9 ก.ค. 2020 เวลา 05:21
YESTERYEAR: LOOKING BACK
[ เรื่องเมื่อวานของ... "วุฒิชัย ทาทอง" ]
นี่คือหนึ่งในผู้เล่นอันเป็นที่รักของแฟนฟุตบอล ด้วยบุคลิกที่แสดงออกอย่างดุเดือดในสนาม นั่นทำให้ผู้ที่พบเห็นต่างก็เข้าใจถึงความทุ่มเทที่เขามีให้กับสโมสร ไม่ว่าจะเล่นอยู่กับทีมใด วุฒิชัย ทาทอง ใส่เกินร้อยเสมอ
ปลายปี 2019 ในวัย 34 ขณะที่เพื่อนร่วมรุ่นยังคงค้าแข้งกันอยู่ ทว่า วุฒิชัย กลับประกาศแขวนสตั๊ดเอาซะดื้อๆ แล้วผันตัวไปใช้ชีวิต 'พอเพียง' ที่บ้านเกิด ว่าแล้วเราจึงขันอาสาพาคุณไปล้วงลึกถึงเรื่องราวแต่เก่าก่อนจนถึงเหตุผลว่าทำไมจึงหันหลังให้กับวงการฟุตบอล...
"ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้ชอบกีฬาชนิดนี้ มารู้ตัวอีกทีก็หลงรักมันหัวปักหัวปำเข้าให้แล้ว"
เมื่อยังเยาว์
เด็กหนุ่มจากอำเภอกันทรารมย์ จังหวัด ศรีสะเกษ ดินแดนทางภาคตะวันออกเฉียงเหนือของประเทศไทย ผู้หลงใหลและมอบหัวใจให้กับกีฬาลูกกลมๆ ที่เรียกว่า 'ฟุตบอล' กว่าที่เขาจะก้าวมาถึงจุดนี้ กว่าที่เขาจะสร้างชื่อมาถึงวันนี้ กว่าที่เขาจะกลายเป็นขวัญใจของแฟนลูกหนัง เขาต้องผ่านร้อนหนาวมามากมาย...
"ผมเริ่มเตาะๆ แตะๆ ลูกฟุตบอลตอนอายุประมาณ 6 ขวบ ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรทำให้ชอบกีฬาชนิดนี้ มารู้ตัวอีกทีก็หลงรักมันหัวปักหัวปำเข้าให้แล้ว" บทสนทนาแรกจากปาก วุฒิชัย พูดถึงจุดเริ่มต้นของเส้นทางสายลูกหนัง
ชีวิตที่ดีมักจะไม่ได้โรยด้วยกลีบกุหลาบ วุฒิชัย ก็เช่นกัน กว่าที่เจ้าตัวจะได้เล่นฟุตบอลจริงๆ จังๆ ก็ต้องรอไปจนอายุ 8 ขวบ "อาจารย์ สังคม หมายมั่น ท่านคือผู้ประศาสตร์วิชาฟุตบอลคนแรกของผม แม้ว่าทุกวันนี้ท่านจะจากโลกนี้ไปแล้ว แต่ผมยังระลึกถึงบุญคุณที่ท่านสั่งสอน ท่านเป็นคนเรียกผมติดทีมโรงเรียน ตอนนั้นยังอยู่ ป.3 ทว่าได้ติดทีม ได้ซ้อมกับทีมที่มีแต่พี่ๆ ป.6 ตอนแข่งน่ะ ไม่ได้เล่นหรอกนะ นั่งชมอย่างเดียว" เขากล่าวติดตลกทิ้งทวน
"สัญญากับตัวเองในใจว่าจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในชีวิตอีกต่อไป"
เดือดแต่เด็ก (1)
ติดทีมโรงเรียนตั้งแต่ ป.3 แต่กว่าจะได้ลงแข่งแบบจริงจังก็ต้องรอจนถึง ป.5 แถมยังสร้างวีรกรรมจนเป็นที่โจษจันลั่นระบือไปทั่วจังหวัด "ทั้งชีวิตนี้ผมเคยถูกผู้ตัดสินแจกใบแดงไล่ออกจากสนามประมาณ 4 ครั้ง แต่ครั้งแรกเป็นครั้งที่ผมรู้สึกผิดที่สุด"
ทำไมถึงเป็นครั้งที่ทำให้เจ้าตัวรู้สึกละอายในการกระทำของตัวเอง?
"จำได้แม่นเลย เกมนั้นเป็นรอบรองชนะเลิศ ผมมีใบเหลืองติดตัวมาจากรอบก่อนหน้านี้ ซึ่งถ้าโดนอีกใบจะไม่ได้ลงในนัดชิงชนะเลิศ เล่นไปเล่นมา ผู้ตัดสินมาแจกใบเหลืองให้ผม ไอ้เราก็เซ็ง คิดว่าไม่สมควรโดน คิดว่าไม่ได้รับความยุติธรรม น๊อตหลุดทันที ไหนๆ ก็ไม่ได้เล่นรอบชิงฯ เลยจับบอลมาเตะทิ้ง เตะแบบไม่คิด ไม่รอด รับใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไปตามระเบียบ"
เหมือนจะไม่มีอะไร แต่เหตุการณ์หลังจากนั้นคือ "ตอนแรกตัวผมที่กำลังหงุดหงิดอยู่น่ะ ไม่คิดอะไรหรอก ยังเด็กอยู่ ไม่ยับยั้งชั่งใจ แต่คุณพ่อกับคุณแม่ของผมเนี่ยซิ ท่านร้องไห้เลย คุณพ่อบอกว่าไอ้ตอนที่ผมเตะบอลทิ้งน่ะ บอลมันลอยอย่างแรงเฉี่ยวหน้าผู้ตัดสินไปนิดเดียว ท่านก็สอนว่านี่คือสิ่งที่ไม่ควรทำ เพราะว่าเราเป็นนักกีฬา ต้องรู้จักให้อภัย รู้จักควบคุมอารมณ์ตัวเอง พอผมได้ยิน รู้สึกผิดทันที สัญญากับตัวเองในใจว่าจะไม่ให้เหตุการณ์แบบนี้เกิดขึ้นในชีวิตอีกต่อไป"
"ผมไม่ได้กลับบ้านเลย เพราะต้องซ้อมอย่างหนัก แถมยังต้องเข้าไปแข่งในกรุงเทพฯ อีกต่างหาก"
บ้านหนองแก้ว (ราษฏร์ผดุงวิทยา) และ กีฬาอุบลราชธานี
พอจบการศึกษาระดับชั้นประถม วุฒิชัย ยังไม่รู้ว่าทิศทางข้างหน้าในชีวิตจะเป็นอย่างไร ทว่ามีสิ่งหนึ่งที่ตัวเขา 'มี' ในขณะที่คนอื่นๆ 'ไม่มี' สิ่งๆ นั้นคือ 'พรสวรรค์' ในกีฬาฟุตบอล ว่าแล้วอาจารย์ สังคม ผู้บ่มเพาะวิชาลูกหนังให้กับเจ้าตัวจึงขับรถพาเด็กน้อยหัวเกรียนมุ่งสู่จังหวัดอุบลราชธานี
"ผมแค่ชอบเตะฟุตบอล ไม่เคยคิดว่าฟุตบอลจะต่อยอดชีวิตในอนาคตข้างหน้าได้อย่างนี้ ตอนนั้นอาจารย์ สังคม พาผมไปสมัครคัดตัวกับโรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี คุณพ่อและคุณแม่ไม่ได้บังคับหรือคาดหวังอะไร ท่านบอกว่าอยากทำอะไรก็ต้องตั้งใจทำมันอย่างเต็มที่ ท่านสอนให้อดทนแล้วสิ่งดีๆ จะตามมาเอง"
แน่นอนว่าด้วยฝีเท้าที่เก่งกาจเกินวัย วุฒิชัย จึงคัดติดโรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี ได้แบบไม่ยากเย็น ทว่าการใช้ชีวิตในโรงเรียนประจำนั้นไม่ง่ายเลยสักนิด "ช่วงแรกคิดถึงบ้านมาก ไม่เคยจากบ้านมานานขนาดนี้มาก่อน ทั้งๆ ที่อยู่ห่างกันแค่ 30 กิโลเมตร แต่ผมไม่ได้กลับบ้านเลย เพราะต้องซ้อมอย่างหนัก แถมยังต้องเข้าไปแข่งในกรุงเทพฯ อีกต่างหาก"
"ท้าต่อยในห้องเรียน ตัวต่อตัว นัวเนียกันอยู่พักหนึ่งจนพอใจ"
เดือดแต่เด็ก (2)
ชีวิตในรั้วโรงเรียนกีฬาของเจ้าตัวโลดโผนไม่น้อย เขายังมีวีรกรรมสุดเฮ้วมาเล่าให้เราฟัง "จำได้ว่าประมาณ ม.2 ผมเล่นแนวรุกอยู่แล้ว เวลาซ้อมจะมีเพื่อนอีกคน ไอ้หมอนั่นเล่นเป็นกองหลัง ก็มีปะทะกันตลอด ผมก็หงุดหงิด อีกวันเลยท้าต่อยในห้องเรียน ตัวต่อตัว นัวเนียกันอยู่พักหนึ่งจนพอใจ ต่อยเสร็จก็กอดคอไปกินข้าวด้วยกัน ประมาณว่าเอาความสะใจเป็นที่ตั้ง" จากนั้นความสัมพันธ์ของทั้งสองก็เหมือนเดิม เป็นเพื่อนกันเหมือนเก่า
"การได้ไปต่างประเทศมันเหมือนการเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ"
บาร์เซโลน่า
ในยุคที่ วุฒิชัย อยู่กับโรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี เขาพามีส่วนสำคัญในการพาทีมพุ่งชนความสำเร็จอย่างมากมาย แต่ที่เด่นชัดที่สุด คงหนีไม่พ้นรายการ ไนกี้ (แมนเชสเตอร์ คัพ ในปัจจุบัน) ซึ่งเป็นรายการที่เปิดโอกาสให้กับเด็กอายุไม่เกิน 15 ปี แข่งขันเพื่อเป็นตัวแทนของประเทศไปชิงแชมป์โลก
โรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี ที่มี วุฒิชัย ในวัย 14 ปี คว้าแชมป์ประเทศไทย ก่อนได้อันดับ 3 ของทวีปเอเชีย ได้ตั๋วเครื่องบินไปแข่งขันรอบสุดท้ายที่เมือง บาร์เซโลน่า ประเทศ สเปน "จะว่าเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของผมก็ไม่แปลก เพราะการได้ไปต่างประเทศมันเหมือนการเปิดโลกทัศน์ใหม่ๆ อยู่เมืองไทย เราคิดว่าเราเก่งแล้ว แต่พอได้เจอกับพวกต่างชาติ มันทำให้รู้ว่ายังมีอะไรอีกมากมายในโลกนี้ที่เราไม่รู้"
"ผมภูมิใจนะที่สามารถสร้างความสุขให้กับท่าน แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เลยทีเดียว"
ติดทีมชาติครั้งแรก
แม้ว่า วุฒิชัย จะเป็นตัวหลักและกำลังสำคัญของโรงเรียน ทว่าหลังจากกลับมาจาก บาร์เซโลน่า เขายังซ้อม, ซ้อมและซ้อมอย่างขะมักเขม้น เพราะอย่างที่เจ้าตัวบอกว่าได้รับประสบการณ์อันล้ำค่าจากทัวร์นาเมนต์ที่ บาร์เซโลน่า การได้เห็นการฝึกซ้อม ได้เห็นนักฟุตบอลเก่งๆ ของต่างประเทศ ทำให้เขามีความมุ่งมั่นมากกว่าเดิม
กระทั่ง...ความตั้งใจของเขาสัมฤทธิ์ผล
"ไม่คิดหรอกว่าจะถูกเรียกไปติดทีมชาติ ผมแค่ทำหน้าที่ของตัวเองในแต่ละวันอย่างเต็มที่แบบที่คุณพอและคุณแม่ท่านสอน ตอนที่มีชื่อติดทีมก็รู้สึกดีใจมากๆ เพราะการรับใช้ชาติมันคือเกียรติประวัติของวงศ์ตระกูล ผมโทรกลับไปที่บ้าน บอกคุณพ่อกับคุณแม่ ท่านทั้งสองดีใจมาก ผมภูมิใจนะที่สามารถสร้างความสุขให้กับท่าน แทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่เลยทีเดียว"
"ผมไม่อยากมาหรอก เพราะคิดว่ามันไกล แถมเป็นเด็กต่างจังหวัดด้วย จะมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ยังไง มองภาพไม่ออกจริงๆ"
ย้ายสู่เมือง (กรุง) เทพคริสเตียน
จากฟอร์มอันโดดเด่นกับโรงเรียนกีฬาจังหวัดอุบลราชธานี ทำให้ไปเตะตาแมวมองของโรงเรียนกรุงเทพคริสเตียน สถาบันลูกหนังชื่อกระฉ่อนแห่งสยามประเทศ วุฒิชัย ได้รับการติดต่อให้เข้าไปศึกษาในโครงการ 'ช้างเผือก' โครงการที่สร้างนักฟุตบอลชั้นนำของประเทศมามากมาย
"ทีแรกที่เขา (กรุงเทพคริสเตียน) ติดต่อมา ผมไม่อยากมาหรอก เพราะคิดว่ามันไกล แถมเป็นเด็กต่างจังหวัดด้วย จะมาใช้ชีวิตในกรุงเทพฯ ยังไง มองภาพไม่ออกจริงๆ แต่ก็โชคดีที่อาจารย์ หน่อย (ณรงค์ศักดิ์ ครุภัณฑ์) ช่วยจัดการในหลายๆ เรื่อง ผมต้องขอบคุณท่านมากๆ เพราะท่านคือผู้มีพรคุณกับผมอย่างสูง"
ช่วงที่ วุฒิชัย อยู่กับ กรุงเทพคริสเตียน จะบอกว่าเป็นอีกยุคที่เรืองรองของโรงเรียนก็ว่าได้ เพราะไม่ว่าจะเป็นถ้วย ทอ., กทม., โค้กคัพ, ฟุตบอล 7 สี หรือฟุตบอลประเพณีจตุรมิตร เขาเป็นกำลังสำคัญพาทัพชงโคสีม่วงฟาดแชมป์ได้อย่างมากมาย
"อย่างน้อยเขาก็ให้เงินเดือน เดือนละ 4,000 บาท ถือว่าช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายจากทางบ้านได้มากทีเดียว"
นิสิตในรั้วจามจุรี
พอจบ ม.6 วุฒิชัย ยอมรับว่า "ทีแรกผมไม่คิดว่าฟุตบอลจะสามารถสร้างรายได้และเป็นอาชีพที่จริงจังได้ กอปรกับได้ทุนเข้าไปเรียนที่คณะวิทยาศาสตร์การกีฬาของมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ ก็เลยมุ่งหน้าไปทางสายนั้น แต่ก็ต้องเรียนไปด้วย เล่นฟุตบอลให้กับทางมหาวิทยาลัยด้วย ก็ดีนะ เพราะอย่างน้อยเขาก็ให้เงินเดือน เดือนละ 4,000 บาท ถือว่าช่วยแบ่งเบาภาระค่าใช้จ่ายจากทางบ้านได้มากทีเดียว"
นักเตะฝีเท้าดี อยู่ที่ไหนย่อมต้องมีเกียรติประวัติมาประดับบารมี วุฒิชัย เป็นหนึ่งในขุนพลสำคัญของมหาวิทยาลัย "ช่วงที่ผมอยู่ก็ลงเล่นในนามทีม จุฬา-สินธนา (บีบีซียู ในปัจจุบัน) เล่นมาตลอด 4 ปีที่เป็นนิสิตศึกษา ได้รองแชมป์ ดิวิชั่นหนึ่ง รวมยังได้อันดับ 3 ฟุตบอลมหาวิทยาลัยโลก"
"ผมอาจจะเป็น 1 ใน 7 คนที่อาจจะไม่ติดทีม ตอนที่รู้ ผมนอนไม่หลับเลย"
ฮีโร่ ซีเกมส์
ชื่อของ วุฒิชัย เริ่มเป็นที่จับจ้องจากแฟนฟุตบอลและสื่อมวลชนสายกีฬาในฐานะ 'ดาวรุ่ง' พุ่งแรงของวงการลูกหนังไทย ทองสุข สัมปหังสิต เฮดโค้ชทีมชาติไทยชุด ซีเกมส์ ปี 2007 เรียกเขาเข้าเป็นหนึ่งในขุนพลชุดล่าเหรียญทองสมัยที่ 8 ของทีมชาติไทย
ทว่าก่อนที่เจ้าตัวจะเป็นหนึ่งในนักเตะชุดลุยศึก ซีเกมส์ นั้น เขาเกือบหลุดทีมในช่วงโค้งสุดท้ายเหมือนกัน "ทีแรกมีข่าวออกมาว่าผมอาจจะเป็น 1 ใน 7 คนที่อาจจะไม่ติดทีม ตอนที่รู้ ผมนอนไม่หลับเลย เพราะหวังไว้สูง เราซ้อมได้ดีนะ ทำผลงานกับต้นสังกัดได้ดี ไม่น่าจะพลาด ก็หวั่นๆ เหมือนกัน แต่สุดท้ายมีชื่อ ดีใจมาก เหมือนหลายสิ่งหลายอย่างที่อัดอั้นมันปล่อยออกมาหมด"
วุฒิชัย ตอบแทนความไว้ใจของโค้ชด้วยการก้าวไปเป็น 11 ผู้เล่นคนแรกของทีมชาติไทย พร้อมกับคว้าเหรียญทองมาคล้องคอได้สำเร็จ แถมยังสร้างชื่อด้วยการโหม่ง 2 ประตูในทัวร์นาเมนต์นี้อีกต่างหาก
"ผมจากบ้านเกิดมาเป็น 10 ปี เลยคิดว่าอยากกลับไปอยู่บ้าน อยากกลับไปดูแลคุณพ่อและคุณแม่"
นักเตะจอมพเนจร?
เมื่อจบการศึกษากับมหาวิทยาลัยจุฬาลงกรณ์ สัญญาของ วุฒิชัย และสโมสรหมดลงในปี 2008 ช่วงนั้น บีอีซี เทโรศาสนา ทีมยักษ์ใหญ่ของลีกแสดงความสนใจในตัวของกองหน้ารายนี้เป็นพิเศษ ว่าแล้วเลยคว้าตัวไปร่วมทีมเป็นเวลา 2 ฤดูกาลเต็ม แต่ก็ไม่ประสบความสำเร็จอะไรมากมาย มีเพียง รองแชมป์ เอฟเอ คัพ ในปี 2009 มาประดับบารมี
หมดสัญญากับ บีอีซี ชีพจรลงขาอีกคำรบ "ผมจากบ้านเกิดมาเป็น 10 ปี เลยคิดว่าอยากกลับไปอยู่บ้าน อยากกลับไปดูแลคุณพ่อและคุณแม่ ช่วงเวลานั้น ศรีสะเกษ ขึ้นชั้นมาพอดี ผมเลยได้ย้าย ก็แฮปปี้ดีนะ ได้กลับบ้าน กะจะอยู่ยาวๆ ไปจนแขวนสตั๊ดเลยด้วยซ้ำ"
เคราะห์ซ้ำกรรมซัด ด้วยปัญหาภายสโมสรที่คาราคาซังมากนานปีในเรื่องผู้ถือสิทธิ์ ส่งผลให้ทีมแตก นักเตะหลายต่อหลายคนต้องระเห็จระเหินแยกย้ายกันไปตามวิถีของฟุตบอล แน่นอนไม่เว้น วุฒิชัย เจ้าตัวได้บ้านหลังใหม่ในรั้ว สุพรรณบุรี เอฟซี โดยย้ายไปในรูปแบบของการยืมตัว
จากนั้นเขาก็ไปต่อที่ เอสซีจี เมืองทอง ยูไนเต็ด, การท่าเรือ, อุบล ยูเอ็มที, อุดรธานี, สีหมอก และปิดท้ายอาชีพที่ ราชนาวี
"คือเงินเดือนไม่ออก 5 เดือน เราเองก็มีภาระต้องใช้จ่าย"
มรสุมที่ สีหมอก
ปี 2019 วุฒิชัย กับอายุ 34 ปี ถือเป็นช่วงปลายของชีวิตนักฟุตบอลอาชีพ เขาเองก็วางแผนไว้เช่นกันว่าจะทำอย่างไรต่อ แต่จู่ๆ ก็มีโปรเจ็กต์ใหญ่เข้ามาท้าทาย
สีหมอก เอฟซี สโมสรน้องใหม่ที่ต้องการจะเลื่อนชั้นจาก ไทยลีก 3 สู่ ไทยลีก 2 ภายในปีเดียว คือทีมที่ติดต่อเขามา ซึ่งแผนการก็คือดึงอดีตนักเตะดีกรีทีมชาติไทย มารวมกันที่นี่ ซึ่งก็มีทั้ง ดัสกร ทองเหลา, ชัยณรงค์ ทาทอง, วิษณุศักดิ์ แก้วเรือง และรวมถึง วุฒิชัย
ทว่าเล่นไปเล่นมา สีหมอก กลับหลอกดาว
"คือเงินเดือนไม่ออก 5 เดือน เราเองก็มีภาระต้องใช้จ่าย นักเตะทุกคนก็ต้องใช้เงิน ผมเองยังโชคดีที่พอจะมีเงินเก็บบ้าง เหมือนว่า 5 เดือนนั้นคือสูญเปล่า ถามว่าเซ็งไหม ก็ใช่แหละ แต่ทำยังไงได้ล่ะ เรื่องมันผ่านมาแล้ว"
ท้ายที่สุด เรื่องการเบี้ยวค่าจ้างนักเตะก็ถึงสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทย และผลตัดสินคือ สีหมอก เอฟซี ถูกตัดสิทธิ์ออกจากสาระบบวงการลูกหนังของสยามประเทศทันที
"คิดๆ อยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ บอกเลยว่ากลุ้มใจมากๆ นอนไม่หลับเลย"
ประกาศแขวนสตั๊ด
เมื่อสัญญาของ วุฒิชัย กับ สีหมอก เป็นอันสิ้นสุด เขากลายเป็นนักเตะ 'ฟรีเอเย่นต์' ว่าแล้ว ราชนาวี จึงไม่รอช้าที่จะคว้าหัวหอกรายนี้ไปช่วยแก้ปัญหาในแดนหน้า แต่พอจบฤดูกาลเจ้าตัวก็ประกาศ 'แขวนสตั๊ด' แบบดื้อๆ
"เรื่องของเรื่องคือผมเป็นห่วงคุณแม่ ท่านอยู่ที่ศรีสะเกษ คือแฟนผมก็อยู่ที่นั่นแหละ แต่มีวันหนึ่ง ท่านล้มหมดสติไป เราก็เป็นห่วง รีบกลับไปหาท่าน พอท่านฟื้นขึ้นมาก็เลยคุยกันว่าจะเอายังไงต่อดี"
"ผมเป็นห่วงคุณแม่มาก ก็เลยตัดสินใจว่าจะแขวนสตั๊ด คิดๆ อยู่ประมาณ 2 สัปดาห์ บอกเลยว่ากลุ้มใจมากๆ นอนไม่หลับเลย คือผมอยู่กับฟุตบอลมาทั้งชีวิต แล้วจู่ๆ จะต้องเลิก แต่สุดท้าย ผมคิดว่าคุณแม่คือคนสำคัญสำหรับผม ผมจึงเลือกที่จะไม่ไปต่อ"
"ได้ดูแลคุณแม่ ได้อยู่กับไร่กับนา ได้เห็นการเติบโตของสวนที่เราสร้าง"
กลับไปใช้ชีวิตที่บ้านเกิด
ทุกวันนี้ วุฒิชัย ในวัย 35 ปี กลับไปใช้ชีวิตที่ อำเภอกันทรารมย์ จังหวัด ศรีสะเกษ โดยมีธุรกิจเล็กๆ แต่อิ่มเอมที่หัวใจ
"ผมเปิดร้านกาแฟที่บ้าน เดินลงมาก็คือร้าน เดินไปอีกสัก 4-5 ร้อยเมตรก็เป็นสวนไผ่กับสวนหน่อที่ปลูกไว้"
"คิดถึงฟุตบอลนะ ตั้งแต่เล่นเทสติโมเนียลแมตช์ที่จุฬาฯ เมื่อเดือนมกราคม ผมไม่ได้แตะฟุตบอลอีกเลย ไม่ดูเลยด้วย เพราะรู้ว่าถ้าได้เห็น ก็คงจะอดใจไม่ไหว ก็เลยต้องพยายามห่างกับมันให้มาก" เขาบอกกับเราด้วยรอยยิ้ม
จากรายได้หลักแสน สู่หลักหมื่น แม้จะลดฮวบแบบน่าใจหาย ทว่านั่นไม่ใช่เรื่องสาระสำคัญในชีวิตของยอดนักสู้คนนี้เลย
"ทุกวันนี้ก็มีความสุขกับชีวิตที่บ้านเกิดนะ ได้ดูแลคุณแม่ ได้อยู่กับไร่กับนา ได้เห็นการเติบโตของสวนที่เราสร้าง"
นี่แหละชีวิตที่พอเพียงของผู้ชายที่ชื่อ...วุฒิชัย ทาทอง
.
ทุกท่านสามารถติดตามอ่านบทความย้อนหลังได้ที่ ..
.
และเพิ่มเพื่อนไลน์แอด "เพื่อเด้งเตือน" ให้คุณได้อ่านก่อนใคร กดที่ลิงค์นี้ครับ
ขอบคุณครับ
โฆษณา