7 ก.ค. 2020 เวลา 09:34 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
The Pursuit of Happyness ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้
หนังที่ลงทุนเฟรนด์มานำเสนอเป็นหนังเรื่องที่ได้รับแรงบันดาลใจจากบุคคลจริงซึ่งก็คือ (คริสโตเฟอร์ การ์ดเนอร์) เป็นภาพยนตร์ที่ได้รับการเสนอชื่อเข้าชิงรางวัลออสการ์สาขา เพลงประกอบภาพยนตร์ยอดเยี่ยม ออกฉายเมื่อวันที่ 15 ธันวาคม ค.ศ. 2006 นำแสดง โดย วิลล์ สมิธ
The Pursuit of Happyness ยิ้มไว้ก่อนพ่อสอนไว้
ระหว่างที่ลงทุนเฟรนด์ดูหนังเรื่องนี้ อยู่ดีๆก็มีน้ำตาหนองขึ้นมา เพราะเรื่องราวของพระเอก(วิลล์ สมิธ) นั้นค่อนข้างน่าสงสารชายหนุ่มผู้ซึ่งชีวิตตกต่ำถึงขีดสุด จนเป็นคนไร้บ้าน แต่เขาก็ไม่เคยยอมแพ้ และลุกขึ้นมาสู้ใหม่ จนประสบความสำเร็จ ได้เป็นเศรษฐี เงินล้านในที่สุด
หลายคนอาจจะสงสัยว่าชื่อหนังมันผิดหรือป่าว คำว่า Happyness มันสะกดด้วย ตัว "I" มันไม่มีตัว "Y" นิ แต่ที่จริงตัว Y ในชื่อหนังนั้นเป็นความจงใจของทีมผู้สร้าง ที่ชู ทัศนคติเชิดชูวัตถุนิยมใน แทบทุกด้านของเรื่องราว กลับทำให้คนดูพาลนึกไปได้ว่า การที่ คริส การ์ดเนอร์ ผู้เป็น คนคิดชื่อหนัง/หนังสือเรื่องนี้ขึ้นมา โดยที่สะกดคำว่า "ความสุข" ไม่ถูกต้องก็เพราะว่าพวกเขาอาจไม่เข้าใจความหมายที่แท้จริงของมันต่างหาก
เพราะว่าต้นตำรับความฝันของคนอเมริกาน้ันถูกนำไปเกี่ยวโยงกับวัตถุนิยม ความสะดวกสะบายทางวัตถุ ชื่อเสียง แล้วผสมกับความว่า Pursuit ที่แปลว่า "ไล่ตาม,แสวงหา" เข้ากับคำว่า "ความสุข" แปลรวม ๆ ก็คือ "ไล่ตามความฝัน" Pursuit of Happyness นั้นเองครับ
เป็นซีนเล็กๆที่ตัวหนังเหมือนต้องการจะเล่นคำและจะสื่อให้เราเห็นว่า ความสุขเกิดขึ้นได้ด้วยตัวเรา “ I ” ไม่มีคำว่าทำไมหรืออย่างไร “ Y
ซีนที่เรียกน้ำตาของลงทุนเฟรนด์
ฉากนี้ที่หลายๆคนจดจำ เพราะมันเป็นฉากที่ตัวละคร Chris นั้นพาลูกชายของเขา Christopher ไปเล่นบาสแล้วเขาพยายามที่จะบอกลูกของเขาว่า
“ ลูกเล่นบอลเก่งนะเก่งกว่าพ่ออีก แต่พ่อไม่อยากให้ลูกเล่นแต่บอลทั้งวันนะ ”
เมื่อ Christopher เจอพ่อพูดแบบนี้เข้าก็รู้สึกหมดอารมณ์ที่จะเล่นบาสต่อ Chris เห็น แบบนั้นจึงได้เข้าไปพูดสอนกับลูกว่า
“ อย่าปล่อยให้ใครมาบอกเราว่า เราทำอะไรไม่ได้ แม้แต่พ่อเองก็ตาม
ถ้าเรามีความฝันเราต้องปกป้องมันไว้ ถ้าอยากได้อะไรก็ต้องคว้ามา ”
ตอนที่ลงทุนเฟรนด์ได้ดูฉากนี้ก็อดกลั่นน้ำตาใว้ไม่ได้ซึ่งประทับใจกับคำพูดของ Chris ที่สอนต่อลูกของเขา
ฉาก The Time Machine and Cave เครื่องย้อนเวลาและถ้ำ
ฉาก The Time Machine and Cave เครื่องย้อนเวลาและถ้ำ
ฉากนี้เป็นฉากที่ลงทุนเฟรนด์ดูแล้วเศร้าและสงสาร Chris กับ Christopher มากๆครับ เพราะทั้งสองถูกไล่ออกจากห้องพักเนื่องจากค้างจ่ายค่าเช่านาน ทั้งสองก็เร่ร่อนไม่มีที่พักกลายเป็น “ คนไร้บ้าน ” ในภาพที่เห็นคือ Christopher กำลังเล่นกับลูก Chrisน้อย สองคนพ่อลูกก็เล่นจิตนาการกันแล้ว Christopher ก็พาลูกไปแอบในห้องน้ำ และคืนนั้นทั้งสองก็ต้องพักอาศัยในห้องน้ำของสถานีรถไฟฟ้าใต้ดิน ในเรื่องพอลูกเขาหลับChristopher ก็ร้องไห้ที่ตัวเองต้องพาลูกมานอนในห้องน้ำและมีคนที่จะเข้าห้องน้ำChristผู้เป็นพ่อก็เอาเท้ายันเอาใว้ ฉากนี้ขอทิชชู่สักหนึ่งม้วนนะครับ
ฉากที่ลงทุนแฟรนด์ชอบมาก เหมือนจะชอบทุกตอน555+
ตอนนี้ระหว่างทางที่ Christopher ไปขายเครื่องมือการแพทย์ปกติของเขาเขาเห็นชาย คนหนึ่งดึงรถสปอร์ตราคาแพงขึ้นมา คริสก็ถามว่า “ ฉันมีแค่สองคำถามสำหรับคุณ คุณ ทำอะไรและทำอย่างไร “ ชายคนนั้นตอบว่า“ ฉันเป็นนายหน้าซื้อขายหุ้น ” Chrisถามว่า “ ต้องไปวิทยาลัยเพื่อเป็นนายหน้าซื้อขายใช่มั้ย” ชาย “ ไม่จำเป็นคุณแค่ต้องเก่งตัวเลข และดีกับผู้คน”
พวกเขาทั้งหมดดูมีความสุขมากสำหรับฉัน Chris ก็คิดในใจว่าทำไม ฉันไม่เป็นอย่าง นั้นบ้าง?”
ฉากสุดท้าย Hardwork always payoff
ฉากสุดท้ายที่ทำให้เราซาบซึ้งและมีความสุขไปกับ Chris ที่ผ่านเข้ารับเลือกได้ทำงาน ในบริษัทโบกเกอร์ค้าหุ้นหลังจากฝึกอบรมมา 6 เดือน เขาทั้งทุ่มเท ฝ่าฟัน กับปัญ- หาต่างๆที่เข้ามาในชีวิต สุดท้ายเขาก็สามารถหางานทำ และที่สำคัญที่สุดก็คือ “ ความสุขในชีวิต ”
สุดท้ายเราได้ข้อคิดอะไรจากเรื่องนี้
เราจะเห็นได้ว่า Christopher นั้นเขาไม่มีต้นทุนอะไรที่จะไปแข่งขันกับคนอื่นเลยแต่ สิ่งที่ Chris มีก็คือ ความพยายาม ความอดทน และถึงแม้ Chris จะยุ่งแค่ไหนเขาก็พยายามที่จะสอนลูกเสมอ และมีสิ่งที่ยึดเหนี่ยวจิตใจที่จะก้าวพ้นจากความทุกข์และมีความฝันที่จะไล่ตามหาความสุขเหมือนชื่อหนัง The Pursuit of Happyness การที่เราจะมี ความสุขได้นั้น เราจะต้องทำมันด้วยตัวเอง
ปิดท้ายด้วยคำคมเช่นเดิม
“ถ้ามีความฝัน อย่าให้ใคร แม้แต่โชคชะตา
มาบอกว่าคุณทำไม่ได้”
-คริสโตเฟอร์ การ์ดเนอร์-
จากหนังเรื่อง
The Pursuit of Happyness
4
โฆษณา