11 ก.ค. 2020 เวลา 04:30 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
เข้าถึงประวัติศาสตร์ไปกับเสียงเพลง
Les Misérables เป็นนวนิยายที่ถูกประพันธ์โดย"วิคตอร์ อูโก้"ชาวฝรั่งเศส ที่แต่งออกมาเพื่อเสียดสีการเมืองในสมัยนั้น แล้วก็ดังเป็นพลุแตก ไม่หายไปตามกาลเวลา เพราะเรื่องราวที่เขาได้แต่งนั้นยังคงใช้ได้ในทุกยุคสมัย จนกระทั่งในปัจจุบันทุกวันนี้เองก็เช่นกัน
นิยายเรื่องนี้เป็นอะไรที่โด่งดังมากถึงขนาดถูกนำไปสร้างเป็นบทละคร ละครเพลง อนิเมชั่น และภาพยนตร์ที่เรากำลังจะมาพูดถึงในบทความนี้
Les Misérables 2012 เป็นภาพยนตร์มิวสิคเคิลที่อิงมาจากนิยายของวิคตอร์โดยตรงซึ่งสามารถทำออกมาได้ดีมาก จนเราต้องยกขึ้นหิ้งภาพยนตร์ที่ดีที่สุดเรื่องนึงเลยแหละค่ะ
โดยในเรื่องจะมีทั้งปรัชญาซึ่งว่าด้วยความดีกับความชั่วที่ผสมปนเปกัน ปัญหาการเมือง และความไม่เป็นธรรมในสังคม ผ่านตัวละครทุกตัว
ซึ่งในการประท้วงบางที่ก็ได้นำเพลงนี้ไปร้องหรือเปิดเพื่อเรียกร้อง และเพื่อปลุกใจผู้เข้าร่วมประท้วงด้วยกันค่ะ
เมื่อพูดถึงการปฏิวัติฝรั่งเศสแล้ว ทุกคนคิดถึงอะไรกันคะ?
ใช่ La Révolution française (French Revolutionary War) ในปี 1789 - 1799 หรือก็คือ"การปฏิวัติฝรั่งเศส"อันโด่งดัง ที่มีการพากันแหกคุกบาสตีล์ หรือเปล่าเอ่ย?
แต่สำหรับการปฏิวัติในเลมิซที่เรากำลังพูดถึงนั้นเกิดขึ้นในปี 1813-1832
และเป็นอีเว้นท์ที่เรียกว่า Trois Glorieuses(ทัว กลอริอุส)
หรือถ้าแปลเป็นภาษาไทย จะเแปลว่า "สามวันอันรุ่งโรจน์"
โดยในปี 1813 - 1832 นี้ เป็นช่วงที่วิคตอร์ผู้แต่งมีชีวิตอยู่ และได้แต่งเนื้อเรื่องเลมิซขึ้นผ่านการเฝ้ามองช่วงเวลาของการเปลี่ยนแปลงอันแสนวุ่นวายของประเทศฝรั่งเศส
ซึ่งทัว กลอริอุส มีชนวนสืบต่อมาจากการปฏิวัติฝรั่งเศส(1789-1799)
โดยการปฏิวัติฝรั่งเศสก็มีชนวนส่วนหนึ่งมากจากการปฏิวัติอเมริกาอีกทีหนึ่ง...
...อ้าว แล้วปฏิวัติฝรั่งเศสไปเกี่ยวอะไรกับปฏิวัติอเมริกา???
ไปคลายความสงสัยกันได้ที่บทความปฏิวัติอเมริกาแบบคนสมองเบาได้เลยค่ะ555
และในส่วนของเรื่องปฏิวัติฝรั่งเศสครั้งที่ 1 - 2 สามารถย้อนกันไปอ่านได้ตามลิ้งค์นี้เลยนะคะ
ในเรื่องเลมิซจะเล่าถึงตัวละครหลัก "ฌอง วัลฌอง"(Jean Valjean) นักโทษที่โดนจับคุมขังจากคดีขโมยขนมปังหนึ่งชิ้น เพื่อไปเลี้ยงดูครอบครัว
ฌองต้องอยู่ในคุกที่แสนจะทรมานโหดร้าย และโดนจับตามองโดย "ฌาแวร์"(Javert)
ฌองที่ติดคุกนานถึง 19 ปี ได้ถูกปล่อยตัวออกมา
เขาได้หลบหนีทัณฑ์บนของตนเอง และหลบหนีสังคมที่ไม่ยอมรับผู้มีคดีติดตัวอย่างเขา ทำให้เขาได้มาเจอกับบาทหลวงที่นำพาแสงสว่างส่องสู่ชีวิตสีดำมืดของเขา
ฌองที่ได้รับการช่วยเหลือจากบาทหลวงได้เดินบนเส้นทางที่ถูกต้องและบริสุทธิ์ เขาได้กลายเป็นเจ้าของโรงงาน และได้เป็นนายกเทศมนตรีโดยที่ฌาแวร์ไม่รู้
แต่ถึงอย่างนั้นก็ตาม ฌอง วัลฌองจะต้องเลือกว่าจะ"ยอมเสียสละอิสรภาพในชีวิต เพื่อผู้บริสุทธิ์" หรือจะ"ยอมให้มีแพะรับบาปตายแทน เพื่อชีวิตของตัวเอง" .....
ทางฝ่ายฌาแวร์ที่คิดว่าตัวเองเข้าใจผิดเรื่องที่คิดว่านายกเทศมนตรีเป็นนักโทษหลบหนี(ซึ่งความจริงแล้วก็คิดถูกนั่นแหละ....) เพราะดันมาเจอชายที่ดันมีลักษณะคล้ายคลึงกับฌอง ด้วยเรื่องเพียงแค่นี้กลับทำให้เขาเดินคอตกไปหาฌอง เพื่อสารภาพความผิด(ที่ไม่ผิด)ของเขาและยอมโดนโทษประหารเลยทีเดียว
ในฉากต้นเรื่องนี้จะทำให้เราเกลียดการกระทำต่างๆที่ตามมาของฌาแวร์ไม่ลง แต่กลับรู้สึกสงสารเขาเสียอย่างนั้น...
เรื่องนี้นอกจากจะได้ใจสายมิวสิคคัลแล้วนั้น ยังได้ใจสายประวัติศาสตร์อีกด้วย
วิคตอร์ อูโก้ได้ถ่ายทอดเรื่องราวออกมาได้ดีจริงๆ
ทั้งเรื่องราวชีวิตของผู้คนที่ถูกสังคมบีบคั้น และความมีมิติของทุกตัวละครในเรื่อง
ไม่ว่าจะเป็นนักโทษหนีทัณฑ์บนผู้ได้รับโอกาสในการทำสิ่งที่ถูกต้อง
คุณแม่ยังสาวที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อหาเงินมาเลี้ยงดูลูกสาวตัวน้อย
เจ้าหน้าที่สืบสวนผู้ไม่รู้จักประณีประนอม และยึดมั่นในความถูกผิดมากเกินไป
เด็กผู้ชายตัวเล็กๆที่โตและกล้าหาญเกินวัยจากสังคมที่โหดร้าย
หญิงสาวที่ร่วมต่อสู้เคียงข้างชายหนุ่มที่ตนเองหลงรักอย่างสุดจิตสุดใจ โดยไม่ต้องการสิ่งใดตอบแทน
ไปจนถึงความรักที่ผลิบานท่ามกลางบ้านเมืองที่โกลาหล
และในตรงนี้นั้นจะเป็นส่วนของบทเพลงตามเหตุการณ์สำคัญในเรื่องที่เราจะขอเอามาให้ทุกคนได้ซึมซับไปด้วยกันนะคะ
เหตุการณ์จราจลที่ขบวนแห่ศพของ"นายพลฌ็อง แม็กซิมีเลียง ลามาร์ค”(General Jean Maximilien Lamarque)
อีกหนึ่งวันก่อนการก่อกบฏ
เพื่อนพ้องที่ต้องจากไป กับการก่อกบฏที่ล้มเหลว
โฆษณา