Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
รู้หรือไม่
•
ติดตาม
5 ก.ค. 2020 เวลา 13:43 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
รู้หรือไม่?
ศ. นพ. เสนอ อินทรสุขศรี ให้ความรู้เกี่ยวกับเรื่องนี้ว่าการกะพริบตาเป็นวิธีการป้องกันอันตรายที่จะเกิดขึ้นแก่ตา ซึ่งเป็นการป้องกันตามธรรมชาติของร่างกาย เวลากะพริบตาน้ำตาจะได้เคลือบและแผ่ไปได้ทั่วผิวลูกตา ทำให้ผิวตาชุ่มชื้นได้ตลอดเวลา ตาจะได้ไม่แห้งและไม่แสบตา เราจึงต้องกะพริบตาอยู่ตลอดเวลา
โดยเฉลี่ยคนเรากะพริบตาทุก ๆ ๒-๓ วินาที เวลาที่ตั้งใจมองเพ่งสิ่งใด เช่น เวลาอ่านหนังสือ กว่าจะกะพริบตาครั้งหนึ่งก็ใช้เวลานานกว่าปรกติ ตามสถิติมีผู้สังเกตว่า เวลาอ่านหนังสือ ผู้หญิงจะใช้เวลา ๕ วินาที จึงจะกะพริบตาครั้งหนึ่ง ส่วนผู้ชายใช้เวลา ๑๐-๑๒ วินาที จึงจะกะพริบตาครั้งหนึ่ง ความแตกต่างกันนี้ไม่อาจอธิบายได้ ผู้ทำสถิติตั้งข้อสังเกตว่า ผู้ชายอาจทนเพ่งอ่านหนังสือได้นานกว่าผู้หญิง
อย่างไรก็ตาม คนเราจะต้องกะพริบตาตลอดเวลาเสมอถ้าจะฝืนไม่กะพริบตาเลย เพียงนาน ๑๐-๑๒ วินาทีก็จะแสบตาเนื่องจากน้ำตาระเหยแห้งไป และด้านหน้าลูกตาแห้งหรือชุ่มชื้นไม่ทั่วกัน
มีบางคนกะพริบตาถี่ ๆ เมื่อเกิดอารมณ์ผิดปรกติบางอย่างเช่น หวาดระแวง ละอาย ขวยเขิน มีความผิดอยู่ในใจ ตื่นเต้น โกรธ ฯลฯ บางคนกะพริบตาถี่ ๆ จนเป็นนิสัยก็มี
ผลการวิจัยชี้ว่าตลอดชีวิตเราต้องกระพริบตาถึง 250 ล้านครั้งทีเดียว เพราะเราจะกระพริบตาทุกๆ 6 วินาที ทำให้กล้ามเนื้อตาเคลื่อนไหวประมาณ 10,000 ครั้งต่อวัน
ถ้าเปรียบกับการทำงานของกล้ามเนื้อขาแล้วจะเท่ากับวิ่งระยะทาง 80 กิโลเมตรต่อวัน แถมยังพบว่าผู้หญิงจะกระพริบตามากกว่าผู้ชาย 2 เท่า
แต่แพทย์แนะนำว่าเราควรจะกะพริบตาให้ได้ 12 ครั้งต่อ 1 นาที
2 บันทึก
14
7
2
14
7
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย