9 ก.ค. 2020 เวลา 16:22 • การศึกษา
ร่างกายกลายเป็น ‘คุก’ ทำให้คนกลายเป็นผี
มาร์ติน พิสโตริอุส ชายผู้ถูกขังในร่างกายตัวเองมาตลอด 13 ปี
มาร์ตินเกิดในปี 1975 เขามีอายุได้ 12 ปี หมอบอกว่าเขาติดเชื้อในสมอง ทำให้มีอาการอัมพาตทั้งตัว (Locked-in syndrome) หมอแนะนำว่าให้พามาร์ตินกลับไปอยู่ที่บ้าน และดูแลเขาให้ดี จนกว่าเด็กชายจะจากโลกนี้ไปอย่างสบาย
แต่ทุกอย่างไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะแทนที่มาร์ตินจะค่อย ๆ หลับไป เขากลับยังมีชีวิตอยู่ แม้จะไม่สามารถขยับเขยื้อนได้ แต่ร่างกายของเด็กชายก็ยังค่อย ๆ โตขึ้น
ผ่านไป 3 ปี เรื่องน่าประหลาดขึ้นกับมาร์ตินในวัย 16 เพราะจู่ ๆ สติของเขาก็ค่อย ๆ ฟื้นกลับมา เขาค่อยๆ รับรู้ มองเห็น และเข้าใจสิ่งที่คนอื่นพูด แต่กลับไม่สามารถสื่อสารให้คนอื่นรู้ได้
เพราะสิ่งเดียวที่เขาควบคุมอยู่คือจิตใจ ไม่ใช่ร่างกาย ที่ต่อให้เขาพยายามสั่งให้มันขยับสักเท่าไหร่ก็ยังแน่นิ่ง
มาร์ตินต้องเจอกับความรู้สึกอึดอัด น่าเบื่อ ด้วยกิจวัตรที่ซ้ำๆเดิมๆ"สำหรับผม ความรู้สึกที่แย่ที่สุด คือการไร้ซึ่งพลังอย่างสิ้นเชิง ผมแค่ยังอยู่ แต่กลับทำอะไรไม่ได้ คนอื่นเข้าบงการทุกส่วนในชีวิตผม พวกเขาตัดสินว่าผมจะกินอะไร เมื่อไหร่ ตอนไหนถึงจะพลิกตัว หรือจะจับนั่งรถเข็น” มาร์ตินอธิบายความทรงจำในช่วงเวลานั้นบนเวที TED Talk ผ่านการสื่อสารด้วย Speech Computer
"เป็นเวลาเกือบ 10 ปี ที่ผมถูกผู้ดูแลทำร้าย ทั้งทางกาย วาจา และเพศ ครั้งแรกที่มันเกิดขึ้น ผมทั้งตกใจและสับสน พวกเขาทำกับผมแบบนี้ได้อย่างไร หรือผมทำอะไรลงไปถึงต้องโดนแบบนี้ ใจผมส่วนหนึ่งอยากจะร่ำไห้ แต่อีกใจก็ต้องการขัดขืน ความเจ็บปวด เสียใจ โกรธแค้น ถาโถมเข้าใส่จนผมรู้สึกไร้ค่าที่ต้องมาคอยหวาดผวา เพราะรู้ดีว่ามันจะต้องเกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำอีก”
ครั้งหนึ่ง เพราะความเครียด ทำให้แม่เผลอหลุดคำพูดที่เธอเองต้องกลับมาเสียใจทีหลัง
“ลูกน่าจะตายไปเสีย” มาร์ตินจำได้ว่าเธอพูดทั้งน้ำตา เขาสะเทือนใจจากคำพูดของแม่ แต่อีกใจหนึ่งเขาก็สงสารเธอ แต่เขาก็ทำอะไรไม่ได้
มาร์ตินเล่าว่ามีหลายครั้งที่เขาอยากจะยอมแพ้ และปล่อยให้ตัวเองจมดิ่งไปกับความมืดมิด แต่เพราะช่วงเวลาสั้น ๆ ครั้งหนึ่ง ที่เขาต้องนั่งรอบนรถเข็น ขณะที่พ่อไปซื้อของจำเป็นในซูเปอร์มาร์เก็ต มีคนแปลกหน้าคนหนึ่งเดินผ่านมา และยิ้มให้กับร่างกายและดวงตาอันนิ่งเฉยของเขา มาร์ตินไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไร แต่การกระทำเรียบ ๆ ที่ทำให้เกิดชั่วขณะของการปฏิสัมพันธ์ ได้เปลี่ยนความรู้สึกของเขาให้อยากอยู่บนโลกนี้ต่อ
จนอายุ 25 ปี ทำให้เขาหมดหวังว่าจะมีใครบางคนรับรู้ถึงการมีอยู่ของเขาไปแล้ว แต่นักสุคนธบำบัดคนใหม่ เธอเริ่มบอกพ่อแม่ของมาร์ตินว่าเขาอาจเข้าใจสิ่งที่เธอพูด แถมยังรบเร้าให้พาเด็กคนนี้ไปหาผู้เชี่ยวชาญที่ Centre for Augmentative and Alternative Communication เพื่อทดสอบว่าเขามีปฏิกิริยาตอบสนองและสามารถสื่อสารได้จริงไหม สุดท้ายแล้วมาร์ตินก็ผ่านการทดสอบ
มาร์ตินต้องเรียนรู้ที่จะสื่อสารผ่าน Speech Computer พร้อมกับการฟื้นฟูร่างกายช่วงหัวและคอให้สามารถกลับมาขยับได้ กว่าจะพอสื่อสารในประโยคง่าย ๆ เขาก็ใช้เวลาอยู่เป็นปี ๆ
เขาเลิกไปสถานดูแล เริ่มหางานทำเป็นครั้งแรก มันเป็นแค่งานรับถ่ายเอกสาร ซึ่งเป็นเพียงงานง่าย ๆ แต่กลับทำให้เขารู้สึกว่าตัวเองสามารถทำอะไรเองได้เสียที และตัดสินใจลงเรียนในสาขาคอมพิวเตอร์ ก่อนจะจบมาทำงานเป็นโปรแกรมเมอร์ และนักพัฒนาเว็บไซต์ และชายหนุ่มยังได้พบกับ “โจแอนนา” เธอค่อย ๆ ถักทอความรักที่มีต่อเขา ไปพร้อม ๆ กับที่มาร์ตินค่อย ๆ สร้างชีวิตในฝันให้เป็นรูปเป็นร่าง พวกเขาแต่งงานกันหลังจากนั้นเพียงไม่กี่ปี
“ครั้งหนึ่ง ผมเคยถูกมองเป็นสิ่งของไร้ชีวิต เป็นร่างไร้จิตใจของเด็กชายบนรถเข็น วันนี้ผมเป็นมากกว่านั้น เป็นทั้งสามี, ลูกชาย, เพื่อน, พี่ชาย, เจ้าของกิจการ, บัณฑิตเกียรตินิยมอันดับหนึ่ง เพราะความสามารถในการสื่อสารได้มอบทั้งหมดนี้มา”
ปี 2011 มาร์ตินเขียนเรื่องราวในช่วงเวลาที่เขารู้สึกตัวแต่ไม่สามารถขยับร่างกายได้ ถ่ายทอดลงในหนังสือชื่อ ‘The Ghost boy’ ซึ่งกลายเป็นที่พูดถึงอยู่ช่วงเวลาหนึ่ง เขายังตั้งอกตั้งใจทำกายภาพบำบัดจนสามารถควบคุมร่างกายท่อนบนของตัวเองได้ ปี 2018 แม้จะยังต้องนั่งรถเข็นแต่มาร์ตินตัดสินใจ ท้าทายตัวเองด้วยการลงแข่งวีลแชร์เรซซิ่ง และเคยสามารถคว้าเหรียญทองแดงมาครองได้อีกด้วย
มาร์ติน พิสโตริอุส คือเด็กชายในร่างผู้ใหญ่ที่ฟื้นขึ้นมาจากความมืดมนแสนโหดร้าย เขาถูกดึงขึ้นมาจากหุบเหวอันเวิ้งว้าง ด้วยฝีมือของกลุ่มคนที่ห่วงใย ผู้คนที่คอยโอบกอด รับฟัง ทำความรู้จัก และรักตัวตนของเขาในวันนี้ ทำให้เด็กชายที่เคยกลายเป็นภูติผี เผยตัวตนและเปล่งประกายความเป็นมนุษย์ออกมาอีกครั้ง
#แอดกล้วยหอมจอมซน
โฆษณา