Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
มองโลกผ่านหุ้น
•
ติดตาม
8 ก.ค. 2020 เวลา 02:51 • ธุรกิจ
วอลมาร์ต (WALMART) หุ้นที่มีมูลค่าหลักทรัพย์สูงเป็นอันดับที่ 10 ในสหรัฐอเมริกา
วอลมาร์ต (WMT) เป็นบริษัทค้าปลีกในประเทศสหรัฐอเมริกา เริ่มก่อตั้งในปี 1950 โดย มิสเตอร์ แซม วอลตั้น (Sam Walton) วอลมาร์ตได้เข้าการตลาดหุ้นในนิวยอร์ก ในปี 1972 และขึ้นมาเป็นธุรกิจค้าปลีกอันดับหนึ่งในปี 1990
ในการวางกลยุทธ์ทางธุรกิจของ วอลมาร์ตมองถึงประโยชน์ลูกค้าเป็นหลักเพื่อให้ความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยให้ความสำคัญใน 2 เรื่องหลักคือ
1. ราคาสินค้า “Every Day Low Price (EDLP)”
2. เรื่องของความสะดวกสบายในการเข้าถึงสินค้า (One-stop Shopping)
ภายใต้การกำกับดูแลอย่างยั่งยืนโดยมีการพัฒนาบุคลากรและลงทุนในระยะยาว วอลมาร์ต ได้เห็นถึงโอกาสในการเพิ่มประสิทธิภาพในการเข้าถึงสินค้า โดยเข้าสู่ระบบซื้อขายออนไลน์เพื่อให้ลูกค้าสามารถเข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาวอลมาร์ตได้มีการดำเนินการพัฒนาธุรกิจและขยายสาขาถึง 11,500 สาขา ภายใต้ 56 แบรนด์ ใน 27 ประเทศ ซึ่งเป็นการสอดรับกับการขยายตัวของธุรกิจด้านอีคอมเมิร์ซ ด้านการขนส่งสินค้าและกระจายสินค้า
ทำให้ปัจจุบันวอลมาร์ตเป็นธุรกิจค้าปลีกที่ใหญ่ที่สุดในโลกและมีมูลค่าหลักทรัพย์เป็นอันดับที่ 10 ในนิวยอร์กสต็อกเอ็กซ์เชนจ์ (NYSE) ที่มีมูลค่าถึง 332,754 ล้านล้านดอลลาร์
กราฟแสดงรายได้และผลกำไร วอลมาร์ต ปี 2015 - 2019
รายได้ปี 2015 อยู่ที่ 485,651 ล้านดอลลาร์
คิดเป็นผลกำไร 16,363 ล้านดอลลาร์
รายได้ปี 2016 อยู่ที่ 482,130 ล้านดอลลาร์
คิดเป็นผลกำไร 14,694 ล้านดอลลาร์
รายได้ปี 2017 อยู่ที่ 485,873 ล้านดอลลาร์
คิดเป็นผลกำไร 13,643 ล้านดอลลาร์
รายได้ปี 2018 อยู่ที่ 500,343 ล้านดอลลาร์
คิดเป็นผลกำไร 9,862 ล้านดอลลาร์
รายได้ปี 2019 อยู่ที่ 514,405 ล้านดอลลาร์
คิดเป็นผลกำไร 6,670 ล้านดอลลาร์
กรณีศึกษาการเติบโตของผลกำไรของวอลมาร์ตดูจะสวนทางกับจำนวนสาขาที่มีการขยายเพิ่มมากขึ้นในทุกปี ซึ่งเป็นการบุกครอบครองส่วนแบ่งตลาดเพื่อทำกำไรเพิ่มมากขึ้นแต่ยังมีปัจจัยต่างๆ ที่สามารถส่งผลต่อการดำเนินการที่น่าศึกษาอยู่หลายๆส่วนด้วยกัน ดังนี้
- วอลมาร์ตเปิด 24 ชั่วโมง และมี 11,500 สาขา ทำให้มีค่าใช้จ่ายในการดำเนินการสูงถึง 80%
- วอลมาร์ตมีคนพนักงานมากถึง 2.2 ล้านคน การเปลี่ยนแปลงของอัตราค่าแรงและค่าครองชีพจึงปัจจัยอีกอย่างที่น่าสนใจ
- วอลมาร์ตมีจุดขนส่งสินค้าเป็นของตนเองเพื่อใช้ในการขนส่งกระจายสินค้า การขึ้นลงของราคาน้ำมัน
- วอลมาร์ตมีธุรกิจ 27 ประเทศ การผันผวนของอัตราการแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศเปรียบเทียบกับรายได้ในแต่ละประเทศ
- นโยบายการสนับสนุนของรัฐบาลและการกำหนดอัตราดอกเบี้ยและภาษีในแต่ละประเทศ
Walmart x Shopify
สิ่งที่น่าสนใจในการศึกษาต่อของการดำเนินการของวอลมาร์ต คือธุรกิจอีคอมเมิส ที่มีการเติบโตถึง 72% ใน Q1/2020 และได้มีการขยายธุรกิจร่วมกับช้อปพิฟาย (Shopify) และพัฒนาเป็นมาเก็ตเพลส (Market Place) เพื่อเปิดโอกาสให้ธุรกิจขนาดเล็กเข้าถึงได้มากขึ้น โดยมีเป้าหมายเพิ่มผู้ขายบนแพลทฟอร์มช้อปพิฟาย 1,200 รายในปีนี้
รวมไปถึงจุดแข็งด้านภูมิศาสตร์ (จำนวนสาขา) และความเข้าใจในพฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนแปลงไป โดยเชื่อมโยงร้านค้าออนไลน์และออฟไลน์ (Omnichannel) เพื่อลดค่าใช้จ่ายในการจัดส่งและสอดคล้องกับพฤติกรรมของลูกค้า
ในอนาคตด้านการพัฒนาศักยภาพของพนักงานอาจจะถูกพลักดันเป็นการขายสินค้าบนแพลทฟอร์มก็เป็นได้เหมือนกันนะ
ในกรณีของประเทศไทยเราสามารถสังเกตุจากผู้ประกอบการที่มีเค้าโครงการเริ่มปรับตัวและนำมาใช้ เช่น ร้านค้าปลีก 7-11 ที่ ณ ปัจจุบันแอปพิเคชั่นเริ่มทดสอบ สั่งสินค้าเพื่อไปส่งถึงหน้าบ้าน (ในระยะ 500 เมตร จากโลเคชั่น)
รวมไปถึงความน่าสนใจเรื่องความสัมพันธ์ของ Supply Chain ที่มีกระจายการลง
ทุน และการเข้าถือครอบครองหุ้นส่วนร้านค้าต่างๆ ของร้านค้าปลีก 7-11 นี่แหละครับ
ที่มาข้อมูล:
https://techcrunch.com/2020/06/15/walmart-partners-with-shopify-to-expand-its-online-marketplace
https://s2.q4cdn.com/056532643/files/doc_financials/2020/ar/FY20-Fact-Book-Final.pdf
บันทึก
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย