3 ก.ค. 2020 เวลา 16:18 • หุ้น & เศรษฐกิจ
สถานะที่ 5 ในศักราชที่ 4 ของบิตคอยน์
The Fifth Phase of Bitcoin in the 4th epoch
PART3
มาสู่ Part 3 ของซีรี่ ซึ่งเป็นพาร์ทสุดท้ายแล้ว จะชี้ให้เห็นถึงการมาของ “สถานะที่5” ของบิตคอยน์ ที่เริ่มเกิดขึ้นแล้ว เพื่อให้มีข้อมูล จะได้มีมุมมอง เตรียมพร้อม และกำหนดจุดยืน ในแนวทางของตนเอง สำหรับการลงทุนในตลาดบิตคอยน์ และ คริปโทเคอร์เรนซี่ นับจากปี 2020 เป็นต้นไป...
ตอนที่3
-เนื้อหา-
ตอนที่ 3...เตรียมตัวอย่างไรในศักราชบิตคอยน์ใหม่
- ข้อมูลจากรายงานของ Delphi Digital ชี้ให้เห็นกระแสสถานะที่ 5
- การเคลื่อนไหวของนักลงทุนอาชีพ เขามีทัศนคติอย่างไร และทำอะไรกันกับบิตคอยน์
- ข้อมูลทางสถิติที่ชี้ให้เห็นถึงการมาของ สถานะที่ 5 ที่ชัดเจนขึ้นเรื่อย
- 7 แนวทางสำหรับการเริ่มลงทุนในโลกคริปโท ปี 2020
-ทำไมต้องบิตคอยน์ (Delphi Digital Report)-
โลกทุนนิยมยุคหลัง ที่ขับเคลื่อนด้วย “หนี้” และยังคงพึ่งพาสกุลเงิน “ดอลล่าห์” เป็นหลัก จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดการเปลี่ยนแปลง บวกกับมีตัวเร่งปฏิกิริยารุนแรงอย่าง covid-19 เข้ามา หลายประเทศทั่วโลกดำเนินโยบายทางการเงินตามลูกพี่ ปั๊มเงินอัดฉีดเข้าไปในระบบ เพื่อพยุงเวลา
ขณะเดียวกัน ต้องคำนึงด้วยว่าตนไม่ได้มีอำนาจผลิต เงินดอลลาห์ แล้วตัวเองมี Reserve currencies อื่นอยู่เท่าไร (EUR, JPY) อเมริกาลอยตัวอยู่แล้ว เมื่อทุกประเทศทำแบบนี้ ความต้องการ ดอลลาห์ และ/หรือ สินทรัพย์ที่ผูกกับดอลลาห์ ก็เพิ่มขึ้นโดยปริยาย..
หลายประเทศกำลังพัฒนาอาจยังพอมีพื้นที่ให้ cut rates อยู่ แต่หากเศรษฐกิจแย่ไปกว่านี้ ยิ่งปรับอัตราดอกเบี้ยลง ยิ่งทำให้การลงทุนจากต่างประเทศลดลงไปอีก ซึ่งนักลงทุนก็ทราบถึงความเสี่ยงนี้ดี ยิ่งหลายประเทศก็เริ่มเข้มงวดกับการควบคุมทุนเคลื่อนย้ายระหว่างประเทศในภาวะวิกฤติกันแล้ว
ท่ามกลางความเสี่ยงในการเสื่อมถอยมูลค่าของเงินตรา.. ทองคำ และบิตคอยน์ คือทางเลือก..
จากสถิติ จะเห็นปริมาณทั้งทองคำ และ ทองคำ ETFs เพิ่มขึ้นตั้งแต่ปี 2016 อย่างมีนัยสำคัญ
มีการเริ่มสะสมสินทรัพย์รักษามูลค่าและบิตคอยน์เป็นอีกหนึ่งทางเลือก
นอกจาก ทองคำ นักลงทุนมีความต้องการถือครองสินทรัพย์ที่เป็นเอกเทศ (non-correlated) เพราะกังวลว่า ภาวะการบีบรัดในภาคประชาชน จะทำให้การเติบโตเศรษฐกิจหดตัว
นโยบายแทรกแซงทางการเงิน กระจายไปทั่วโลก พร้อมกับการพูดให้ความมั่นใจของผู้นำ จะไปสร้างความต้องการให้กับ เงินดอลล่าร์ ในเวลาที่ไม่เหมาะสมเท่าไร
บิตคอย์ vs ทองคำ vs เงิน Fiat
บิตคอยน์ คือ ทางเลือกของสถานะทางการเงิน, หลักประกันมูลค่า, สมดุลทุนนิยม และระบบเศรษฐกิจรูปแบบใหม่ (Decentralized Economy)
ถ้าเกิดการยอมรับ และให้สถานะใหม่ ไม่ว่าจะเป็น Store of Value (SoV) หรือ Safe Heaven และยังมีความสามารถเป็น Internet of value ได้อีก บิตคอยน์ก็จะเข้าสู่กระแสหลัก ด้านการเป็นสินทรัพย์เพื่อการเก็บรักษามูลค่าทันที
แต่ความผันผวนและความไม่แน่นอนในยุคแรก อาจสร้างความไม่มั่นใจให้กับนักลงทุนรายใหม่ เนื่องจาก บิตคอยน์ เป็นสินทรัพย์ใหม่ (New Asset Class) ที่รอการยอมรับ และ “ตลาดเกิดใหม่” มักเริ่มด้วย การเก็งกำไรที่รุนแรง...
แต่หากมองเรื่องการเติบโตของตลาด แทบทุกตลาด ไม่ว่าตลาดหุ้น, ตลาดทองคำ, ตราสารอนุพันธ์ จนมาถึง ยุค dot.com ตอนเกิดใหม่ ก็มีการเก็งกำไรกันอย่างบ้าคลั่งเช่นกัน ให้มองที่มันเป็น ธรรชาติของตลาด...
เมื่อเวลาผ่านไป เริ่มมีการควบคุม และออกกฏเกณฑ์ คนเริ่มหันมาลงทุนระยะยาว และเน้นการใช้ประโยชน์ด้านอื่นด้วย ความผันผวนก็จะลดลงไปเอง
กราฟ The world Economic forum anticipates that 10% of global GDP will be stored on the blockchain by 2025
กราฟการพัฒนาบล็อกเชน บอกว่า 10% ของ GDP โลก จะอยู่ในโลกคริปโท ในปี 2025 และพบว่าเราพึ่งผ่านช่วงยุคระดมทุนสตาร์ทอัพ (ICO) มาหมาดๆ และกำลังเข้าสู่ยุคของผู้ทดสอบระบบก่อนเปิดใช้งานจริง (Pilot)
ถือว่าเป็นช่วงเริ่มต้นที่ดีมาก เพราะก่อนหน้า ในช่วงคอนเซป ก็เป็นเรื่องของคนกลุ่มแคบ อาทิผู้สร้าง และผู้ลงทุนเริ่มต้นเท่านั้น
— นักลงทุนอาชีพเริ่มสะดุดตา
นักลงทุนมืออาชีพ เข้าใจดีว่า การพิมพ์เงินที่มากเกินไป และการกระตุ้นเศรษฐกิจภาคการบริโภคเช่นนี้นั้นมีความเสี่ยง แต่ส่วนน้อยที่จะใช้เวลาทำความเข้าใจในสิ่งที่ บิตคอยน์ จะมอบให้ได้
นักลงทุนผู้มีอิทธิพล เริ่มค้นพบ ศักยภาพของ บิตคอยน์ เราค่อนข้างมั่นใจว่า บิตคอยน์ จะกลายเป็นที่ถกเถียงกันในระหว่าง การเป็น สินทรัพย์ที่ไม่ขึ้นกับรัฐบาล (non-sovereign asset) และสินทรัพย์ประกันความเสี่ยงเงินเฟ้อ (inflation hedges)
Paul Tudor นักลงทุนอาชีพที่ position ตัวเองใน บิตคอยน์ เพื่อเป็นการประกันความเสื่ยงต่อ ปรากฏการณ์เงินเฟ้อครั้งใหญ่ ที่กำลังจะเกิดขึ้นเพราะ นโยบายทางการเงินและการคลังชนิดสุดกู่
“ท้ายที่สุด กลยุทธ์ทำกำไรที่ดีที่สุด คือการเป็นเจ้าของม้าที่วิ่งเร็วที่สุด เป็นเจ้าของคนที่เก่งที่สุด และอย่าผูกความคิดไว้กับ ทิฐิมานะทั้งหลาย ที่มักทำให้เราหลงคิดว่า เรานั้นเก่งกว่าตลาด ถ้าบังคับให้ผมต้องวางเดิมพันแล้วล่ะก็, สิ่งที่ผมจะเลือกแทง ก็คือ บิตคอยน์”
นักลงทุนมืออาชีพ เริ่มมองบิตคอยน์เป็นทางเลือก
— การกระจายความมั่งคั่งของ “บิตคอยน์”
การกระจายความมั่งคั่งของบัญชีบิตคอยน์ และการเข้าซื้อสะสมของวาฬ
การวิเคราะห์การกระจายความมั่งคั่งของบิตคอยน์ ผ่านช่วงเวลา ทำให้เห็นลักษณะการกระจายจำนวนบิตคอยน์ จากบัญชีที่ถือครองไว้จำนวนมาก ไปสู่บัญชีที่เล็กกว่า จุดประสงค์เพื่อให้เห็นถึงการเติบโตของตลาด ที่มีผู้เล่นหน้าใหม่เพิ่มเข้ามา นั่นเอง
— พฤติกรรมลงทุนของ วาฬ ที่ชัดเจน
พฤติกรรมการลงทุนของเจ้า หรือ วาฬ ทั้งหลาย ดูจะตรงข้ามกับ เม่า รูปที่สอง.. สีฟ้าคือบัญชีที่ถือ btc มากกว่า1,000 btc สีแดงคือราคา ชัดเจนว่า เมื่อราคาสูงขึ้น วาฬก็เทขาย (ประมาณบัญชี 1,000 btc ลดลง) ในขณะที่จำนวนบัญชีที่เล็กกว่านั้นเพิ่มขึ้น (เม่ารับของ) และเมื่อราคาเริ่มดิ่งลง จำนวนบัญชีวาฬ ก็กลับมาเติมเต็มอีก เป็นวัฏจักรไม่รู้จบ
— บริการดูแลสินทรัพย์ สำหรับการเก็บรักษาบิตคอยน์
Multisig address (บัญชีที่มีเจ้าของมากกว่า1คน..เพิ่มเติมเชค)
บิตคอยน์ส่วนใหญ่ถูกเก็บในบัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหว
ส่วนมากใช้ในการเก็บบิตคอยน์จำนวนมากโดยเฉพาะผู้ให้บริการดูแลสินทรัพย์ โดยธรรมชาติของบิตคอยน์ที่อยุ่ในแอดเดรสนี้ จะมีการเคลื่อนไหวต่ำ ส่วนมากจะเป็น unspend
จากกราฟจะเห็นการเติบโตของบัญชี Multisig เพิ่มขึ้นมากทีเดียว และบิตคอยน์ไหลเข้ามาในบัญชี unspent เพิ่มขึ้น
ตรงนี้ชี้ชัดไปที่มุมมองต่อบิตคอยน์ที่ไปในทาง SoV (Store of Value) และบริการดูแลสินทรัพย์ดิจิตอลก็เริ่มตอบรับมากขึ้น
ปัจจุบันมี บิตคอยน์ราว 5ล้าน ₿ ถืออยู่ใน multisig และราว 3.9ล้าน อยู่ในประเภท unspent
— การมองบิตคอยน์เป็น New Asset Class
การเพิ่มขึ้นของกิจกรรมที่เกี่ยวกับบิตคอยน์ การปล่อยกู้บิตคอยน์ระหว่างสถาบัน การออกกองทุน และช่องทางซื้อขายบิตคอยน์
— ปล่อยกู้บิตคอยน์ ให้สถาบันการเงิน
ภาคบริการปล่อยกู้ บิตคอยน์ และเงินดิจิตอลอื่น ก็กำลังเติบโต Genesis global trading ให้บริการกู้ยืมบิตคอยน์สำหรับสถาบัน แค่ไตรมาสแรกก็มีการเพิ่มทุนเข้าไป 2พันล้านดอลล์ จากในปีก่อนหน้า 1พันล้านดอลล์ และยอดปล่อยกู้ก็ทำ ATH (All time high) ช่วงกลางกุมภาฯที่ผ่านมา
ส่วนมากการกู้ยืม บิตคอยน์ นำไปใช้กับตลาดค้าเงิน (Arbitrage) สำหรับ Altcoin มักนำไปใช้กับการ Short ในตลาดอนุพันธ์ (derivatves)
— นักลงทุนสถาบันเริ่มเข้ามาในโลกคริปโท
ด้านนักลงทุนสถาบัน ก็มีการลงทุนอย่างหนักใน บิตคอยน์ อย่าง Grayscale บริษัทจัดการสินทรัพย์ ก็ได้ออกผลิตภัณฑ์การลงทุนอย่าง GBTC (Grayscale Bitcoin Trust) ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมาก
โดยไตรมาสแรกของปี 2020 เงินทุนไหลเข้ามาทำสถิติสูงสุด เพิ่มขึ้นกว่า 100% จากปีก่อน ราว 389ล้านดอลล์ การเพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะ เกิดตั้งแต่ไตรมาสที่สองของปี 2019 โดยมีเม็ดเงินลงทุนเข้ามาเฉลี่ย 30ล้านดอลล์ ต่อ สัปดาห์ และจากรายงานไตรมาสแรกของปี 2020 ที่ผ่านมา GBTC มีขนาดโตกว่า 2พันล้านดอลล์ ซึ่งเงินส่วนใหญ่มาจากนักลงทุนสถาบัน
— ประตูสู่โลกบิตคอยน์
ฝั่งภาคธุรกิจ ก็ไม่แพ้กัน โดยเฉพาะ payment gateway อย่าง Square, Inc. ที่มี Cash app ที่รับจ่าย ซื้อ บิตคอยน์ เบ็ตเสร็จในตัว ก็มียอดซื้อบิตคอยน์ทำสถิติในไตรมาสแรกปี 2020 เช่นกัน โดยมีกำไรจากยอดซื้อบิตคอยน์ผ่าน Cash app ถึง 306ล้านดอลล์ ซึ่งเท่ากับ ราว 21% ของบิตคอยน์ที่เปิดขายบน cash app
การไหลของบิตคอยน์บนเวปเทรด
— การไหลของบิตคอยน์บนเวปเทรด
สามเดือนที่ผ่านมา มีแพทเทินที่น่าสนใจคือ บิตคอยน์นั้นไหลออกจากเวปเทรดจำนวนมาก เป็นหลักฐานที่คาดเดาได้ว่า มีการสะสมของเพื่อถือยาวสำหรับ HODLER ตัวใหญ่ และเป็นสัญญาณเทรนด์ตลาดกระทิงในระยะยาว
ช่วงมกราคม 2020 ตลาดขับเคลื่อนด้วย Future จากประมาณ open interest (OI) เพิ่ม 2เท่า ในสองเดือนแรก และเทลงในเดือนมีนาคม จากนั้นก็เกิด การเพิ่มขึ้นของปริมาณ spot เทรด ที่ค่อยฟื้นตัวและไต่ระดับสูงขึ้น
โวลลุ่มดีดสูงในช่วงของการเทในเดือนมีนาคม ซึ่งปริมาณสูงเกือบเท่ากับเมื่อเดือน มิ.ย. ของปี 2019 แสดงถึงการเข้าซื้อในช่วงที่มีการดั้มของราคา
Volume Analysis
กระแส DeFi และ DEX ที่ต้องใช้ร่วมกัน อาจทำให้เงินไหลออกจากเวปเทรดแบบ CEX
กระแสการ ฝากเงิน และปล่อยกู้เงิน บนแพลตฟอร์ม DeFi (Decentralized Finance) ที่ต้องใช้ DEX (Decentralized Exchange) ควบคู่ไปด้วย เป็นสาเหตุให้เกิดการไหลออกของเงิน จากเวปเทรด (CEX) สู่แพลตฟอร์มเหล่านี้มากขึ้น
ผู้คนเริ่มตระหนักถึงความปลอดภัย และเริ่มมีความรู้เข้าใจ ระบบ Decentralized มากขึ้นด้วย และประเด็นสุดท้ายคือ วาฬ ทั้งหลายเริ่มสะสม กักตุน บิตคอยน์ เพื่อเก็งกำไรในระยะยาว
— UTXO Analysis
UTXO Analysis
UTXO คือ การวิเคราะห์บัญชีที่ไม่มีการเคลื่อนไหวมานาน 5ปี ซึ่งคิดเป็น 22% ของเน็ตเวิร์ค และที่นานกว่านั้น คิดเป็น 7.7% บัญชีเหล่านี้ จัดเข้าประเภท ถือยาว (HODL) จากการ Halving ครั้งที่ 2 (2016) จำนวน % บัญชี Hodl ไม่ต่างกันมาก
ในปัจจุบัน การเพิ่มขึ้น-ลดลง ก็เป็นไปตามราคาบิตคอยน์ เมื่อบิตคอยน์ทำ ATH จำนวน Hodl ก็ take profit ไปจำนวนนึง เมื่อราคาผันผวน หรือทำ Low ขาลง
การถือเหรียญเพื่อเก็งกำไรระยะยาว เพิ่มมากขึ้น จำนวน Hodl ก็ทยอยเพิ่มขึ้น
การเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจน จะพบในบัญชีที่ถือครองบิตคอยน์ต่ำกว่า 1 ปี แต่บัญชีที่ถือครองเกิน 1 ปี จะเปลี่ยนแปลงน้อยกว่า ยิ่งบัญชีที่ถือครองมานาน 3ปี ขึ้นไป ยิ่งไม่ค่อยเปลี่ยนแปลง ยังคง Hodl ไว้อย่างเหนียวแน่น
— Market Value to Realized value
MVRV การวิเคราะห์สัดส่วนระหว่าง มูลค่าเหรียญในตลาดกับมูลค่าสุทธิ
MVRV การวิเคราะห์สัดส่วนระหว่าง มูลค่าเหรียญในตลาดกับมูลค่าสุทธิ (กำไร-ขาดทุน, RV:Realized value) นำมาพล้อตกับราคา จะบอกจุดที่คนเริ่มขายทำกำไร และ จุดที่คนซื้อสะสม ซึ่งใช้บอกเทรนด์ของตลาดได้
จากสถิติเดิม MVRV (เส้นสีส้ม) ลงมาตัด RV แสดงโซนที่คนเริ่มสะสมของ และเมื่อราคาทำ ATH ก็เป็นจุดขาย
หลังจากเราทำ Low เมื่อปี2019 ซึ่งเป็นจุดสะสมและโดยสถิติตลาดจะกลายเป็นกระทิง แต่ตลาดเปลี่ยนแปลงทุกปี ปีนี้เลยเป็นครั้งแรกที่เราได้เห็นว่า MvRv นั้นกลับร่วงลงไปอีกในเดือนมีนา 2020 ที่เกิดการเทของราคาอย่างหนัก ทำให้เกิดจุด buy ถึงสองครั้งในไซเคิลนี้
ก็ต้องรอดูว่าจะมีครั้งที่สามไหม...
สุดท้ายเมื่อนำการเคลื่อนไหวของบัญชี UTXO ล่าสุดที่สอดคล้องกับราคา ทำให้รู้ได้ว่ามีการสะสมบิตคอยน์ที่ช่วงราคาไหนกันบ้าง ตั้งแต่ปี 2019 ถึง 2020..
การกระจายตัวของจุดเข้าซื้อของคนส่วนใหญ่
— เตรียมตัวกัน เราควรโฟกัสที่อะไรบ้าง นับตั้งแต่ปี 2020 นี้ —
ก่อนอื่นข้าพเจ้าจะอนุมานว่า ทุกคนมีความรู้พื้นฐานกันหมดแล้วเรื่อง บิตคอยน์ บล้อกเชน กระเป๋าเงิน การโอนเหรียญ และการใช้งาน เวปเทรด ที้ง CEX และ DEX
Bitcoin are gone””?
ข้อที่ 1...
บิตคอยน์มีจำนวนจำกัด ซื้อหาสะสมให้ได้ อย่างน้อย 1BTC นอกจากบิตคอยน์จะถูกกำหนดให้มี 21 ล้านบิตคอยน์เท่านั้น มันยังสูญหายและถูกล็อคไว้ตลอดการอีกราว 4 ล้านบิตคอยน์ และของ ซาโตชิ นากาโมโตะ อีก 1 ล้านบิตคอยน์ เป็นของวาฬไปอีกราว 5 ล้านบิตคอยน์
ปัจจุบัน บิตคอยน์ถูกขุดขึ้นมาหมุนเวียนในตลาด 18 ล้านบิตคอยน์ ดังนั้นจะเหลือเพียง 8 ล้านบิตคอยน์ เท่านั้นที่เราจะมีโอกาสเป็นเจ้าของได้..ณ ตอนนี้ และก่อนที่ตลาดกระทิงจะมาถึง หรืออย่างมาก ก่อน Halving ครั้งต่อไปในปี 2024
ควรมีเป้าหมายว่า จะต้องมีบิตคอยน์ เก็บในกระเป๋า “แบบถาวร” อย่างน้อย 1 BTC
Ethereum 2.0
ข้อที่2.
ปี2020 ต้องตามกระแส DeFi (Decentralized Financial) และเชนหลักที่นำไปทำแพลตฟอร์ม DeFi
ยอดนิยมจะเป็น Ethereum แม้เหรียญ ETH จะไม่ได้มีจำนวนจำกัดเหมือนกับ BTC แต่การใช้งานที่เพิ่มขึ้น และกว้างขึ้น โดยเฉพาะวงการ DeFi มี ETH ถูกล็อคอยู่บนแพลตฟอร์มเป็นจำนวนมาก ทำให้ความต้องการเหรียญเพิ่มขึ้น
นอกจากนี้ หลายคนยังรอ Ethereum 2.0 ในปีหน้าอีกด้วย ซึ่งจะมีฟีเจอร์ใหม่แบบยกเครื่อง เด่นๆเห็นจะเป็น Sharding (Shard Chains) และ POS (Proof of Stake) ซึ่งการมาของ POS ก็จะทำให้เหรียญ ETH ถูกล๊อคอยู่ในระบบเพื่อ Stake อีก
ดังนั้น ง่ายๆ เราจึงควรมีเหรียญ ETH ติดพอตไว้ด้วย ก่อนตลาดกระทิงที่จะมาถึง... และมีจำนวนเท่าไรดี
อ้างอิงจาก เปเปอร์ คาดว่าเมื่อระบบ POS ทำงาน ผู้ที่จะ Stake เหรียญ ETH เพื่อให้ได้เหรียญเพิ่ม ต้องมีเหรียญ ETH เริ่มต้นที่ 32 ETH...
The Chad Yield Farmer
ข้อที่3.
ฟาร์มมิ่งยีลด์ (DeFi Yield Farming) ใช้เงินทำงาน ด้วยแพลตฟอร์ม DeFi กำลังเป็นเทรนด์ในปี 2020 นี้ และจะมากขึ้นจนคาดการณ์ว่าอาจเป็นฟองสบู่..
แต่ก่อนที่มันจะแตก นั่นคือโอกาสทำเงิน :D
เมื่อก่อน เราแค่ HODL BTC ไว้ในกระเป๋าที่ปลอดภัยและรอมูลค่าเพิ่มขึ้นตามเวลา แต่เดี๋ยวนี้โลกคริปโทก้าวไปอีกขั้น กับแพลตฟอร์ม DeFi ที่เปรียบเสมือนธนาคารแห่งโลกคริปโท ที่เราฝากเงินและจะได้รับดอกเบี้ยที่สูงมากทีเดียว (ราว 10%+ ต่อปี)
สามารถเอาเหรียญที่ถือไปจำนำไว้ เพื่อเอาเหรียญหรือโทเค่นชนิดอื่นออกมาใช้งานได้อีกด้วย ซึ่งเป็นระบบที่กำลังได้รับความนิยม และจะกลายเป็น New normal สำหรับสาย HODL เหรียญ..
ตอนนี้ก็เริ่มมีเทคนิคออกมามากมายให้ได้เล่นกัน เช่น ฝากเหรียญนี้ ไปยืมเหรียญนู้น กลับมาฝากอีก เพื่อให้ได้รับการแจกเหรียญแพลตฟอร์มเพิ่ม เช่น เหรียญ Comp เป็นต้น โดยควบคุมอัตราดอกเบี้ยต่อปีให้คงกำไรอยู่ อะไรประมาณนี้ (รายละเอียดวิธีการ เอาไว้จะหาข้อมูลมาสรุปให้อีกทีนะ)
ข้อที่4.
การขุดบิตคอยน์ เหรียญ และโทเค่นอื่น จะกลับมาคึกคักอีกครั้ง
หากเคยผ่านปี 2017 ที่เกิดปรากฏการณ์ “ตื่นทอง” (Gold Rush) คนแห่ซื้อเครื่องขุด ซื้อการ์ดจอขุดกันคึกคัก ขุดอวดกำไรกันเต็มฟีด บางคนออกจากงาน บอกเนี่ยล่ะ passive income ที่แท้ทรู (เอาแต่ถ้าเขาบริหารเป็น “ก็อยู่ได้” เดี๋ยวนี้คนที่ออกจากงานเห็นยังขายเครื่องขุดเป็นล่ำเป็นสัน เปลี่ยนอาชีพใหม่ไปเลย)
ปรากฏการณ์ Crypto Rush “ตื่นขุดเหรียญ” จะกลับมาอีก แต่อาจจะไม่บ้าเท่าปี 2017 หรอก เพราะคนรู้จักเรียนรู้.. “เจ็บแล้วจำเป็นคน” :D
ตอนนี้เริ่มมีสัญญาณ คือ เครื่องขุดรุ่นใหม่ แรงขุดดี กำลังเริ่มทยอยเข้าสู่ตลาด ในราคาที่สมเหตุผล ถ้าอยากเป็นสายนักขุด ก็ควรลงทุนในช่วงนี้ล่ะ
แต่ถ้าไม่ได้เน้นขุด เดี๋ยวนี้มีเครื่องขุดแบบ กินไฟต่ำ ขุดขำๆพอเกาะกระแสก็มี
หรืออาจเริ่มมองหาบริการ รับฝากเครื่องขุด, เช่ากำลังขุดคลาวด์ไมนิ่ง, หรือซื้อขายกำลังขุด ซึ่งจริงๆแล้วสายขุดก็มีอะไรให้เล่นอีกมาก..
เหรียญโทเค่น CEX, DEX, DeFi and Exchange Tokens and DeFi Tokens
ข้อที่ 5.
เหรียญเวปเทรดคริปโตทั้งหลาย ทั้ง DEX (Decentralized Exchange) และ CEX (Centralized Exchange) และ Hybridized Exchange
“ตลาดแลกเปลี่ยน" ก็เป็นเรื่องสำคัญที่ขาดไม่ได้เช่นกัน แม้ในโลกคริปโท
พิจาราณาติดพอตไว้ก็ตัวอันดับต้นๆ ที่แน่ๆ ก็เหรียญ BNB ของ Binance เวปเทรดยอดนิยมระดับโลก
ที่เหลือก็ลองพิจารณา สำหรับ DEX ที่ท่าทางดีเห็นจะได้แก่ 0x (zrx) , Kyber network และ nash
เหรียญ Exchanges และ Defi ในเดือน มิ.ย.
ข้อที่6.
Privacy is matter
Privacy coins
ความเป็นส่วนตัวจะมีค่ามากในอนาคต รู้สึกไหม ข้อมูลส่วนตัวเราถูกนำไปขายให้บริษัทโฆษณา โดยเราไม่ได้สักกะแดงเดียว แถมยังถูกเก็บข้อมูลส่วนตัวร้อยแปด ตั้งแต่ วันเกิด, ชื่อพ่อแม่ :D, พิกัด, ที่อยู่, ความเห็น, ความชอบ, รสนิยม และแน่นอน "การเงิน" (พฤติกรรมการจับจ่ายใช้สอย)..
เมื่อก่อนเราไม่เคยมีประสบการณ์ “ดารา” แต่เดียวนี้เรากำลังจะมีประสบการณ์แบบเดียวกับ ดารา คือ "ความรู้สึกไม่เป็นส่วนตัว" ดังนั้น แพลตฟอร์ม หรือ อะไรที่ขาย “ความเป็นส่วนตัว” ในอนาคตจะ "ปัง" และ เหรียญ Privacy coins ก็เช่นกัน อาทิ ZEC, XMR, BEAM, XZC, DASH และอีกหลายเหรียญ ที่กำลังพัฒนาโปรโตคอลเพิ่มความเป็นส่วนตัวด้วย..
ข้อที่ 7.
โฟกัสที่ ภาคการเงิน (Financial landscape) และ โครงสร้างพื้นฐาน (Infarstructure)
ให้มอง อินเตอร์เน็ต เสมือน “ประเทศหนึ่ง” ที่พึ่งผ่านยุคเถื่อนมา เริ่มมีกฏการอยู่ร่วม มีการควบคุม จนมาถึงยุคที่เริ่มมีระบบเศรษฐกิจ และการเงินเป็นของตัวเอง (Blockchain) สิ่งใดที่จำเป็นต่อการพัฒนาประเทศในช่วงเริ่มต้น ก็ต้องโครงสร้างพื้นฐาน และการเงิน
โปรเจคเหล่านี้ ได้แก่ ตัวที่เกี่ยวกับ แพลตฟอร์ม smart contract ต่างๆ ETH, กระเป๋าเงิน payment gateway, เวปเทรดที่เป็น DEX กระแสไม่ได้หายไปไหน สัดส่วนการใช้งานจะมากขึ้นและแทนที่ CEX ในที่สุด,
โปรเจคโปรโตคอล side chain, parallel chain และ services อาทิ Chainlink, band, และล่าสุดโปรเจค DeFi อย่าง Maker-Dai และ compound เป็นต้น
infrastructure and finance and utilities
“ช่วงตลาดกระทิง จะมีลักษณะอย่างไร...”บ้าคลั่ง” และ “วุ่นวาย” (Chaos) แต่ก็แฝงไปด้วยโอกาสในการสร้างความมั่งคั่ง — เตรียมตัวให้พร้อมกัน :D
— ก็ขอจบแต่เพียงเท่านี้
สิ่งที่เราต้องมี ก็คือ “ความรู้” และ “วิธีคิด” ในการเตรียมตัวสำหรับโอกาสที่กำลังมา หรือกำลังเกิดขึ้นแล้ว ถ้าเรามี ความรู้ “มากพอ” และ “กระบวนการคิด” ที่มีประสิทธิภาพ เราอาจจะมองเห็น “ไอเดีย” หรือ “ช่องทาง” ใหม่
ช่องทางติดตาม Cryptotica หลักๆที่อัพเดททุกวัน คือใน เทเลแกรม (telegram) ซึ่งเป็นแอฟแชท แต่มี channel ที่ไว้รับข่าวสารทางเดียวด้วย
ถ้าตอบโต้ ก็ออกมาคุยกันที่ Facebook: @cryptotica กันได้ อาจจะมาช้า แต่มานะ :D
อีกช่องทางที่สัพเพเหระหน่อย ก็ ทวิตเตอร์
เสิช @cryptotica
ถ้าเป็นบทความยาวๆ จะเก็บไว้ ที่ Blockdit กับ medium
วีดีโอจะอยู่บน youtube ช่ายทุกคน ข้าพเจ้ามียูทูปด้วยย
TikTok: coming soon..
Webblog: coming soon..
ก็คอยติดตามกันน๊า :3
-————————————————————
เอกสารอ้างอิง
@cryptotica
โฆษณา