1 ก.ค. 2020 เวลา 10:54 • ไลฟ์สไตล์
เมื่อเพื่อนฉันเป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่ม
ราว20กว่าปีที่แล้ว ฉันเป็นนักท่องราตรีนักดื่มตัวยงในกลุ่มเพื่อนๆซึ่งนัดพบปะดื่มเที่ยวกันทุกคืนและถ้าฟ้าไม่สาง เราไม่เคยแยกย้ายกัน
ฉันดื่มแบบเพื่อนมักจะถามว่ารีบเหรออยู่บ่อยครั้ง จนบางครั้งเพื่อนต้องเตือนด้วยความเป็นห่วงให้ดื่มน้อยลงบ้าง เพราะแต่ละแก้วที่ชงของฉันคือเหล้าครึ่งแก้วผสมโซดาน้ำ
ต่างจากเพื่อนๆในกลุ่มที่แทบจะไม่มีสีของเหล้า แม้แต่เพื่อนชายก็ยังเตือนว่าฉันจะเป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่มเข้าสักวัน เพราะดื่มจัดมากเกินไป ฉันขบขันกับคำเตือนของเพื่อนๆเพราะฉันรู้ตัวดีว่า ฉันควรหยุดเมื่อไร
ฉันบอกตัวเองว่าขอสนุกสุดเหวี่ยงแค่ปีสองปีแล้วฉันจะหยุดทุกอย่างทั้งเที่ยวและดื่ม เมื่อครบกำหนดเวลาฉันก็ซื่อสัตย์กับตัวเอง การหยุดดื่มหยุดเที่ยวแบบทันทีของฉัน ไม่ส่งผลกระทบอะไรกับตัวฉันเลย แต่กลับเป็นที่สงสัยในกลุ่มเพื่อนมาก ว่าฉันทำได้อย่างไร
ฉันบอกเพื่อนๆไปตามตรงแต่ทุกคนลงความเห็นว่าไม่เชื่อ และเวลาก็เป็นเครื่องพิสูจน์ให้ฉันเอง จนเป็นเรื่องเล่าประจำกลุ่มและทุกคนพร้อมใจกันหยุดเที่ยว แต่หันมานัดสังสรรค์พบปะกันในช่วงกลางวันทุกวันหยุดแทน
ฉันดื่มเพียงน้ำเปล่าหรือน้ำอัดลมเท่านั้นในการชุมนุมกับเหล่าผองเพื่อนที่มีทั้งอายุมากกว่าและน้อยกว่าฉัน แต่เรายังคงเหนียวแน่นในความสัมพันธ์ฉันเพื่อนพี่น้องมาจนทุกวันนี้
สิบกว่าปีที่แล้วเพื่อนผู้ชายรุ่นพี่เป็นคนแรกที่ต้องเข้าโรงพยาบาลจากอาการปวดท้องและถ่ายเป็นเลือด ตามด้วยอาการแอลกอฮอล์ลิซึ่มเป็นรายแรกอีกด้วย ทั้งๆที่ดื่มแต่ละครั้งชงจางราวกับน้ำเปล่า สร้างความตกใจให้กับทุกคนเป็นอย่างมาก
เหตุที่เราทุกคนตกใจเพราะเพื่อนชายรุ่นพี่คนนี้น้ำหนักเหลือเพียง50กิโลกรัมจากน้ำหนักร้อยกว่ากิโลกรัม ดูผอมบางเหมือนกระดูกเดินได้เพราะสูงถึง180เซนติเมตร ผิวเหลืองแก้มตอบมือสั่นปากซีดและแห้ง เหล่าบรรดาเพื่อนๆต่างไปเยี่ยมและให้กำลังใจ ปัจจุบันเพื่อนชายรุ่นพี่คนนี้เลิกเหล้าสำเร็จและมีสุขภาพร่างกายแข็งแรงดี
เพราะความกลัวตายและมีระเบียบวินัยในการรักษาดูแลตัวเอง แต่กว่าจะผ่านวิกฤติมาได้ต้องใช้เวลาถึงสามปีกว่า เจ้าตัวเป็นคนเล่าให้บรรดาเพื่อนๆฟังเอง ทั้งยังมากระเซ้าเย้าแหย่ว่าความจริงเหตุการณ์นี้น่าจะเกิดกับฉันก่อนใครหากฉันไม่หยุดดื่มเสียก่อน
เวลา ณ ปัจจุบันเพื่อนๆในกลุ่มต่างห่างหายจากการดื่มไปหลายคน แม้บางคนจะยังดื่มอยู่บ้างแต่ก็เพียงนานๆครั้ง ยกเว้นเพื่อนหญิงที่ค่อนข้างจะไปมาหาสู่กันบ่อยที่สุดของฉัน จากคนขี้อายดื่มน้อยๆแบบเรียกว่าพอเป็นพิธีเมื่อยี่สิบกว่าปีที่แล้ว ทุกวันนี้เธอเป็นแอลกอฮอล์ลิซึ่มต้องดื่มทุกวัน และเพิ่มดีกรีด้วยการหันไปดื่มชนิดไม่มีสีที่แค่ได้กลิ่นก็อยากเบือนหน้าหนี
เพื่อนฉันคนนี้เธอมักจะจำคำพูดตัวเองไม่ค่อยได้บ่อยครั้ง หากจำเรื่องใดได้ก็จะพูดวนซ้ำอยู่แต่เรื่องนั้น สามีของเธอคือหนึ่งในกลุ่มเพื่อนที่คบกันมาอย่างยาวนาน มักจะพูดกับฉันเสมอว่ามีเพียงฉันที่คุยกับเธอรู้เรื่อง บางครั้งสามีเธอถึงกับต้องตบตีเพื่อเรียกสติของเธอ
หากแต่เป็นการตบตีด้วยความห่วงใย สามีเธออ้างเช่นนั้น ฉันไม่กล้าตัดสินว่าผิดหรือถูกเพราะสามีเธอเล่าว่าพยายามทำทุกทางเพื่อรักษาเธอแล้วจริงๆ แต่เธอก็ยังคงแอบดื่มทุกวันและไม่สนใจการรักษาเลย อีกทั้งยังแอบหนีไปไกลบ้างใกล้บ้างจนต้องตามตัวกันให้วุ่นอยู่บ่อยครั้ง
ฉันในฐานะเพื่อนของทั้งคู่จึงทำได้แค่เพียงช่วยพูดให้ทั้งคู่ใจเย็น เพราะอย่างไรฝ่ายเพื่อนชายก็ไม่เคยคิดจะทิ้งขว้างหรือไม่ดูแลฝ่ายหญิง ฝ่ายเพื่อนหญิงเองก็ทนความทุกข์ทรมานจากการอยากดื่มไม่ได้ แม้จะเคยพยายามมาหลายครั้ง ซึ่งทุกครั้งที่เธอพยายามหยุดดื่มจะโทรคุยกับฉันตลอด
ฉันคงทำได้แค่เพียงมองดูความเป็นไปของทั้งคู่ รอวันผลของการกระทำปลิดปลิวร่วงหล่นเมื่อถึงเวลาของมัน ฉันเคยถามเพื่อนว่าไม่กลัวเป็นเหมือนกับเพื่อนชายรุ่นพี่บ้างหรือ เธอเองก็ตอบว่ากลัว แต่เธอควบคุมตัวเองไม่ได้แล้วและยอมรับวันที่ตัวเธอเองจะต้องจากไป เพราะเธอคงไม่เข้มแข็งพอเหมือนกับเพื่อนชายรุ่นพี่
เมื่อนั่นคือสิ่งที่เพื่อนเลือกและผู้ที่อยู่รอบข้างพยายามกันจนสุดความสามารถแล้ว ฉันคงไม่อาจฝืนใจเพื่อนได้แม้จะหวังดีเพียงใด หากเธอโยนทิ้งความหวังดีต่อตัวเองไปแล้ว ใครที่ไหนก็ไม่สามารถจับมันยัดใส่มือคืนให้เธอ นอกจากตัวเธอจะยอมรับมันกลับมาเอง
โฆษณา