- คดีเรื่องสร้อยพระศอ ถือเป็นเรื่องที่รู้กันมากที่สุดว่าทำลายชื่อเสียงของพระนางได้มากที่สุดเรื่องหนึ่ง
ในเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2328 (ค.ศ. 1785) ได้เกิดเรื่องอื้อฉาวในคดีสร้อยพระศอของพระนางมารี อองตัวเน็ตต์ เมื่อนายโบห์แมร์ ช่างเพชรได้เรียกร้องเงินจำนวน 2,000,000 livres (ตีเป็นประมาณ 14 ล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2015 แต่แหล่งข้อมูลบางแห่งระบุจำนวนเงินไม่เท่ากัน) จากองค์ราชินี เป็นค่าสร้อยคอเพชรที่พระคาร์ดินัล เดอ โรออง เป็นผู้ว่าจ้างให้ทำขึ้นในนามของราชินี มารี อองตัวเน็ตต์ ทว่าพระนางมิได้ทรงรู้เรื่องมาก่อน และพระนางก็ปฏิเสธไม่ยอมซื้อมันเสียด้วย
เรื่องของเรื่องก็คือ แต่เดิมมาดามดู บาร์รี ได้อ้อนวอนขอ “เครื่องเพชรที่แพงที่สุด” ในโลกจากพระเจ้าหลุยส์ที่ 15 พระองค์จึงสั่งให้มีการรวบรวมเพชรเม็ดโต ๆ มาให้ช่างฝีมือด้านเพชรนาม “โบห์แมร์” เป็นคนทำสร้อยคอขึ้นมา ทว่าพอสร้อยคอเสร็จ พระเจ้าหลุยส์ที่ 15 ก็ดันสวรรคตไปเสียก่อน แถมมาดามดู บาร์รี ก็ยังลี้ภัยออกจากราชสำนักไปเนื่องจากไม่เป็นที่ชื่นชอบ (เพราะเป็นโสเภณีเก่า)
พอคนจ้างกับคนขอไม่อยู่แล้ว ทีนี้นายโบห์แมร์ก็เป็นหนี้ก้อนโตสิ เล่นลงทุนทำไปตั้งเยอะ เขาก็เลยคิดหาทางออกโดยการขายมันให้กับพระราชาและพระราชินีองค์ใหม่แทน แต่แม้จะถูกปฏิเสธ มันก็ดันเป็นจุดเริ่มต้นของเรื่องที่แย่กว่านั้น
เนื่องจากมีคนต้องการสร้อยเส้นดังกล่าวมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ มาดาม ยีน เดอ ลาม็อตต์ (Jeanne de Valois-Saint-Rémy, comtesse de La Motte) ภรรยาของ Nicholas de la Motte ซึ่งแท้ที่จริงเป็นพวกนักต้มตุ๋นแฝงตัวในหมู่ชนชั้นสูง
มาดามเดอ ลาม็อตต์รู้จุดอ่อนของพระคาร์ดินัล เดอ โรออง ว่าแอบหลงรักพระนางมารี อังตัวเน็ตต์มาตั้งแต่ตอนร่วมขบวนส่งตัวพระนางแล้ว แต่พระนางดันไม่เล่นด้วย (เนื่องจากพระคาร์ดินัลเคยพยายามจะขัดขวางการแต่งงานของพระนาง และยังเป็นที่รู้กันว่าคาร์ดินัลองค์นี้ชอบใช้ชีวิตเสเพลไม่สมกับเป็นนักบวช) มาดามเดอ ลาม็อตต์จึงไปหลอกพระคาร์ดินัลว่า จริง ๆ พระนางมารี อังตัวเน็ตต์อยากได้สร้อยเส้นนั้นแต่ไม่กล้าซื้อเพราะมันแพง
ไม่ใช่แค่หลอกธรรมดา ๆ แต่มาดามเดอ ลาม็อตต์ยังถึงขั้นให้คนช่วยปลอมจดหมาย ปลอมลายเซ็นของพระนางมารี อองตัวเน็ตต์ หรือแม้กระทั่งให้ Nicole le Guay d'Oliva โสเภนีที่มีหน้าตาคล้ายองค์ราชินีมาหลอกนัดพบกับโรอองในตอนกลางคืนอีกด้วย และแล้วก็สำเร็จ พระคาร์ดินัลยอมจ่ายเงินซื้อสร้อยนั้นเต็มที่โดยกะว่าเดี๋ยวไปทวงกับพระนาง(ตัวจริง) ทีหลัง
พอถึงเวลา เรื่องก็แดงสิครับ เรื่องถึงขั้นการพิจารณาคดี โรอองเองก็ยังดีที่รอดตัวเพราะตกเป็นเหยื่อผู้เสียหายจากการหลอกลวงก็เลยยังได้ถูกปล่อยตัวแต่ก็อยู่แถววังต่อไปอีกไม่ได้ เนื่องจากทำให้พระนางโกรธแล้ว พระเจ้าหลุยส์ที่ 16 จึงเนรเทศเขาไปยังที่พักส่วนตัวทางตอนใต้ แต่ก็นับว่ายังโชคดี เช่นเดียวกับโสเภนีที่พ้นผิด แต่สามีของมาดามเดอ ลาม็อตต์นั้นถูกตัดสินว่าผิดจริงและถูกเนรเทศ ตัวนางเองก็ถูกตัดสินว่าผิดเต็มประตู ถูกลงโทษด้วยการเฆี่ยน ตีตราตัว V บนอก (มาจาก voleuse ที่แปลว่า “โจร” และถูกส่งตัวเข้าคุกตลอดชีวิต (แต่สุดท้ายมาดามลาม็อตต์ก็แหกคุกหนีไปอยู่ลอนดอน และเขียนบันทึกให้ร้ายพระนางมารี อองตัวเน็ตต์ไม่เลิก จนกระทั่งถึงแก่อสัญกรรมเมื่อพลัดตกจากหน้าต่างขณะหลบหน้าเจ้าหนี้)
กลับมาที่ตัวพระนางมารี อองตัวเน็ตต์เอง แน่นอนว่าความจริงพระนางต้องถือว่าเป็นผู้บริสุทธิ์และผู้เสียหายในคดีนี้ ซึ่งการดำเนินคดีและเปิดโปงความจริงทั้งหมดก็ชัดเจน แต่ทว่า….. ดันกลายเป็น “ประชาชนทั้งหลายของพระนางกลับไม่ยอมเชื่อ” เสียนี่ พวกเขายังคงหลงเชื่อว่าคู่สามีภรรยาเดอ ลาม็อตต์เป็นคนดีและบริสุทธิ์แต่ถูกพระนางกลั่นแกล้งเสียอย่างนั้น….
จากเรื่องนี้ พระนางมารี อองตัวเน็ตต์ได้ทราบถึงชื่อเสียงที่เสื่อมเสียของตนเองในที่สุด จึงได้พยายามตัดลดค่าใช้จ่ายต่างๆ โดยเฉพาะอย่างยิ่งค่าปรับปรุงพระตำหนักของพระนาง ทว่านั่นกลับก่อให้เกิดเรื่องอื้อฉาวระลอกใหม่ขึ้นในพระราชวัง พระนางทำอะไรไม่ได้มากไปกว่านี้ พระนางยังคงถูกวิพากษ์วิจารณ์ต่อไป และได้รับการขนานพระนามว่า "มาดามหนี้ท่วมหัว" (Madame Deficit) ทั้งพระนางยังคงถูกกล่าวหาอีกหลายเรื่องไม่รู้จบ