5 ก.ค. 2020 เวลา 15:19 • ปรัชญา
พระพุุทธเจ้าตรัสสอนความจริงของชีวิตว่า...
ดูกร...ท่านผู้เห็นภัยในการเวียนว่ายตายเกิดทั้งหลาย
บัดนี้ เราขอเตือนท่านทั้งหลายว่า....
สังขารทั้งหลายไม่เที่ยง
ท่านจงยังความไม่ประมาทให้ถึงพร้อมเถิด
...นี้เป็นพระวาจามีในครั้งสุดท้ายของพระพุทธเจ้า
**************************************
ชีวิตของมนุษย์ทั้งหลาย น้อยนัก
รวดเร็ว มีทุกข์มาก มีความคับแค้นมาก
จะรู้จักชีวิตถูกต้องได้ด้วย.....ปัญญา
ความเจริญ....กุศล คือ สิ่งที่ฉลาด (คือ อโลภะ
อโทสะ อโมหะ)
ความประพฤติพรหมจรรย์
คือ การดำเนินชีวิตอย่างประเสริฐยิ่งในอริยมรรคมีองค์8 ( ศีล สมาธิ ปัญญา)
เพราะมนุษย์และสัตว์โลกที่เกิดมาแล้ว จะไม่ตาย ไม่มี ดังนี้
อย่าหลงลืมว่า.....ต้องแก่แน่นอน
อย่าหลงลืมว่า.....ต้องป่วยแน่นอน
อย่าหลงลืมว่า.....ต้องตายแน่นอน
อย่าหลงลืมว่า.....ต้องพลัดพรากจากของรักแน่นอน
อย่าหลงลืมว่า....ต้องเป็นไปตาม กรรม ตาม เจตนา แน่นอน
เรามีกรรม ( เจตนา) ..เป็นของตน
มีกรรม (เจตนา) .... เป็นผู้ให้ผล
มีกรรม(เจตนา)......เป็นแดนเกิด
มีกรรม(เจตนา)......เป็นพวกพ้องเผ่าพันธ์
มีกรรม(เจตนา).....เป็นที่พึ่งอาศัย
หากทำกรรม (เจตนา) อันใดไว้ ดีหรือชั่วก็ตามเราจักต้องได้รับผลของกรรมนั้น
สารพัดความสุขจากพระพุทธพจน์
ธรรมทาน ชนะ ทาน......ทั้งปวง
รสแห่งธรรม ชนะ รส.........ทั้งปวง
ความยินดีในธรรมะ ชนะ ความยินดี..ทั้งปวง
ความสิ้นตัณหา 3 ชนะ ทุกข์......ทั้งปวง
* สิ้นตัณหา 3 คือ สิ้นนันทิราคะ หรือสิ้นความหลงเพลิดเพลินชอบมาก 3
ความสงบระงับแห่งสังขาร นั้น...เป็นสุข
สงบสังขาร คือ สงบการปรุงบุญ ปุญญาภิสังขาร
สงบการปรุงบาป อปุญญาภิสังขาร
สงบการปรุงบังคับจิตให้นิ่งในอรูปฌาน อเนญชาภิสังขาร ก็จะทำให้ สงบกาย สงบวาจา สงบใจ...
ความสุข(อื่น) ยิ่งกว่า ความสงบไม่มี
ความไม่เบียดเบียนกัน เป็นสุขในโลก
ผู้เจริญเมตตาดีแล้ว ย่อมหลับและตื่นเป็นสุข
จะพึ่งมีความสุขเป็นนิจ ก็เพราะไม่คบคนพาล
ขอความสุขสวัสดิ์พิพัฒนมงคลสมบูรณ์พูนผล จงมีแก่ท่านผู้อ่านโดยทั่วกันเทอญ
โฆษณา