Pinocchio (SBS/2014) TV Series พิน็อกคิโอ รักนี้หัวใจไม่โกหก
Director: Jo Soo-Won
ซีรีส์เกาหลีอีกหนึ่งเรื่องที่จับประเด็นสื่อสารมวลชนมาเล่า ซึ่งเอาจริงก่อนดูผมไม่ได้คาดหวังในแง่มุมความเข้มข้นของเนื้อหาไว้เท่าไหร่ คิดว่าซีรีส์จะออกแนวดราม่าเบา ๆ ผสมความโรแมนติก ชวนจิ้นเข้าไป แต่หลังจากดูไปได้เพียงไม่กี่ตอนผมต้องเปลี่ยนมุมมองใหม่เลย เมื่อเพียงแค่ 3-4 ตอนแรกเนื้อหาก็ทำออกมาได้เข้มข้น แถมชวนหน่วงในความรู้สึกพอสมควร เมื่อซีรีส์จับประเด็นการใส่สีตีไข่ในข่าวสารจนมีคนได้รับผลกระทบ ซึ่งมันเป็นเรื่องใกล้ตัวที่เราพบเจออยู่ในข่าวทุกวัน จนบางทีเราที่เป็นผู้เสพสื่อก็ปรับอารมณ์แทบไม่ทัน เมื่อบางทีข้อเท็จจริงมันแทบจะเปลี่ยนแบบรายวัน
กีฮามยอง (อีจงซอก) เด็กที่เติบโตมาในครอบครัวที่อบอุ่น เขามีพี่ชายหนึ่งคนอย่าง กีแจมยอง (ยุนคยอนซัง) และพ่อที่เป็นหัวหน้านักดับเพลิง กับแม่ที่เป็นแม่บ้าน แต่ชีวิตที่เคยปรกติสุขทุกวันของ ฮามยอง และครอบครัวมีอันต้องเปลี่ยนไป เมื่อเกิดเหตุเพลิงไหม้ขึ้นที่โรงงานกำจัดของเสีย เหตุการณ์ที่ว่ามันนำมาซึ่งความสูญเสียครั้งสำคัญ เมื่อมีพนักงานดับเพลิงเสียชีวิตถึง 9 ราย แต่กลายเป็นว่าในที่เกิดเหตุกลับไม่พบร่างพ่อของ ฮามยอง แม้เขาและคนในครอบครัวจะรู้สึกโล่งอกมีความหวังว่าพ่ออาจจะยังไม่เสียชีวิต แถมยังมีเด็กหนุ่มที่มีอาการ พิน็อกคิโอ (คนที่จะมีอาการสะอึกเมื่อโกหก) บอกว่าเขาเห็นหัวหน้าดับเพลิงยังมีชีวิตอยู่ นั่นจึงทำให้กระแสข่าวถาโถมใส่ ฮามยองและครอบครัว
นักข่าวชื่อดัง ซงชาอ๊ก (จินคยอง) ปั่นกระแสให้ทุกคนในสังคมพุ่งเป้าโจมตีมาที่พ่อของ ฮามยอง ว่าสั่งให้ลูกน้องไปตายแล้วหลบหนี แม้คนในครอบครัวจะเชื่อใจหัวหน้าครอบครัวของตัวเองแค่ไหน พวกเขาก็ไม่สามารถหาหลักฐานมาคัดง้างกับกระแสข่าวที่โจมตีได้ ทำให้ในคืนวันหนึ่งแม่ของ ฮามยอง ตัดสินใจจบชีวิตของตัวเองและลูกชายคนเล็กลง แต่ ฮามยอง ก็โชคดีที่สามารถมีชีวิตรอดจากเหตุการณ์นั้นได้ แต่เขาก็ทำได้เพียงแค่หลบซ่อนตัวตนของตัวเองเอาไว้ เพื่อรอว่าวันหนึ่งเขาจะได้เปิดเผยความจริงในเรื่องของพ่อให้คนทั้งโลกได้รับรู้
ซีรีส์ดราม่าสื่อสารมวลชนอย่างที่ผมเกริ่นไปในทีแรก ว่าไม่ได้คาดหวังความเข้มข้นเอาไว้มากนัก แต่ประมาณ 5 ตอนแรกของซีรีส์ก็จัดเต็มเนื้อหาชวนหน่วงเข้ามาตลอด ด้วยการใช้เรื่องของโชคชะตาเชื่อมโยงตัวละครเข้าหากัน เมื่อใครจะไปคิดว่า ฮามยอง ที่รอดชีวิตมาได้จะเข้ามาเกี่ยวข้อง มีความสัมพันธ์กับครอบครัวของคนที่มีส่วนสำคัญให้เขาสูญเสีย บทในส่วนนี้ของซีรีส์แอบคิดเหมือนกันนะว่า เอาจริงแล้วซีรีส์เกาหลีก็ไม่ใช่ว่าไม่น้ำเน่าหรอก แต่ความเก่งของคนทำซีรีส์เกาหลีคือการเอาโครงเรื่องละครยุคเก่า มาจับประเด็นใส่เนื้อหาดราม่าที่เข้ากับโลกปัจจุบันได้เป็นเนื้อเดียวกัน
อย่างเรื่องนี้ดราม่าชีวิตของ กีฮามยอง มันแสนจะรันทดหดหู่ พ่อโดนใส่ร้าย แม่พาไปฆ่าตัวตาย ตัวเองรอดมาได้ยังไปรักกับลูกของคนที่ทำให้ตัวเองสูญเสีย แล้วดันกลายมาเป็นความรักต้องห้ามในครอบครัวอีก แถมพี่ชายที่พลัดพรากกันมานานยังอาจกลายเป็นใครที่เขาไม่คาดคิดมาก่อน เรียกว่าให้เขาไปทัวร์ไหว้พระ 9 วัดยังอาจจะเอาไม่อยู่เลย ฮ่าฮ่า ส่วนตัวผมชอบในวิธีการนำเสนอดราม่าในบางประเด็นของซีรีส์เรื่องนี้ ที่ใช้วิธีการผลิตซ้ำเหตุการณ์คล้ายกันแต่ต่างตัวละคร มันสะท้อนให้ตัวละครและคนดูเห็นได้ชัดเจน โดยที่ไม่ต้องขยายความซ้ำเพิ่มอะไรอีก
เมื่อคนเราจะเข้าใจสิ่งที่แต่ละคนพบเจอได้ ก็เมื่อตอนที่เราได้พบเจอกับประสบการณ์เลวร้ายในแบบเดียวกัน เหมือนกับสิ่งที่เกิดขึ้นกับ กีฮามยอง กับ ชเวอินฮา (พัคชิยฮเย) และ ซอบอมโจ (คิมยองกวัง) ที่ต่างได้รู้ว่าคนที่ตัวเองรักกลายเป็นใครที่ไม่เคยรู้จัก ยังรวมถึงเรื่องราวที่ตัวละคร อันชานซู (อีจูซอง) เพื่อนสมัยมัธยมของ ฮามยองและอินฮา ต้องย้อนรอยเจอเหตุการณ์ในแบบเดียวกับที่เคยทำร้ายคนอื่นมาก่อน
ส่วนของประเด็นดราม่าสื่อสารมวลชนซีรีส์หยิบเอาเรื่องของ การนำเสนอข่าวด้วยข้อเท็จจริงที่ถูกพิสูจน์แล้วกับการนำเสนอด้วยข้อสันนิษฐาน และประเด็นของความจริงกับการบิดเบือนข่าวเพื่อสร้างกระแสกลบเกลื่อนข้อเท็จจริง ซึ่งซีรีส์เองก็ใช้วิธีการเหมือนกับที่ผมเขียนในวรรคบน ด้วยการผลิตซ้ำสถานการณ์ให้ตัวละครพบในแบบเดียวกัน ฮามยอง ก็ต้องพิสูจน์ตัวเองว่าเขาจะสามารถเป็นนักข่าวที่ดีกว่า ซงชาอ๊ก เขาจะไม่นำเสนอข่าวเพียงการใช้ข้อสันนิษฐาน รวมถึงไม่ใช่อคติส่วนตัวตัดสินข้อมูลที่ได้รับมา มันจึงไม่มีอะไรสะท้อนเรื่องราวได้ดีไปกว่าการให้ ฮามยอง ได้รับบทเรียนด้วยตัวเอง
อีกดราม่าสื่อสารมวลชนในซีรีส์เรื่องนี้จับประเด็นคล้าย ๆ กับซีรีส์เกาหลีเรื่อง Argon ที่พูดถึง Hidden Agenda (วาระซ่อนเร้น) เมื่อการนำเสนอข่าวมันสามารถชี้นำความเห็นของสังคมได้ เหมือนกับที่ ซงชาอ๊ก ไม่ได้สนใจสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ แต่กลับพุ่งเป้าโจมตีมาที่พ่อของ ฮามยอง เพื่อชักนำกระแสสังคมออกจากข้อเท็จจริงที่ทุกคนควรรู้
อ่อ…ดราม่าสื่อสารมวลชนอีกหัวข้อหนึ่งที่มาในช่วงท้าย ผมชอบคำถามหนึ่งที่ซีรีส์ยกขึ้นมาเปรียบเทียบว่า ระหว่างข่าวที่คุณอยากรู้กับข่าวที่จำเป็นต้องรู้ คุณจะเลือกฟังอะไรก่อน เมื่อผู้คนในสังคมแน่นอนว่าใคร ๆ ก็อยากฟังข่าวดีหรือข่าวที่ตัวเองอยากรู้ ซึ่งสำนักข่าวต่าง ๆ ที่มีเรตติ้งเป็นตัวชี้วัดความนิยม ก็ย่อมต้องนำเสนอข่าวที่ผู้คนเลือกที่จะดู แต่ซีรีส์ก็ชี้ให้เห็นอย่างชัดเจนเลยว่า ข่าวที่จำเป็นบางครั้งแม้มันจะไม่ใช่ข่าวดีที่ใครอยากจะฟัง แต่หากผู้คนและสังคมได้รับรู้มันก็อาจจะช่วยนำมาซึ่งการแก้ไขปัญหาได้ เอาจริงยังมีประเด็นเล็กน้อยอยู่อีก อย่างเรื่องการทำข่าวคนลื่นพื้นที่น้ำแข็งเกาะจนล้มในช่วงฤดูหนาว ที่ตอนดูผมก็เหมือนกับตัวละครนั่นแหละ ไม่ได้นึกถึงใจความของการสื่อสารเรื่องราวพวกนี้ออกไป ซึ่งอันที่จริงมันเป็นหน้าที่พื้นฐานของสื่อสารมวลชนเลยล่ะ
ว่ากันในเรื่องของนักแสดงกันบ้างคู่พระนางอย่าง อีจงซอกกับพัคชินฮเย ในเรื่องนี้เรียกได้ว่ามีทั้งเซอร์วิสชวนจิ้นให้ผู้ชมได้ฟิน แต่เมื่อถึงฉากดราม่าเรียกน้ำตาก็ทำได้ดีทั้งสองคน ส่วนที่ออกจะผิดคาดสักหน่อยเห็นจะเป็น คิมยองกวังกับคิมแฮซุก คู่แม่ลูกที่มาในบทของลูกคุณหนู ซอบอมโจ ที่แอบรัก อินฮา กับ ประธานพัคโรชาแม่ที่ทำทุกอย่างให้ลูกชายมีความสุข บทบาทในทีแรกของสองตัวละครนี้ ดูเหมือนจะเบาบางออกมาเพื่อสร้างสีสันเท่านั้น ผมเลยแอบงงอยู่เหมือนกันว่าทำไมซีรีส์ ถึงเลือกใช้นักแสดงมากฝีมือรุ่นใหญ่แบบ คิมแฮซุก แต่เมื่อเรื่องราวอะไรต่าง ๆ จะเปิดเผยออกมาถึงได้รู้ว่าตัวละครนี้ไม่ได้มาเล่น ๆ อีกคนที่มีบทบาทสำคัญแล้วก็ทำตัวได้น่าหงุดหงิดตลอด เห็นจะเป็น จินคยอง ที่รับบทเป็น ซงชาอ๊ก ที่มักจะใช้ข่าวเป็นเครื่องมือทำลายผู้คนเพื่อรับใช้ผู้มีอิทธิพล
เป็นซีรีส์ดราม่าสื่อสารมวลชนเรื่องหนึ่งที่นำเสนอออกมาได้ตรงประเด็น เข้าใจง่าย ผู้ชมอย่างเราจะได้แง่คิดอะไรหลายอย่างจากซีรีส์ แน่นอนว่าการเป็นคนธรรมดาในสังคมที่ทำได้เพียงเปิดทีวีเปิดสื่อออนไลน์ดูข่าว ไม่ได้ลงไปหาข้อเท็จจริงในพื้นที่ด้วยตัวเอง มันย่อมหลีกเลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องรับฟังข่าวสารต่าง ๆ จากสื่อ ที่การนำเสนออาจมีผลต่อกระแสทิศทางความเห็นของสังคม ซีรีส์จึงชี้ให้เห็นว่าในเมื่อการนำเสนอของสื่อมีความสำคัญมากขนาดนี้ ในมุมของการนำเสนอยิ่งต้องระมัดระวังเพราะมันอาจมีผลต่อชีวิตใครหลายคน แล้วคนเสพสื่อเองที่ได้เห็นพลังในการสร้างกระแสสังคมแล้ว ก็ยิ่งต้องใช้วิจารณญาณในการรับฟังข่าวสารมากยิ่งขึ้น
สรุปแล้ว Pinocchio (SBS/2014) TV Series พิน็อกคิโอ รักนี้หัวใจไม่โกหก เป็นซีรีส์ที่ทำออกมาได้สนุกทั้งในส่วนของดราม่าตัวละคร แล้วก็ดราม่าสื่อสารมวลชน ที่จับประเด็นมานำเสนอให้ผู้ชมย่อยง่ายได้ใจความชัดเจน ช่วงแรกของซีรีส์เน้นความดราม่าชวนหน่วงสร้างความรู้สึกร่วมกับผู้ชม ก่อนที่กลางเรื่องจะเน้นตั้งคำถามกับอุดมการณ์ของตัวละครเอก แล้วปิดท้ายด้วยการผลิตซ้ำสถานการณ์ต่าง ๆ กับตัวละคร เพื่อสื่อให้เข้าใจถึงความรู้สึกที่อีกฝ่ายเคยเจอมาก่อน