24 ก.ค. 2020 เวลา 02:00 • ประวัติศาสตร์
Lydia Litvyak นักบินรบหญิงแกร่งแห่งกองทัพโซเวียตในช่วงสงความโลกครั้งที่ 2
Lydia Litvyak
ลิเดียหนึ่งในตำนานนักบินหญิงแห่งกองทัพโซเวียต เธอเกิดในปี 1921 ที่มอสโคว ลิเดียมีความสนใจและหลงรักเกี่ยวกับด้านการบินตั้งแต่ยังเด็กๆ ตอนอายุ 14 ปี เธอได้สมัครเข้าไปในสโมสรการบิน และพออายุ 15 เธอก็ได้ลองบินเดี่ยวเป็นครั้งแรก หลังจากนั้นเธอก็ได้ศึกษาจนจบที่โรงเรียนการบินทหาร และมาสอนการบินอยู่ที่คาลินแอร์คลับได้อยู่พักหนึ่ง
หลังจากนั้นไม่นานสงครามระหว่างเยอรมันและโซเวียดก็เริ่มประทุขึ้นลิเดียไม่รอช้า เธอได้รีบสมัครเพื่อเข้าร่วมกับกองทัพในทันที แต่เธอก็ต้องผิดหวังเนื่องจากยังมีประสบการณ์ไม่มากพอ แต่นี่ก็ไม่ได้ทำให้เธอสิ้นหวังและล้มเลิกความตั้งใจ หลังจากถูกปฏิเสธเธอก็ได้มุ่งมั่นเก็บเกี่ยวประสบการณ์และชั่วโมงบิน ในที่สุดความมุ่งมั่นพยายามของเธอก็ประสบความสำเร็จ ลิเดียได้เข้าร่วมหน่วยบินรบกองกำลังป้องกันทางอากาศที่ 586 ซึ่งก่อตั้งโดย Marina Raskova
ตอนที่ได้เข้าร่วมกับหน่วยทหารและต้องได้รับการฝึกฝน ลิเดียก็ได้ก่อวีรกรรมแสบๆ ที่แสดงถึงความดื้อรั้นและความมั่นใจในตนเองของเธอจนโดนคาดโทษหลายครั้ง เช่นครั้งหนึ่งเธอเคยฝ่าฝืนกฏอย่างรุนแรงโดยแอบออกจากหอพักในช่วงเคอร์ฟิวเพื่อไปเต้นรำกับนายทหารหนุ่ม
เครื่องบินที่ลิเดียใช้คือก็ Yakovlev Yak-1 เป็นเครื่องบินประจำกองทัพอากาศโซเวียตในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เครื่องบินลำนี้ผลิตโดยบริษัท Yakovlev ตัวโครงสร้างประกอบจากหลายส่วนและตัวปีกทำจากไม้ ซึ่งทำให้เครื่องบินมีความเร็วและคล่องตัวสามารถหลบหลีกศัตรูได้อย่างดี
เครื่องบิน Yak-1
ในเดือนกันยายนปี 1942 ลิเดียได้ย้ายไปสังกัดหน่วยทหารที่ 437 ซึ่งเป็นหน่วยที่ดูแลครอบคลุมพื้นที่เหนือสตาลินกราด ในวันที่ 13 กันยายน เธอก็ทำแต้มกำจัดศัตรูได้เป็นครั้งแรกถึงสองลำ ถือเป็นนักบินหญิงคนแรกที่ยิงเครื่องบินศัตรูร่วงได้ และต่อมาในวันที่ 14 กันยายน ก็มีหลายแหล่งบันทึกไว้ว่าเธอก็ได้ยิงเครื่องบิน Bf 109 ของฝั่งเยอรมันที่นักบินเป็นถึงระดับ Knight's cross หรือกางเขนอัศวินซึ่งเป็นบำเหน็ดขั้นสูงสุดในกองกำลังทหารของนาซีลงได้
Knight's Cross
ลิเดียประจำหน่วยทหารที่ 437 ได้ไม่นานนัก เธอก็ย้ายหน่วยที่ประจำการไปมาหลายครั้ง จนเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 1943 เธอก็ได้รับ Order of the red star ซึ่งเป็นรางวัลที่มอบให้กับทหารของโซเวียต จากนั้นเธอยังได้เข้าร่วมในภารกิจชื่อว่า free hunter ซึ่งเป็นยุทธวิธีที่ให้นักบินที่มีประสบการณ์ทำการบินคู่กันเพื่อค้นหาศัตรู
Order of the red star
แต่ในสนามรบไม่เคยปราณีใคร แม้จะเก่งแค่ไหนก็พลาดได้เสมอ ขณะทำการรบลิเดียก็ได้ถูกฝั่งนาซีโจมตีกลับจนได้รับบาดเจ็บและเสียเลือดค่อนข้างมาก แต่การบาดเจ็บของเธอครั้งนี้คงไม่เจ็บปวดเท่าการที่เธอเห็นโซโลมาติน นายทหารฝีมือดีที่ยิงฝ่ายตรงข้ามตกได้ถึง 39 ครั้ง โซโลมาตินตายต่อหน้าคนทั้งหน่วยทหารขณะทำการสอนนักบินใหม่ ทำให้ลิเดียเสียใจอย่างมากจนถึงกับเขียนจดหมายกลับไปหาแม่ว่า เธอได้รู้ตัวเข้าแล้วว่าหลงรักโซโลมาตินเข้าหลังจากการตายของเขา ซึ่งหลังการตายนี้ทำให้ลิเดียไม่อยากทำอะไรอีกเลยนอกจากออกไปต่อสู้อย่างสิ้นหวัง
แม้ลิเดียจะเสียใจอย่างมาก แต่เธอก็ยังออกไปรบอย่างกล้าหาญ โดยในวันที่ 31 พฤษภาคม 1943 นักบินของหน่วยทหารโซเวียดหลายคนได้พยายามทำลายบอลลูนสังเกตการณ์ของฝ่ายเยอรมัน ลิเดียได้อาสาทำการรบและอธิบายแผนการรบของเธอให้ผู้บังคับบัญชาฟัง และปรากฏว่าแผนของเธอได้ผล บอลลูนซึ่งมีไฮโดรเจนถูกยิงโดยกระสุนของลิเดียจนติดไฟลุกไหม้และถูกทำลายไป ในที่สุดผลงานของเธอทำให้ในเดือนมิถุนายน 1943 ลิเดียได้ถูกแต่งตั้งให้เป็นผู้บัญชาการกองบินที่ 3 ในหน่วยกองบินรักษาการณ์ที่ 73 ซึ่งหลังจากนั้นเธอก็ได้ทำผลงานยิงฝ่ายเยอรมันได้อีกหลายครั้ง
ต่อมาวันที่ 1 สิงหาคม 1943 ลิเดียได้ออกทำการรบเป็นรอบที่ 4 ของวัน หลังจากที่เธอออกจากฐานไป เธอก็ไม่ได้บินกลับมาอีกเลย นักบินโซเวียตชื่อว่า Ivan Borisenko เล่าว่าขณะที่เธอทำการโจมตีเครื่องบินทิ้งระเบิดของเยอรมัน เธอไม่ได้สังเกตเห็นว่าเครื่องบินทิ้งระเบิดนั้นมีเครื่องบิน Bf 109 สองลำคอยบินคุ้มกันอยู่ จนเมื่อเธอรู้ตัวเธอก็ได้หันไปสู้กับพวกศัตรู และบินหายไปหลังกลุ่มเมฆ Borisenko ได้ตามสืบเพื่อค้นหาเธอเเต่ก็ไม่พบร่องรอยของการระเบิดหรือร่มชูชีพเลย และเธอก็ไม่เคยกลับมาที่ฐานทัพอีก นี่ถือเป็นภารกิจสุดท้ายในวัย 21 ปีของเธอ
หลังจากที่ลิเดียหายไปก็ได้มีการหาข้อมูลเกี่ยวกับลิเดียเพื่อพิสูจน์ว่าเธอถูกจับเป็นเชลยหรือไม่ ซึ่งเมื่อใช้เวลาค้นหาอยู่ 36 ปี ก็ได้พบศพของนักบินหญิงที่ไม่รู้แน่ชัดว่าเป็นใครฝังอยู่ที่หมู่บ้าน Dmitrievka ในเขตอำเภอ Shakhterski และต่อมาก็ได้รับการยืนยันว่าศพที่พบนั้นเป็นของลิเดียจริงๆ แต่ก็มีหลายข้อโต้แย้งและสันนิษฐานอื่นที่โผล่มาสร้างความสับสนเกี่ยวกับการตายของเธอแต่ก็ไม่มีหลักฐานแน่ชัด
ในปี 1990 Mikhail Gorbachev ประธานาธิปดีของโซเวียตในขณะนั้นก็ได้มีการมอบรางวัล Hero of the Soviet Union ให้เเก่เธอ ซึ่งถือว่าเป็นรางวัลสูงสุดที่มอบให้แก่ผู้ที่ดูแลรับใช้สหภาพโซเวียต
Hero of the Soviet Union
เรียกได้ว่าชีวิตของลิเดียนั้นเต็มที่และคุ้มค่ามาก เธอมุ่งมั่นตั้งใจกับสิ่งที่เธอรักและทำได้สำเร็จ ซึ่งในสมัยนั้นก็ถือว่ายากมากที่ผู้หญิงคนหนึ่งจะก้าวขึ้นมาเป็นทหารโดยเฉพาะนักบินรบ แต่เธอก็ไม่ย่อท้อและทำภารกิจของเธออย่างดีที่สุด
โฆษณา