแก๊งมอเตอร์ไซซ์อย่าง Hell Angel.
2
The beginning of everything:
เขต Downtown Eastside ของเมือง Vancouver ประเทศ Canada จะเรียกว่าเป็น
แหล่งย่านการขายบริการทางเพศ หรือ Red-Light District ก็คงไม่ผิดนัก อาณาบริเวณดังกล่าว เต็มไปด้วยผู้คนที่ติดยา และเหล่าบรรดาผู้ที่ขายบริการทางเพศ โดยเฉพาะ
ผู้หญิง ยืนรออยู่ข้างถนน เพื่อหาลูกค้า Wendy Lynn Eistetter ก็คือหนึ่งในคนที่
ขายบริการทางเพศ ในคืนวันที่ 23 มีนาคม ปี 1997 Wendy ยืนอยู่ข้างถนนเพื่อรอหา
ลูกค้าเหมือนอย่างปรกติเช่นทุกวัน ค่ำคืนนี้ มีผู้ชายขับรถกะบะสีแดงเข้ามาจอดเทียบฟุตบาท และเมื่อคุยกันเพื่อตกลงเงื่อนไขและราคาเรียบร้อย Wendy จึงขึ้นรถไปกับเขา
เขาเสนอให้ไปที่บ้านของตัวเอง ถึงแม้ Wendy จะไม่อยากไปไกลจากบริเวณดังกล่าว
มากนัก แต่เธอก็ตกลง(เพราะบ้านที่ลูกค้าคนนี้บอกก็อยู่ไม่ไกลมากนัก) ชายคนดังกล่าวพาเธอกลับมาที่ฟาร์มของตัวเอง Wendy ถึงแม้จะเห็นว่าสภาพบ้าน และสภาพ
อาณาบริเวณนั้นรกและสกปรกขนาดไหน แต่ก็ไม่ได้สนใจอะไรมากนัก คิดแค่ว่าทำงาน
ให้เสร็จๆแล้วกลับก็พอ
5
ชายคนดังกล่าวก็คือ Robert นั้นเอง หลังจากเสร็จกิจ เขาเดินเข้ามาประชิดตัว Wendy และพยายามทำท่าเหมือนจะกอด และจับมือ Wendy ไว้ ไม่กี่วินาทีต่อมาก็เอากุญแจมือมาล็อกมือของ Wendy ไว้ข้างนึง แน่นอนว่า Wendy ต่อสู้ในทันที ทั้งเตะต่อยและ
ตะโกนร้อง Wendy จำได้ว่าตอนเดินเข้ามาเธอเห็นมีดเล่มนึงวางไว้บนโต๊ะในครัว
Wendy วิ่งเข้าไปจับมีดและเริ่มเหวี่ยงไปปาด Robert ในทันที จนเขาได้แผลหลายแผล เมื่อสบจังหวะ Wendy วิ่งหนีออกมานอกบ้าน และมี Robert ตามาติดๆ เขาไล่ตามเธอทันและเกิดการต่อสู้ขึ้นอีกครั้ง คราวนี้ Wendy โดนแย่งมีดไป และ Robert แทง
Wendy เข้าที่ ท้องและหน้าอก ก่อนที่ Robert จะเสียหลักล้มลง Wendy หยิบมีดและ
วิ่งออกจากทางเข้าฟาร์มไปเจอบ้านเพื่อนบ้านที่อยู่ใกล้ที่สุด Wendy ทั้งกรีดร้องและทุบประตูบ้าน แต่ก็ยังไม่มีใครออกมาเปิดดู Wendy หลบอยู่ข้างทาง ด้วยกลัวว่า Robert
จะขับรถออกมาตามหาเธอ Wendy เห็นไฟหน้ารถขับใกล้เข้ามา เมื่อเห็นว่าเป็น
คู่ชายหญิงสูงอายุ ขับรถผ่านมา Wendy วิ่งเข้าไปหา พร้อมร้องขอความช่วยเหลือ (เป็นเราก็ไม่รู้ว่าเราจะหยุดไหม อยู่ดีๆก็มีผู้หญิงสภาพเลือดท่วมตัว ถือมีดวิ่งมาขอความช่วย
เหลือ ไม่รู้จะกลัวดีหรือจะช่วยดี) แต่โชคดีที่คู่สามีภรรยาสูงอายุจอดรถและรับเอาตัว
Wendy ไปส่งโรงพยาบาล เมื่อไปถึงที่โรงพยาบาล อาการ Wendy หนักพอสมควร
Wendy ถูกแทงหลายแผล แผลของ Wendy นั้นทำให้เธอเสียเลือดไปถึง 3 ลิตร และ
แผลที่แทงเข้าที่หน้าอกทะลุปอดของเธอ แพทย์ต้องทำการผ่าตัด Wendy โดยด่วนเพื่อ
รักษาชีวิตของเธอ แต่มีเจ้าหน้าที่ทีมแพทย์คนนึง สังเกตเห็นความผิดปรกติของอาการ
บาดเจ็บของ Wendy กับอาการบาดเจ็บของชายคนนึงที่เข้ามารับการรักษาที่
โรงพยาบาลในคืนเดียวกัน ชายคนนั้นอ้างว่า เขาจอดรับนักโบกรถข้างทางที่เป็นผู้หญิงและโดนทำร้ายร่างกาย เขามีแผลถูกปาดและถูกแทงหลายที่จากการโดนจู่โจม
ซึ่งเจ้าหน้าที่คิดว่าเรื่องของเขาไม่ตรงกับรอยแผล แต่มีสิ่งหนึ่งที่ตรงกันอย่างไม่น่า
เชื่อ…..ลูกกุญแจที่เจอในตัวชายคนนั้น ดันไปไขกุญแจมือที่ยังคาอยู่รอบข้อมือข้างนึง
ของ Wendy ได้พอดีเป๊ะ เจ้าหน้าที่แจ้งตำรวจในทันทีและไม่กี่วัน Robert Pickton ก็ถูกแจ้งข้อหาพยายามฆาตกรรม ทำร้ายร่างกาย และข้อหาอื่นที่ร้ายแรงเป็นอย่างมาก
Wendy นั้นโล่งใจที่ผู้ชายที่อันตรายและมีแนวโน้มจะทำร้ายร่างกายคนอื่นถูกกำจัด
ออกไปจากท้องถนน
1
...แต่ช้าก่อน Wendy โล่งใจได้ไม่นาน กลายเป็นว่า Robert นั้นได้ประกันตัวออกมา
ด้วยเงินเพียงแค่ 2,000 เหรียญแคนาดา ก่อนที่ข้อหาทั้งหมดจะถูกยกเลิกไป เพราะ
ทีมกฎหมายของรัฐ คิดว่า Wendy ไม่สามารถให้การ หรือขึ้นต่อสู้คดีได้ (มาจากเหตุที่ Wendy ติดยาอย่างหนัก และน่าจะเกิดภาพหลอน พูดจาไม่เป็นความ และถึงแม้จะไม่มีการกล่าวถึงอาชีพของ Wendy แต่การเป็นผู้หญิงขายบริการทางเพศ ก็ไม่ได้ให้ credit อะไรกับตัวเธอมากนัก) Robert ไม่ได้รับโทษอะไรเลยแม้แต่นิดเดียวจากการทำร้าย
Wendy ในครั้งนั้น หารู้ไม่ว่า หากรัฐทำอะไรสักคิด ผู้หญิงหลายคน อาจจะยังมีชีวิตอยู่
3
**อ่านถึงตรงนี้แล้วโมโห จะภาพหลอน จะอะไรก็แล้วแต่ มีผู้หญิงคนนึงโดนทำร้ายจน
เกือบตาย ไม่คิดจะสืบหาความจริงเพิ่มเติมกันเลยหรือไง
The Vancouver’s missing women:
เดือนกันยายน ปี 1998 มีแรงกดดันจากประชาชนมากมายต่อตำรวจ เนื่องมาจากช่วง
หลายปีที่ผ่านมา มีผู้หญิงหายตัวไปจำนวนมาก ซึ่งผู้หญิงที่หายตัวไปนั้น ก็เป็นคนที่
อาศัยอยู่ในมุมมืดของสังคม เช่น หญิงขายบริการทางเพศ หรือคนที่ติดยาอย่างหนัก
แต่แม้จะเป็นคนที่อยู่ในมุมมืดของสังคม ผู้หญิงพวกนี้ก็มีคนที่รักและเป็นหวงพวกเธอ
เมื่อมีคนหายไป ญาติ เพื่อน หรือครอบครัวก็จะไปแจ้งความต่อตำรวจ ซึ่งก็จะถูกปฏิบัติ
เหมือนกันหมด ตำรวจได้แต่บันทึกไว้ และตั้งข้อสันนิษฐาน ว่าคนหายอาจจะย้ายไปอยู่ที่เมืองอื่น มีที่อยู่ไม่เป็นหลักแหล่ง หรือแม้แต่ก็แค่ไม่อยากจะติดต่อกับครอบครัวตัวเอง
แต่เมื่อมีแรงกดดันมากขึ้น หน่วยงานตำรวจของ Vancouver จึงตั้งหน่วยตำรวจขึ้นมา
เพื่อสืบหาตัวคนหายโดยเฉพาะ ณ ตอนที่ตั้งหน่วยงานดังกล่าวขึ้นมานั้น มีผู้หญิงหายไปมากกว่า 26 คนแล้ว ตำรวจตามสืบไล่ดูรายละเอียด วัน เวลา และสถานที่ที่ผู้หญิง
ดังกล่าวหายตัว พร้อมกับเช็คใบมรณะบัตรนิรนาม โรงพยาบาล สถานที่ต่างๆ บางทีก็
เจอคนหายแบบตัวเป็นๆ ยังมีชีวิตอยู่ บางคนก็ตายไปแล้วจากการเสพยาเกินขนาด
หรือด้วยสาเหตุอื่น แต่ขณะที่กำลังสืบและเอาชื่อคนออกจาก list คนหาย ก็มีรายชื่อคน
หายเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ จนปลายปี 1998 ชื่อผู้หญิงที่หายตัวกลับเพิ่มขึ้นมาอีกจำนวน 11 รายชื่อด้วยกัน
4
ในปี 1999 ตำรวจได้เบาะแสสำคัญมาจากในพื้นที่ของ Pickton Farm ไม่ใช่ใครที่ไหน Bill หนึ่งในลูกจ้างของ Robert นั้นเอง Bill โทรหาตำรวจเพราะคิดว่า Robert ต้องมี
ส่วนเกี่ยวข้องกับการหายตัวไปของเหล่าผู้หญิงที่ทุกคนกำลังตามหาอยู่ เพราะ Bill รู้ว่า Robert มักจะไปรับเอาตัวผู้หญิงขายบริการจากบริเวณพื้นที่ Downtown Eastside
กลับมาที่บ้าน และBill ยังเคยเจอ เสื้อผ้า กระเป๋าถือ และ ID ของผู้หญิงในรถบ้านของ
Robert อีกด้วย ในพื้นที่ฟาร์มของ Robert มีเนื้อที่อยู่เยอะ สำหรับซ่อนสิ่งของ (หรือ
แม้แต่ผู้คน) และเขายังมีเครื่องจักรชิ้นใหญ่ เช่นเครื่องบดไม้...และเครื่องบดเนื้อหมู Bill ยังบอกให้ตำรวจลองพูดคุยกับ Lynn ซึ่งเป็นเพื่อนของ Robert และโตมาด้วยกัน แต่
Lynn ไม่ได้อยากจะคุยกับตำรวจ มากนักและถึงจะเป็นเบาะแสที่น่าสนใจ (บวกกับ
ตำรวจเจอแฟ้มคดีการทำร้ายร่างกายของ Wendy) แต่ตำรวจก็ยังคิดว่าไม่มีหลักฐาน
มากพอที่จะเข้าไปขอตรวจค้น Pickton Farm. ตำรวจจึงจับตาดู Robert เป็นระยะเวลากว่า 2 อาทิตย์ เพื่อตามดูว่า Robert จะไปรับเอาผู้หญิงที่ไหนมาอีก และเผื่อจะมีเหตุผลให้พวกเขา เข้าตรวจค้นที่ฟาร์มได้ แต่ก็ดูเหมือนจะไร้ผล การตามติดตัว Robert ไม่พบอะไรผิดปรกติเลย
2
ในปี 1999 American’s most wanted ทำรายการเกี่ยวกับผู้หญิงที่เริ่มหายตัวไปจาก Downtown Eastside และได้รับเบาะแสเป็นจำนวนมาก แต่ก็ไม่มีเบาะแสไหนที่เกี่ยว
ข้องกับ Pickton Farm หรือตัว Robert Pickton เลย ระหว่างนี้ “The Piggy Palace Good Times Society” ถูกรัฐออกคำสั่งปิดตัวลงในปี 2000 เพราะละเมิดกฎหมาย
เรื่อง ผังเมือง และรัฐยังปลดสถานะองค์กรการกุศลที่จดทะเบียนไว้ (เพราะวันๆไม่เห็น
จะทำอะไรเพื่อการกุศลและประโยชน์ของสังคมเลย) ทำเอา Robert เสียศูนย์ไปเล็ก
น้อย เพราะเขาดูจะ enjoy การจัดปาร์ตี้ที่ The Piggy Palace Good Times Society
เป็นอย่างมาก ระหว่างนี้ที่ตำรวจจับตาดู Robert อย่างใกล้ชิด จำนวนผู้หญิงที่หาย
ตัวไปเริ่มน้อยลง และไม่มีรายงานผู้หญิงหายตัวเพิ่มขึ้นมาเลย อยู่ดีๆตำรวจก็เริ่มคิดว่า อ้าว นี่เป็นเรื่องที่ดีมากๆเลยนี่นา อยู่ดีๆคนหายก็เริ่มลดลงแล้วก็ไม่มีคนหายเพิ่มขึ้นเลย เลยสันนิษฐานว่า ปัญหาดังกล่าวนั้น….หายไปแล้ว จึงมีคำสั่งให้ตำรวจหน่วยงานที่จับตา Robert อยู่ เลิกปฏิบัติการดังกล่าว แล้วไปทำงานอื่นแทน (โดยไม่ได้ดูเลย ว่าจำนวน
มันลดลงหรือหายไปเป็นเพราะว่าตำรวจอาจจะจับตาคนถูกคนอยู่ก็ได้) แต่ก็ไม่ใช่ว่า
เจ้าหน้าที่ทุกคนในหน่วยงานนั้นจะเห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว เจ้าหน้าที่จากหน่วยงาน
RCMP (“Royal Canadian Mounted Police”) ที่เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่ทำงานร่วม
กับตำรวจ Vancouver แยกออกมาตั้งกองกำลังใหม่เอง ในปี 2000 และเชิญเอา
นายตำรวจบางคนที่เคยทำงานร่วมกับกรมตำรวจ Vancouver มาทำงานให้กับ task
force ใหม่นี่ และสิ่งแรกที่พวกเขาเห็นไปในทางเดียวกันก็คือ ทุกคนกำลังทำงานแข่ง
กับเวลา เพราะเป็นที่แน่ชัดแล้วว่า พวกเขาไม่ได้กำลังตามหาตัวผู้หญิงที่หายไปอย่าง
เดียว
1
แต่พวกเขากำลังหาตัวฆาตกรต่อเนื่องอยู่ด้วยนั้นเอง
The New Task Force:
0 เมื่อตั้งหน่วยงานขึ้นมาใหม่ชื่อว่า “The Missing Women Task Force” ตำรวจขอ
ให้ประชาชนช่วยกันแจ้งเบาะแสมา และโฟกัสไปที่ผู้ต้องสงสัยอย่าง Robert ยังไม่ทันที่จะทำอะไรได้มาก ในคริสมาสต์ปีเดียวกันนั้นเอง ก็มีผู้หญิงหายเพิ่มขึ้นอีก 1 คน จนกระ
ทั่งเมษายน 2001 ก็มีผู้หญิงหายไปอีกถึง 4 คน ตำรวจต้องเกณฑ์เจ้าหน้าที่มาเพิ่ม และ
มีผู้ต้องหาเพิ่มเติม จนต้องพยายามตีวงผู้ต้องสงสัยให้แคบลง โดยแยกลักษณะของ
ผู้ต้องหาออกเป็นข้อๆ เช่น ต้องเป็นคนที่มีบ้านอยู่นอกตัวเมือง Vancouver บ้านที่อยู่
ต้องมีพื้นที่ห่างไกลชุมชน ต้องเป็นคนที่มีประวัติอาชญากรรมอื่นๆมาก่อน เป็นคนที่
คุ้นเคยกับย่าน Downtown Eastside เป็นอย่างดี ซึ่ง Robert นั้นมีคุณสมบัติทุกข้อที่
เจ้าหน้าที่สันนิษฐานไว้ ชื่อของ Robert เลยกลับมาอยู่ใน list ผู้ต้องสงสัยหลักอีกครั้ง
ในปี 2001 นักข่าวท้องถิ่นเริ่มทำข่าวเรื่องผู้หญิงที่หายตัวไป มากขึ้น และหนักขึ้น
จนเกือบแทบทุกวันเพื่อเตือนประชาชนว่า มีนักล่ากำลังออกล่า และนักล่าคนดังกล่าว
ยังไม่ถูกจับ เจ้าหน้าที่ตำรวจลงทุนเดินทางมาประชุมกับตำรวจหน่วยที่เคยจับกุมฆาตกรต่อเนื่องที่ สหรัฐอเมริกา เพื่อที่จะพยายามหาหนทาง วิธีที่จะหาตัวและจับกุมฆาตกรต่อ
เนื่องที่พวกเขากำลังตามตัวอยู่
October 2001, หลายปีหลังจากที่ปฏิเสธความจริงอยู่นาน กรมตำรวจ Vancouver
ร่วมแถลงข่าวกับ RCMP ว่า บัดนี้ตำรวจกำลังเผชิยหน้า กับการตามล่าหาตัวฆาตกร
ผู้ซึ่งอาจจะอยู่เบื้องหลังการหายตัวไปของ ผู้หญิงทั้งสิ้น 46 รายด้วยกัน (😢) 4 วันหลัง
จากแถลงข่าว ก็มีผู้หญิงหายเพิ่มอีก 1 คน เดือนต่อมา ก็มีหายเพิ่มขึ้นอีก ในเวลานี้
ตำรวจถึงแม้จะระดมกำลังกันทำงานเพื่อหาตัวฆาตกร แต่ก็ดูเหมือนนักล่าแห่ง
Vancouver นั้นไม่ได้ชะลอการทำงานของตัวเองลงเลย จนถึงสิ้นปี 2001 ก็มีผู้หญิงหายตัวเพิ่มมากขึ้นถึง 7 คน ทั้งๆที่ตำรวจพยายามอย่างสุดความสามารถแล้วก็ตาม
2
The tip that blew the case open:
ต้นปี 2002 มีชายคนนึงที่ชื่อว่า Scott โทรเข้ามาหาตำรวจ คล้ายๆกับ Bill ผู้ที่เคยโทรมาหาตำรวจเหมือนกัน Scott นั้นทำงานที่ฟาร์ม Pickton (ไม่แน่ใจว่าทำงานให้กับ
Robert หรือพี่ชายของ Robert เพราะส่วนนึงของฟาร์มก็เป็นที่จอดซากรถที่มาจาก
ธุรกิจของพี่ชาย Robert นั้นเอง) และตอนนี้กำลังถังแตกเป็นอย่างมาก Scott พยายามหาเงินจากการที่ให้เบาะแสกับตำรวจ (บางทีอาจจะมีการให้เงินรางวัลกับคนที่นำ
เบาะแสมาแจ้งกับตำรวจ) ตอนแรก Scott พยายามให้เบาะแสเกี่ยวกับการค้า
ยาเสพติด และถามตำรวจว่า แล้วเบาะแสเรื่องปืนที่ไม่ถูกกฎหมายละ? ตำรวจสนใจ
ไหม? ตำรวจแสดงความสนใจในทันที Scott แจ้งว่า เขาเคยพบปืนสั้น ปืนแบบ auto
และลูกกระสุนมากมาย (ซึ่งผิดกฎหมายเรื่องการควบคุมอาวุธของ Canada) ซึ่ง Scott เคยเห็นปืนพวกนี้อยู่ในรถบ้านของ Robert
1
ตำรวจรอได้ยินเรื่องแบบนี้มานาน เพราะเมื่อได้เบาะแสลักษณะนี้ ทำให้ตำรวจ สามารถขอหมายค้น ไปตรวจค้นบ้านของ Robert เมื่อตำรวจดำเนินการขอหมายศาล และตั้งทีมเข้าไปตรวจค้นบ้านและฟาร์มของ Robert ในวันที่ 6 กุมภาพันธ์ 2002 ตำรวจจับกุม
Robert และตรวจค้นบ้านของเขาในทันที ตำรวจนั้นคิดว่าจะเจอแค่ปืนกับยาเสพย์ติด
แต่ตำรวจคงไม่รู้ตัวว่าพวกเขานั้นเจอ Jackpot เข้าแล้ว
The Chilling Discovery:
เมื่อตำรวจเข้าตรวจค้นที่ฟาร์ม พวกเขาเจอปืนที่ครอบครองอย่างผิดกฎหมายใน
ห้องนอนของ Robert เมื่อเข้าไปตรวจค้นห้องนอนของ Robert ตำรวจเจอเครื่อง
ประดับของผู้หญิง กุญแจมือ ปืนที่ถูกดัดแปลง dildo และโต๊ะข้างๆหัวเตียงในลิ้นชัก
ยังเจอมีดทำครัวเป็นจำนวนมาก ตำรวจค้นเจอหนังสือ ซีดี และวิดิโอเทปจำนวนนึง
ในลิ้นชักตู้ในห้องนอน ตำรวจเจอ ID และสูติบัตรของผู้หญิงที่ชื่อ Heather Bottomley ซึ่งเป็นหนึ่งในชื่อที่อยู่ใน List คนหายที่ตำรวจกำลังหาตัวอยู่ (หนึ่งในปืนที่ตำรวจค้น
เจอ ปลายกระบอกปืนยังมีการดัดแปลงเอา dildo ไปติดอีกต่างหาก)
1
ตำรวจค้นใต้เตียงของ Robert และพบกับกระเป๋าใส่อุปกรณ์สกี หากแต่ในกระเป๋า
มีรองเท้าผู้หญิง และ inhaler สำหรับคนที่เป็นโรคหอบหืด ซึ่งยังมีฉลากยาแปะอยู่ และบนฉลากมีชื่อของเจ้าของ inhaler ดังกล่าวเช่นกัน Sereena Abotsway คือชื่อของหนึ่งในคนหายที่ตำรวจกำลังตามหาตัวอยู่นานแล้ว ก่อนที่ตำรวจจะค้นหาหลักฐานเสร็จ
เจ้าหน้าที่อีกส่วนก็วิทยุมาจากโรงฆ่าสัตว์ที่อยู่ไม่ไกลจากที่นั้น ให้ส่งเจ้าหน้าที่เข้ามา
ช่วยตรวจสอบพื้นที่เพิ่มเติม ในโรงฆ่าสัตว์ เจ้าหน้าที่พบซากหมูสองตัวที่ (คาดว่าเพื่อ
รอชำแหละ) และยังพบโต๊ะชำแหละ ที่เพดานมีโช่และตะขอห้อยลงมา พร้อมกับเสื้อผ้า
กระเป๋า ของใช้ผู้หญิงจำนวนนึง และยังพบกับ ID ผู้หญิงคนนึงซึ่งตำรวจรู้สึกคุ้นๆชื่ออยู่ เธอไม่ได้เป็นหนึ่งในหญิงที่หายตัวไป หากแต่เป็นผู้หญิงที่ตำรวจต้องการจะคุยด้วยมากที่สุด ผู้หญิงคนนั้นคือ Lynn เพื่อนของ Robert ที่ Bill เคยให้เบาะแสไว้นั้นเอง
4
ในตอนนี้ตำรวจมีหลักฐานมากพอที่จะแจ้งข้อหา Robert ในข้อหาครอบครองอาวุธผิด
กฎหมาย แต่ก็ยังไม่มีเหตุมากพอที่จะแจ้งข้อหาอื่นกับ Robert ตำรวจจึงต้องยอมให้
Robert ได้รับการประกันตัว ก่อนที่จะปล่อยตัวเขาออกมา แต่เมื่อเจอกับหลักฐานบาง
อย่างที่เชื่อมโยง Robert กับตัวผู้หญิงที่หายไป ตำรวจจึงขอหมายศาลเพื่อค้นบ้านและ
ที่ดินของ Robert เพิ่มเติม
3
**Remark: การขอหมายศาลเพื่อค้นสถานที่ส่วนตัว เป็นเรื่องทางกฎหมายนะคะ ไม่ใช่
ว่าขอมาแล้วทีนึงจะค้นได้ทั่วจักรวาล หากขอหมายศาลจำเพาะเจาะจงเรื่องใด จะไปค้น
เพิ่ม หาหมดก็ไม่ได้ มันมีความสำคัญมาก เพราะหากไม่ขอหมายศาลให้ถูกต้องไป
ค้นบ้านแล้วเจอหลักฐาน อาจจะทำให้หลักฐานนั้นไม่ถูกนำมาพิจารณาคดีในภายหลังค่ะ ด้วยเหตุนี้เอง ตำรวจจึงต้องไปขอหมายศาลใหม่ให้มันกว้างกว่าเดิม เพราะอันที่แล้วไปขอเพื่อค้นหาปืนตามเบาะแสอย่างเดียว
1
เมื่อตำรวจกลับมาค้นบ้านอีกที ก็เจอเข้ากับ mobile home ที่อยู่ในพื้นที่ของ Pickton
Farm ตำรวจเข้าตรวจค้น และเพียงแค่เปิดประตูก็พบเจอเข้ากับรอยเลือดเป็นจำนวน
มาก ชนิดที่ว่าจากพื้นถึงเพดาน จนทำให้เชื่อได้ว่า มันต้องมีคนมาตายที่นี้แน่ๆ และเมื่อตำรวจตรวจสอบดู ก็คิดว่าสถานที่เกิดเหตุที่จะต้องค้น นอกจากรถบ้านของ Robert
โรงฆาสัตว์ mobile home แล้ว ตำรวจน่าจะต้องค้นทั่วทุกจุด ทุกมุมในฟาร์ม ตำรวจปิดการเข้าออกฟาร์มในทันที และเกณฑ์เจ้าหน้าที่แทบจะทุกหน่วยงานมารื้อค้น และตรวจ
สอบที่ฟาร์ม เวลาผ่านไปสองอาทิตย์ ตำรวจก็ได้รับผลการตรวจ DNA ผลแรกมาจาก
lab รอยเลือดที่อยู่ในรถ mobile home ที่ตำรวจเจอนั้นมาจากผู้หญิงที่ชื่อว่า
Mona Wilson ซึ่งหายตัวไปจาก Downtown Eastside อีกเช่นกัน
2
วันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2002 ตำรวจแจ้งข้อหาฆาตกรรม Mona และเข้าจับกุม Robert
(ซึ่งในตอนนั้นอายุ 51 ปีแล้ว) เมื่อตำรวจสอบปากคำ Robert เป็นเวลา 19 ชั่วโมงใน
วันต่อมา Robert พูดเยอะก็จริง แต่พูดเกี่ยวกับตัวเอง ไม่ปริปากบอกเรื่องอื่นที่ตำรวจ
อยากรู้เลย ตำรวจถึงกับท้อใจ และส่ง Robert เข้าไปจองจำในห้องขัง….ที่นี้นี้เองที่
Robert เอ่ยปากบอกทุกเรื่อง และคุยถึงรายละเอียดต่างๆกับคนๆนึง ที่ไม่ได้ถามอะไร
เขาเลย แต่ดันไปบอกเขาหมดเหมือนกับสารภาพก็ไม่ปาน คนๆนั้น คือเพื่อนร่วมห้องขังของ Robert นั้นเอง นักโทษคนดังกล่าวรูปร่างใหญ่โตน่ากลัว เขาต้องเข้ามานอนในคุก เพราะโดนแจ้งจับในข้อหาฆาตกรรมผู้อื่น
2
คำโอ้อวดที่เป็นเหมือนคำสารภาพ:
ในห้องขัง Robert ทานข้าว พร้อมกับเปลี่ยนเสื้อผ้า เขาพูดคุยอย่างเป็นกันเองกับเพื่อนนักโทษคนดังกล่าว และโอ้อวดในสิ่งที่ตัวเองทำมาทั้งหมด Robert ไม่ได้ฆ่าแค่ Mona กับ Heather เท่านั้นหรอก แต่จริงๆแล้ว Robert ฆ่าผู้หญิงทั้งหมดมาทั้งสิ้น 49 คนด้วยกัน และเขาพยายามจะฆ่าให้ได้อีกคนนึง เพื่อที่จะได้เป็นตัวเลข 50 กลมๆ ก่อนที่จะ
โดนจับ แต่เขาดันสะเพร่าเลยพลาดท่า โดนจับเสียก่อน หลังจากเขาฆ่าผู้หญิงดังกล่าว
แล้ว เขาก็ทำลายศพด้วยกันหั่นออก แล้วเอาไปทิ้งที่โรงงานกำจัดสิ่งปฏิกูล (เวลาที่มีเนื้อหรือกระดูกสัตว์ส่วนที่ขายไม่ได้ เกษตรกรที่ทำปศุสัตว์จะเอาไปทำลายที่นี้) ซึ่งคำพูดทั้งหมด ถูกบันทึกไว้ในกล้องวิดิโอที่อยู่ในห้องขังนั้นเอง และแค่นั้นยังไม่พอ เพื่อนนักโทษที่อยู่ในห้องขังเดียวกันกับ Robert นั้น จริงๆแล้วไม่ได้เป็นอาชญากร แต่เขาเป็นหนึ่งในทีมตำรวจ ปลอมตัวมานั้นเองค่ะ
2
ย้อนกลับมาที่การค้นหาหลักฐานที่ฟาร์ม ตำรวจก็เริ่มได้รับผลตรวจ DNA มามากขึ้น
และไปตรงกับเหยื่อที่เป็นผู้หญิงหลายรายที่หายตัวไป ตำรวจไปเจอตู้เย็นขนาดใหญ่ที่
ตั้งอยู่ในโรงฆ่าสัตว์ ตำรวจค้นเจอถังขนาด 5 แกลลอน 2 ถังในตู้เย็น เมื่อเปิดฝาถังก็
เจอเข้ากับหัวของมนุษย์สองรายที่ถูกตัดครึ่งผ่าออก และยังมีส่วนมือและเท้าอยู่ในถัง
หัวทั้งสองได้รับการระบุอัตลักษณ์ว่าเป็นชิ้นส่วนศพของ Sereena Abotsway และ Andrea Joesbury
1
พอเจอแบบนี้ ตำรวจต้องค้นทุกตารางนิ้วในฟาร์มขนาด 14 เอเคอร์ และไม่ใช่การลุยหาบนพื้นดินเท่านั้น ตำรวจลุยขุดลงไปใต้ดินถึง 30 ฟุต เพื่อจะหาหลักฐานเพิ่มเติม
เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานเกือบทุกหน่วยถูกเกณฑ์มาที่ Pickton ฟาร์ม ความพยายาม
เหมือนจะเป็นผลสำเร็จให้ระบุตัวเหยื่อเพิ่มขึ้นอีกสองรายคือ Marnie Lee Frey และ
Brenda Ann Wolfe เจ้าหน้าที่เจอชิ้นส่วนกรามของทั้งสองที่ยังมีฟันติดอยู่ เมื่อตรวจหาเพิ่มเติมก็เจอชิ้นส่วนกระดูกมาจากร่างกายของมนุษย์ เช่นกระดูกซี่โครง เมื่อยืนยันระบุอัตลักษณ์ของรายไหนได้ ตำรวจก็จะแจ้งข้อหาและเตรียมส่งห้อง Robert ต่อไป ถึงแม้
ว่าจะมีการพบเจอสิ่งของที่เชื่องโยง Robert ไปหาผู้หญิงมากกว่า 30 ราย แต่เจ้าหน้าที่สามารถหาหลักฐาน และยืนยันการแจ้งข้อหาฆาตกรรมต่อ Robert ได้ จากเหยื่อที่มั่น
ใจว่าเสียชีวิตไปแล้ว 6 คนเท่านั้น
1
**ตำรวจยังกลับไปตรวจสอบ รองเท้าและเสื้อผ้าของ Robert เมื่อตอนที่เขาได้รับการ
รักษาจากการต่อสู้กับ Wendy 1997 (รองเท้ากับเสื้อผ้ายังถูกเก็บอยู่ในห้องเก็บหลักฐาน) ตำรวจพบเจอ DNA ของผู้หญิงที่หายตัวไปสองคน จากรองเท้าของ Robert คู่นี้นี่เอง
2
นอกจากจะทำการค้นหาหลักฐานเหมือนจะแทบพลิกแผ่นดิน ตำรวจยังพูดคุยกับพยานเพิ่มเติม พยานปากสำคัญเลยคือ Scott ผู้ให้เบาะแสเริ่มต้นและเคยสนิทชิดเชื้อกับ
Robert มาก่อน Scott บอกตำรวจว่าครั้งนึง Robert เคยพยายามจ้างวานเขาให้ฆ่า
Lynn (เพื่อนของตัวเองที่โตมาด้วยกัน และเคยทำงานอยู่ที่ฟาร์ม) โดยบอกกับ Scott
ว่า Lynn พยายามแบล็กเมล์เขา และบอกว่า วิธีการฆ่าคนที่ดีที่สุดคือเอาน้ำยา
เช็ดกระจกใส่เข็มฉีดยาแล้วฉีดใส่คนๆนั้น เพราะคนที่โดนฉีดจะตายภายใน 10 นาที
และตำรวจจะหารอยเข็มไม่เจอ Scott ไม่ได้ตกปากรับคำขอของ Robert แต่ตอนนี้
ตำรวจรู้แล้วว่า Lynn คือคนที่น่าจะเป็นพยานอีกปากที่มีความสำคัญมากที่สุดกับคดี
ของ Robert ตำรวจตัดสินใจไปคุยกับ Lyn อีกทีนึง ซึ่งคราวนี้ ไม่ว่าจะด้วยเหตุอะไรก็
ตาม Lyn ตัดสินใจคุยกับตำรวจค่ะ
1
คำบอกเล่าของ Lynn:
Lynn เล่าว่า เธอมาอยู่ที่บ้านกับ Robert เพราะติดยาอย่างหนัก Robert ให้เธอทำงานที่ฟาร์มเล็กๆน้อยๆ แลกกับการมีที่อยู่กับได้เงินมาบ้างเพื่อไปซื้อยาเสพติด ในเดือน
มีนาคม ปี 1999 Lynn กับ Robert ขับรถออกไปนอกฟาร์มเพื่อทำธุระกับ Robert
เขาจอดรถให้เธอซื้อยาเสพติดมาเสพ พร้อมกับเอ่ยปากถาม Lynn ว่า Lynn จะว่าอะไร
ไหม หากเขาแวะหาผู้หญิง (ที่ขายบริการทางเพศ)กลับไปที่บ้านด้วย Lynn ไม่ได้คิด
อะไรมาก คือว่าง่ายๆ อยากทำอะไรก็ทำ ในคืนนั้นมีผู้หญิงขายบริการขึ้นรถกลับมาที่
บ้านด้วย 1 คน เมื่อรถเข้ามาจอดที่บ้าน Lynn นั่งสูบบุหรี่กับหญิงคนดังกล่าวอยู่พักนึง
ก่อนที่เธอกับ Robert จะหายตัวเข้าไปในห้องนอนของ Robert และ Lynn ก็กลับเข้า
ห้องตัวเองเพื่อไปเสพยา
1
Lynnตื่นขึ้นมาในตอนกลางดึกเพราะได้ยืนเสียงกรีดร้องเบาๆ ดังมาจากที่ไหนซักแห่ง
ตอนแรกเธอไม่ได้สนใจเพราะคิดว่าตัวเองหลอนจากการเสพยาและดื่มเหล้า แต่ซักพักก็ได้ยินอีก ด้วยความสงสัย Lynn พยายามเดินตามหาต้นตอของเสียง เมื่อเดินไปดูที่ห้อง Robert ก็ไม่พบใคร แต่ตอนนี้ Lynn เห็นไฟที่โรงนา (หรือโรงฆ่าสัตว์นั้นแหละค่ะ)
เธอจึงย่องเดินเข้าไปดู เมื่อเปิดประตู Lynn ถึงกับเข่าทรุด Lynnเห็นผู้หญิงขายบริการ
คนดังกล่าว ถูกห้อยตัวอยู่กับตะขอ เล็บเท้าสีแดงของเธอแกว่งไปมา เลือดเต็มตัว
ที่สยองกว่าคือ Robert กำลังใช้มีดแล่ ควัก ตัดชิ้นส่วนลงไปในถังที่รองไว้ด้านล่าง
เหมือนกับที่ Lynn เคยเห็นเขาฆ่าและชำแหละหมูมานับครั้งไม่ถ้วน แต่ครั้งนี้ Lynn
ถึงกับช็อก ก้าวไม่ออกและทรุดลงตรงนั้นเอง Robert เห็น Lynn ในทันที และหันมาพูดขู่ Lynn ว่า หากเธอบอกใครเข้าละก็ Lynn จะไปคนต่อไปที่ถูกแขวนห้อยโตงเตงอยู่
ตรงหน้า Lynn สาบานว่าจะไม่บอกใครทั้งสิ้น Robert จึงให้เงิน 100 เหรียญดอลลาห์
กับ Lynn เพื่อให้หาแท็กซี่ ออกไปไหนก็ได้ในคืนนั้น Lynn ออกไปดื่มที่บาร์และตัดสินใจโทรกลับไปบอก Robert ว่า เธอกลับไปคืนดีกับแฟนเก่าและไม่ต้องกลับไปอยู่ที่นั้นอีก
แล้ว
1
นอกจาก Lynn แล้วตำรวจยังได้คุยกับ Andy ที่ชะตากรรมคล้ายๆกับ Lynn เขาทำงาน
เล็กๆน้อยๆ ที่ Pickton ฟาร์ม เพื่อแลกกับเงินและที่อยู่ ในคืนนึงหลังจากที่คุยกับ
Robert เรื่องผู้หญิงที่เขารับมาจาก Downtown Eastside อยู่ดีๆ Robert ก็บอกกับ
Andy ว่า เขารัดคอผู้หญิงพวกนั้น ก่อนจะชำแหละและเอาซากให้หมูที่ฟาร์มกิน
**มีทฤษฎีว่า Robert กำจัดชิ้นส่วนศพบางชิ้นโดยการให้หมูที่ฟาร์มกิน เพราะบาง
ชิ้นส่วน เช่นขาหรือกระโหลก มีลักษณะเฉพาะและไม่เหมือนอวัยวะสัตว์ และ Robert
ไม่อยากเอาไปทิ้งที่โรงงานกำจัดสิ่งปฏิกูลเพราะเสี่ยงจะมีคนเห็นและระบุได้ว่าเป็นชิ้น
ส่วนมนุษย์ เลยน่าจะทำการเผา หรือสับแล้วโยนให้หมูที่ฟาร์มกิน
Robert กับการเป็นฆาตกรต่อเนื่องชื่อดังที่สุดของ Canada:
นอกจากจะเป็นฆาตกรที่พรากเอาชีวิตคนบริสุทธิ์ไปจำนวนมากแล้ว การค้นหาพยาน
หลักฐานในคดีของ Robert ในตอนนั้นยังกินเวลายาวนานกว่า 5 ปี แถมยังใช้จำนวน
เจ้าหน้าที่มาทำงานมากที่สุดในประวัติศาสตร์อาชญากรรม พร้อมค่าใช้จ่ายของรัฐที่
บานปลายไปมากกว่า 100 ล้านเหรียญแคนาดา เจ้าหน้าที่ใช้เวลามากกว่า 18 เดือนในการรวบรวมพยานหลักฐานมาเพื่อแจ้งขอหา ดำเนินคดีกับ Robert ในครั้งแรก โดย
Robert ได้รับการแจ้งข้อหาฆาตกรรมผู้หญิง 6 รายด้วยกัน ประกอบด้วย
Sereena Abotsway
Mona Lee Wilson
Andrea Joesbury
Brenda Ann Wolfe
Marnie Lee Frey
Georgina Faith Papin
คณะลูกขุนมีความเห็นว่ามีความเห็นเหมือนกันว่า Robert ไม่ผิดฐานฆาตกรรมแบบ
First Degree Murder แต่มีความผิดจริงฐาน Second Degree Murder แทน
เพราะคณะลุกขุนไม่เชื่อว่า Robert ก่อคดีฆาตกรรมทุกคดีแต่เพียงผู้เดียว และ Robert น่าจะมีผู้สมรู้ร่วมคิด (อย่างเช่นพี่ชายของเขาเป็นต้น) จึงให้ลงโทษในความผิดฐาน
Second Degree Murder แทน แต่โทษก็ยังเป็นการจำคุกตลอดชีวิตอยู่ดี (อย่างต่ำ
ต้องถูกจำคุก 25 ปี)
ซึ่งรายละเอียดของคดี ก่อนหน้านี้ยังไม่ได้รับการเปิดเผยมากนัก เพราะ Robert ยังต่อสู้คดีจนถึงศาลฎีกาสูงสุดของประเทศ Canada จนในปี 2010 ศาลจึงมีคำสั่งไม่รับ
อุทธรณ์ของ Robert และยืนยันโทษตามเดิม เจ้าหน้าที่ตัดสินใจไม่ยื่นแจ้งข้อหาดำเนินคดีเพิ่มเติมของผู้หญิงอีก 30 กว่าคนที่หายไปและอาจจะมีส่วนเกี่ยวข้องกับ Robert
เพราะว่าไม่มีหลักฐานเพียงพอ
 
ข่าวลือที่ดันมาเป็นข่าวสยองของจริง:
หนึ่งในหลักฐานที่ได้มาจากการค้นตู้เย็นที่เจอศพของ Serena กับ Andrea เจ้าหน้าที่
เจอชิ้นส่วนเนื้อหมู และส่วนนึงก็คือหมูบด เจ้าหน้าที่แพคเป็นหนึ่งในหลักฐานแบบไม่ได้คิดอะไรมาก จนคิดอะไรไม่รู้ถึงเอาเนื้อหมูบดดังกล่าวไปตรวจสอบ ก่อนจะพบว่า ในเนื้อหมูบด มีเนื้อของเหยื่อผสมอยู่ด้วย เจ้าหน้าที่เจอ DNA ของเหยื่อสองคน จากกอง
เนื้อหมูบดดังกล่าว จนกระทั่งมีทฤษฎีว่า Robert บดเนื้อเหยื่อที่ฆ่ามาผสมปนเปกับ
เนื้อหมู ก่อนที่จะเอาออกไปส่งขายตามร้านขายเนื้อต่างๆที่เป็นลูกค้าของเขา จนทางการของประเทศ Canada ต้องออกมาแถลงข่าวว่า เรื่องดังกล่าวเป็นข่าวลือ ไม่ได้รับการยืนยันว่า Robert ทำจริงหรือไม่ (แต่ก็ยืนยันไม่ได้ว่าไม่ใช่เรื่องจริง) และปิดท้ายก่อนที่
จะบอกว่า ถึงจะเป็นจริง เนื้อมนุษย์นั้นเมื่อผสมกับเนื้อหมู คนมักจะไม่กินดิบ และเมื่อ
ไม่กินแบบดิบๆ ปรุงสุกแล้ว จะไม่ก่อให้เกิดอันตรายต่อผู้บริโภค (อุทานดังมากเมื่ออ่านถึงตอนนี้) แต่มันไม่จริงหรอกนะ ไม่ต้องไปกลัวกันหรอก
1
หลังจากที่ค้นหาหลักฐานเสร็จเจ้าหน้าที่ทลายสิ่งปลูกสร้างทุกหลังบนพื้นที่ Pickton
Farm และเชิญเหล่าญาติของเหยื่อมาเป็นสักขีพยาน พร้อมยังมีการปรับเปลี่ยน
กฎหมายมากมายเพื่อให้การลงโทษ การตรวจสอบพยานหลักฐาน หรือแม้แต่การตาม
หาคนหายมีการรัดกุมมากขึ้น ตำรวจถึงกับต้องแถลงข่าวขอโทษประชาชนว่า หากพวก
เขาพยายามมากกว่านี้ซักนิด หรือทำงานหนักมากกว่านี้หน่อย ผู้หญิงก็คงไม่หาย หรือ
เสียชีวิตมากมายขนาดนี้
จบเหอะ ตอนนี้จะสลบ ทีหลังเรื่องยาวๆจะทำเป็น Youtube เข้ามาเสริมนะคะ
เพราะเรื่องนี้เริ่มพิมพ์ไปแล้ว หยุดไม่ได้ พึ่งมาคิดได้ตอนหลัง
Robert Pickton
ผู้หญิงทั้ง 6 คนที่ได้รับการยืนยันว่าถูก Robert ฆาตกรรม
สภาพของฟาร์มจากมุมสูง
สภาพภายใน mobile home
ภาพส่วนนึงจากภายในโรงฆ่าสัตว์
ภาพของผู้หญิงที่หายไปทั้งหมด
สภาพ Farm จากอีกมุม
เจ้าหน้าที่กำลังทำลายสิ่งปลูกสร้างบนพื้นที่ของ Pickton Farm
โฆษณา