7 ก.ค. 2020 เวลา 14:57 • ท่องเที่ยว
ทริปเดี่ยวแบกเป้เที่ยว
My First Solo: London-Swindon-Bibury
Part 2: โดดเดี่ยวผู้ผจญภัย(ชมเมือง Cirencester)
ตอนที่แล้วเราลืมบอกไปว่า Bibury ตั้งอยู่แค้วน Gloucestershire มีเมืองหลวงคือ Cirencester ตั้งอยู่หุบเขา Cotswold ที่ขึ้นชื่อว่าเป็นหมู่บ้านที่สวยที่สุดในอังกฤษ บ้านที่นี่เป็นกระท่อมหินเรียงรายอย่างสวยงามและน่ารัก มีการจัดตกแต่งพื้นที่นอกบ้าน มีสวนดอก มีแม่น้ำ Coln ไหลผ่าน ร่มรื่นน่าอยู่เลยทีเดียว บรรยายให้ดูน่าไปอีกหน่อย 😊😊
หลังจากที่เราเดินเล่นที่หมู่บ้าน Bibury จนครบหมดแล้ว ดูเวลาแล้วก็คิดว่าควรจะกลับได้แล้วล่ะ แต่ความประทับใจยังไม่หายไปไหนเลย
บริเวณที่รอรถบัส มีร้านกาแฟและร้านขายของฝากที่มีนักท่องเที่ยวเดินเข้าออกเยอะแยะเลยทีเดียว
ไปสะดุดตรงข้างๆร้านกาแฟ มีบ้านหลังใหญ่กว่าบ้านอื่นๆ ไม่คิดว่ามาหาข้อมูลอีกทีตรงนี้เป็นโรงงานทอผ้าของหมู่บ้าน ที่เขาบอกว่าเปิดเป็นพิพิธภัณฑ์ให้เข้าชมด้วย อดเลยเรา!!! 😢😢
โรงทอผ้าที่เก่าแก่ของหมู่บ้านตั้งแต่ศตวรรษที่17
มาย้อนดูรูปเก่า เราไม่เห็นทางเข้าของที่นี่จริงๆนะ ปลอบใจตัวเองด้วยความเสียดาย 😅😅
รถบัสจากหมู่บ้าน Bibury ไป Cirencester มีทุกๆหนึ่งชั่วโมงจนถึงห้าโมงเย็น จำได้ว่าตอนนั้นประมาณบ่ายสองครึ่ง นั่งรถไป Cirencester อีกประมาณครึ่งชั่วโมงก็บ่ายสาม เราจะต้องนั่งบัสจาก Cirencester ไป สถานีรถไฟ Kemble อีกประมาณครึ่งชม.เพื่อให้ทันรถไฟตอนประมาณหกโมงเย็น ซึ่งเราเองก็เผื่อเวลาแล้วด้วย(จองตั๋วหมดแล้ว)
นั่นแหละถึงเราจะวางแผนมาดีแค่ไหน สุดท้ายก็ไม่ได้ไปตามแผน ทุกอย่างเหมือนจะผ่านไปได้ด้วยดี แต่พอขากลับเท่านั้นล่ะ รถบัสจาก Cirencester ไป สถานีรถไฟ Kemble หมดตอนบ่ายสาม 😖😖
เราสอบถามคนในพื้นที่ เขาบอกรถบัสมีทุกๆสองชั่วโมง ให้เรารออีกสองชม. เท่ากับว่ารอไปถึงประมาณห้าโมง แล้วถ้าห้าโมงไม่มีล่ะ?!? อีกอย่างเราอ่านป้ายรถเมล์แล้ว เขาระบุว่ารถเมล์สายนี้เสาร์-อาทิตย์บัสมีถึงแค่บ่ายสามโมงเท่านั้น ตอนนั้นก็ไม่รู้จะเชื่อใครดี แต่เราต้องเชื่อตัวเองและเอาในแบบที่ตัวเองเซฟที่สุด
ทางเลือกมีสองทาง คือ ซื้อตั๋วรถจาก Cirencester ไป Swindon เลย(ระยะทางประมาณ 30 กม.) ซึ่งดูแล้วแพงจุง เราก็งกเองแหละ ไม่อยากทิ้งตั๋ว Kemble-Swindon ด้วย
สุดท้ายเราคำนวณเวลาแล้วเหลือประมาณสามชั่วโมง ดูระยะทางจาก Cirencester ไปสถานีรถไฟ Kemble ระยะทางประมาณ 7 กม.หน่อยๆ เราจึงตัดสินใจเดินในระยะทาง 7 กม. ถือซะว่าเดินชมเมืองก็แล้วกัน โดยอาศัยวิชาที่เคยเข้าร่วมวิ่งการกุศลมากว่า 15 งาน อย่างช้าๆก็น่าจะประมาณ 1 ชม.ครึ่ง ก็ทันรถไฟน่ะ 😤😤
เพลิดเพลินกับการชมเมืองระหว่างทางมากเลย
ตรงนี้น่าจะเป็นโบสถ์ เราก็ไม่ได้แวะเพราะไม่รู้ทางข้างหน้าจะเป็นยังไงเลยต้องรีบเดิน
เหมือน Notting hill ใน London เลย
ตึกสวยๆมากมายทำให้เราเดินจนลืมเวลาและความเมื่อยล้า
ตรงนี้เราก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเป็นอาคารอะไร แต่ดูสวยดี
โอ้โห...คิดไม่ผิดจริงๆที่เดินชมเมือง เมือง Cirencester สวยมาก ตึกรามบ้านช่องของคนในเมืองดูสวย สะดุดตาไปทุกมุม เราแวะถ่ายรูปตลอดทางที่เดินผ่านเมืองเลย ราวๆ 30 นาที
มีมหาวิทยาลัยเกษตรด้วยนะ
จากนั้นความเป็นเมืองเริ่มค่อยๆจางหายไป เริ่มเป็นป่า เจอจุดทางแยกเข้าไปตาม Google map ก็เป็นป่า สลับกับบ้านคน ทุ่งหญ้า และสถานที่การเกษตร จากถนนสองเลนจากที่มีฟุตบาท แล้วฟุตบาทเริ่มหายไป 😱😱
นานๆจะเจอบ้านคน ถ่ายรูปเก็บไว้ซักหน่อย ดูจากฝั่งตรงข้ามเราได้ว่าไม่มีฟุตบาทให้เราเดินจริงๆ
ตอนแรกก็เดินไปในทางเดียวกับรถที่วิ่ง เริ่มจะไม่ปลอดภัย กลัวเขาจะสอยตูดเราเอาได้ จึงต้องเดินสวนเลนกับรถที่วิ่งเพื่อจะสามารถมองเห็นและหลบรถได้ 🚗🚙
ตอนนั้นหน้าร้อนของยุโรป ไม่ต้องถามเลยว่าเป็นยังไง อุณหภูมิประมาณ 34 – 37 องศาเซลเซียส ถึงจะเป็นป่าก็จริงแต่ก็ใช่ว่าจะมีต้นไม้ให้ร่มเงาตลอดทาง ที่สำคัญเราเดินคนเดียวตลอดระยะทาง 7 กม. มีเพียงรถยนต์ที่นานๆทีจะสวนกันไปมาเท่านั้น
เดินไปได้เกือบครึ่งทาง ถามตัวเองว่า “เราตัดสินใจถูกใช่มั้ยวะ” “นี่เรามาทำอะไรที่นี่เนี่ยะ” “เมื่อไหร่จะถึงสถานีรถไฟซะทีนะ” ด้วยความที่ต้องแบกสัมภาระทุกอย่างเพราะยังไม่ได้เช็คอินที่พัก มันทั้งร้อน ทั้งเหนื่อย และทั้งเมื่อย
เราก็ไม่หยุดเดินเลย เรายังคงเดินหน้าเรื่อยๆ คอยเช็คในมือถือตลอดว่าเหลือระยะทางกี่กิโลเมตร ยิ่งดูยิ่งท้อ 555 ความรู้สึกเราคือเดินมาไกลมากแล้ว แต่ระยะทางจริงๆในแผนที่เราเดินมาได้นิดเดียว 😫😫เลยตัดใจไม่ดูแผนที่บ่อย อาศัยเพลิดเพลินข้างทาง แต่ก็ไม่ได้มีอะไรให้น่าเพลิดเพลินมากน่ะสิ!!!
เท่าที่เก็บวิวข้างทางมากได้ อารมณ์ประมาณเราขับรถไปต่างจังหวัด ผ่านป่าเขาไม่ค่อยมีบ้านคนและรถที่สวนทางมากนัก
ถ้าเรารู้ว่าเราจะมาเขียนรีวิวแบบนี้เราจะถ่ายรูปทางที่เราเดินมาด้วยเยอะเลย 555 แต่ตอนนั้นคงไม่มีอารมณ์จริงๆ เพราะกังวลและกลัวอะไรหลายๆอย่าง
นี่ถ้าเป็นที่ประเทศไทย เราเดินในป่าเปลี่ยว ที่นานๆทีจะมีรถวิ่ง เราไม่อยากจะคิดเลยว่าผู้หญิงคนเดียวเดินทางเปลี่ยวแบบเราจะมีชีวิตรอดมั้ย 555 ยิ่งคิดยิ่งจิตตก แต่โชคยังดีนะ ที่ยุโรปหน้าร้อนกลางวันจะยาวนานมากๆ กว่าพระอาทิตย์จะตกก็เกือบสี่ทุ่มเลย🤗🤗
ในที่สุดเราถึงสถานีรถไฟ Kemble แล้ว ความรู้สึกตอนนั้นคือ น้ำตาจะไหล ข้าวปลาไม่ได้กินทั้งวันเลย มีน้ำเปล่าเตรียมมาแค่ขวดเดียว ถามว่าหิวมั้ย?? ตอนเดินมาไม่รู้สึกหิวเลย เพราะเรากังวลหลายอย่างมากๆ กลัวไม่ทันรถไฟ กลัวหลง กลัวอันตรายอื่นๆ
รักสถานีนี้จังเลย มีอะไรให้เราจดจำเยอะมาก
หน้าตาอันชื่นมื่นของแอดมินเมื่อมาถึงสถานี Kemble
ตอนมาถึงสถานีก็ประมาณบ่ายสี่โมงครึ่ง ต้องรออีกหนึ่งชม.ครึ่ง แถวนั้นก็ไม่มีร้านอะไรเลย มีโรงแรมใกล้สถานีแค่นั้น นั่งดื่มน้ำที่เหลืออันน้อยนิดต่อไป ทำไมเราอนาถาขนาดนี้เนี่ยะ 555
โรงแรมใกล้กับสถานีรถไฟ Kemble จริงๆน่าจะมีร้านกาแฟในนั้นนะ
พอเราก็ถึง Swindon อันดับแรกเข้าร้าน Costa ที่อยู่ตรงสถานีก่อนเลย ทั้งหิวทั้งโหย ไม่อยากเชื่อว่าเราจะเที่ยวจนลืมหิวได้เลย 555 หลังจากนั้นเราต้องนั่งรถบัสเพื่อไปที่พักอีกประมาณ 6 กม. ซึ่งไม่กังวลแล้วล่ะ เพราะเจ้าของบ้านโทรถามเราตลอดตั้งแต่วันก่อนเดินทางและแนะนำการเดินทางให้เรา น่ารักมากๆ
พอเรามาถึง Swindon ก็ประมาณหกโมงครึ่ง เขาก็โทรถามเราอีกว่ามาได้มั้ย เรารู้สึกอุ่นใจมาก ไว้รอบหน้าเราจะมารีวิวการพัก Airbnb ครั้งแรกของเราว่าเรารู้สึกประทับใจแค่ไหน สำหรับ Part นี้ขอบคุณสำหรับผู้เข้ามาอ่าน และติดตามเราด้วยนะคะ 🙏🏻🙏🏻
Part หน้านอกจากรีวิวครั้งแรกของการพัก Airbnb เราจะรีวิวเมืองเล็กๆน่ารักของ Swindon ไปด้วยค่ะ😊😊
โฆษณา