10 ก.ค. 2020 เวลา 07:52 • ประวัติศาสตร์
นี่หรือมนุษย์
Monuments of Slave Traders, Genociders and Imperialists Are Becoming Flashpoints in Global Anti-Racism Protests
• แรงส่งจากการ 'ตื่นขึ้นมา' ของสังคมส่วนใหญ่อเมริกากำลังขยายวงไปถึงการปฏิรูปตำรวจทุกระดับ จนถึงการโค่นอนุสาวรีย์ของนักค้าทาส
• ผู้บัญชาการกองทัพฝ่ายใต้ที่ต่อสู้ไม่ให้เลิกทาส รวมทั้งอดีตกษัตริย์ของยุโรปที่ทำทารุณกรรมโหดเหี้ยมกับชาวอาณานิคมในแอฟริกา
• แม้แต่ภาพยนตร์ยิ่งใหญ่อมตะนิรันดร์กาล เช่น Gone With the Wind ก็ถูกถอดออกจากรายการของ Netflix ที่อาจต้องหายไปกับสายลม 'สมชื่อของตำนานแห่งโลกบันเทิงที่ไม่ควรจดจำ' เพราะเป็นหนังที่มีทาสมากมายในเรื่อง
• ไม่เพียงเปลี่ยนชื่อถนนเพนซิลเวเนีย ข้างหน้าทำเนียบขาว เป็น Black Lives Matter (BLM) หรือคนดำก็มีความหมาย เป็นคนที่มีสิทธิ (Right) และเสรีภาพ (Liberty) ไม่ใช่นำมาเลี้ยงแบบปศุสัตว์ต่างสายพันธุ์ เช่น 'โค กระบือ ม้า แพะ แกะ สุกร หมู หมา ไก่' ที่เจ้าของทาสมีสิทธิเหนือชีวิตทาสแม้จะอยู่ในปี ค.ศ. 2020 ก็ตาม
• ยิ่งขณะนี้การตื่นตัวในความเป็นมนุษย์ที่ต้องเท่าเทียมยิ่งขึ้น จากขบวนการ Me Too ทำให้คนส่วนใหญ่ทั้งสหรัฐอเมริกา ยุโรป และทวีปอื่น ๆ 'ต่างเพิ่มความตระหนักเรื่องการดูถูกเหยียดหยามเอารัดเอาเปรียบผู้ที่อ่อนแอกว่า' แต่มีสิทธิในความเป็นมนุษย์เช่นกัน
• ที่เมือง 'บริสตอล' (Bristol) ของอังกฤษมีการโค่นอนุสาวรีย์ของพ่อค้าทาส ที่ได้สร้างความมั่งคั่งให้ตนเอง โดยเป็นผู้ลำเลียงทาสที่ไปกวาดต้อนทำทารุณกรรมกับคนอัฟกัน เพื่อขึ้นเรือนำทาสไปขายในทวีปอเมริกาตั้งแต่ช่วงต้น ค.ศ. 1600
• เขามั่งคั่งบนกองกระดูกทาสเป็นจำนวนหมื่น ซึ่งมี Logbook แสดงบัญชีและชื่อ 'ที่เขาตั้งให้' ของทาสที่ได้บังคับด้วยการทรมาน เพื่อนำไปขายที่นิคมของชาวยุโรปที่เพิ่งไปตั้งถิ่นฐานทางตอนตะวันออกเฉียงใต้ของสหรัฐอเมริกา
• เรือลำแรกมีทาส 20 คนไปขึ้นท่าที่รัฐเวอร์จิเนีย ในปี ค.ศ. 1619 และเพิ่งครบรอบ 400 ปีเมื่อปี ค.ศ. 2019 ที่มีงานรำลึกอย่างยิ่งใหญ่ที่สหรัฐอเมริกา โดยประธานาธิบดี 'โดนัลด์ ทรัมป์' ปฏิเสธที่จะไปร่วมเปิดงาน
• ตลาดค้าทาสใหญ่จะอยู่ที่รัฐทางตอนใต้ของสหรัฐอเมริกา แต่ก็ได้ขยายไปทางตอนเหนือที่ 'ถนนวอลล์สตรีท' ด้วยในช่วงก่อนการทำสงครามต่อสู้กับเจ้าอาณานิคมอังกฤษ จนได้เอกราชในปี ค.ศ. 1776 ด้วยซ้ำ
• และมีมหาวิทยาลัยดีเด่นของสหรัฐอเมริกา หลายแห่งที่เป็นตลาดสำคัญกับของการประมูลซื้อขายทาส เช่น พรินซ์ตัน (Princeton University) เป็นต้น
• ที่ 'อังกฤษ' ผู้ร่วมประท้วงกับความอยุติธรรมของตำรวจอเมริกันอำมหิตที่ทรมานฆ่าคนดำที่บังคับขู่เข็ญจนคนดำตายอย่างอนาถ ได้มีชุมนุมหน้าสถานทูตอเมริกันในลอนดอน แต่ก็ได้ขยายไปถึงบริสตอล และไปถึงสกอตแลนด์ด้วย
• เพราะคนดำใน 'อังกฤษ' ก็เจอกับการดูถูกเหยียดผิวในชีวิตการทำงาน และชีวิตความเป็นอยู่ในสังคมเช่นกัน ขนาดสะใภ้หลวงชายาของเจ้าชายแฮร์รี ก็โดนเข้าอย่างจังจากสื่อฝ่ายขวาของอังกฤษ ถึงกับสะอื้นเมื่อได้คลอดพระโอรสออกมาแล้ว
• นายกเทศมนตรีลอนดอน 'ซาดิค ข่าน' (Sadiq Aman Khan) 'ประกาศทบทวนรูปปั้น อนุสาวรีย์ต่าง ๆ รวมทั้งชื่อถนนของมหานครลอนดอนที่เกี่ยวพันกับการค้าทาส พิจารณาจะถอดถอนออกให้หมดตามการเรียกร้องของประชาชน และเสียงส่วนใหญ่ของสภาเมือง'
• รูปปั้นของพ่อค้าทาส 'เอ็ดเวิร์ด โคลสตัน' (Edward Colston) เศรษฐีผู้มั่งคั่งเจ้าของธุรกิจมากมาย 'รวมทั้งชื่อถนนต่าง ๆ ในเมืองบริสตอล' ถูกทุบทิ้งดึงลงมาจากแท่นแบบที่เห็นในการทุบทำลายรูปปั้นจอมเผด็จการ 'เบนิโต มุสโสลินี' (Benito Mussolini) ทันทีที่ฝ่ายอักษะเริ่มแพ้ หลังฝ่ายสัมพันธมิตรบุกขึ้นฝั่งที่หาด Normandy ฝรั่งเศส ปลายสงครามโลกครั้งที่ 2
• ผู้ประท้วงซึ่งมีทั้งผิวขาวด้วย ได้ใช้เชือกมัดมือมัดเท้ารูปปั้นของนาย 'เอ็ดเวิร์ด โคลสตัน' เพื่อเป็นสัญลักษณ์แห่งความโกรธแค้นที่เขาทำลายชีวิตคนแอฟริกันที่บีบคั้นจับมาเป็นทาส แล้วเข็นเตะรูปปั้นขึ้นไปตามถนน เพื่อไปโยนทิ้งทะเลบริเวณท่าเรือของนาย 'เอ็ดเวิร์ด โคลสตัน' ที่ได้นำเรือออกไปซื้อขายทาสนั่นเอง
• ที่ลอนดอน นายกเทศมนตรี 'ซาดิค ข่าน' รีบออกคำสั่งให้รื้อถอนอพยพรูปปั้นของมหาเศรษฐีนักค้าทาสอังกฤษชื่อ 'โรเบิร์ต มิลลิแกน' (Robert Milligan) เพื่อเอาไปเก็บเข้ากรุในพิพิธภัณฑ์ ก่อนที่จะถูกประชาทัณฑ์โค่นทุบทำลายแบบที่เมืองบริสตอล 'ตามมติของสภาเมือง' ท่ามกลางเสียงปรบมือกราวใหญ่
• นาย 'โรเบิร์ต มิลลิแกน' เป็นเจ้าของทาส 526 คนที่ประเทศจาไมก้า ที่เขาเป็นเจ้าของไร่อ้อยมหึมาถึง 2 แห่ง และใช้ทาสเพื่อผลิตน้ำตาลนำไปขายที่ยุโรปเมื่อศตวรรษที่ 17
• และเมื่อเขามั่งคั่งจากกิจการที่มีแต่ทาสทำงาน โดยถูกกดขี่แบบสัตว์ เขาก็บริจาคเงินมากมายให้แก่องค์การต่าง ๆ ในลอนดอน เพื่อชื่อเสียงวงศ์ตระกูลที่สืบต่อความมั่งคั่งถึงปัจจุบัน
• สำหรับมหาวิทยาลัยออกซ์ฟอร์ด มีทั้งนักศึกษาปัจจุบันและอดีต รวมทั้งเหล่าคณาจารย์ได้ออกมาร่วมชุมนุม BLM เป็นการผนึกกำลังกับการประท้วงที่สหรัฐอเมริกา และทั่วโลก
• พร้อมทั้งได้กดดันให้รื้อถอนรูปปั้นของนาย 'เซซิล โรดส์' (Cecil John Rhodes) นักธุรกิจใหญ่ และนักการเมืองผู้ทรงอิทธิพลชาวอังกฤษ ที่มีบทบาทสำคัญต่อเมืองอาณานิคมของอังกฤษที่แอฟริกาใต้ 'ระดับนายกเทศมนตรีของเมืองขึ้นอังกฤษ 'ผู้เชื่อมั่นในจักรวรรดิที่พระอาทิตย์ไม่เคยตกดิน' ที่ต้องแผ่ขยายสร้างอาณานิคมเพื่อความมั่งคั่งของอังกฤษในศตวรรษที่ 17 โดยได้ก่อตั้งบริษัทเพชร De Beers และครองตลาดเพชร ด้วยการทำร้ายเจ้าของถิ่นชาวแอฟริกันอย่างโหดเหี้ยม'
• เขาจัดเป็น 'เจ้าลัทธิตัวพ่อ' สำหรับผู้บูชาผิวขาวว่าเป็นเผ่าพันธุ์สูงสุดที่จะปกครองคนเผ่าพันธุ์อื่น ๆ เช่นเดียวกับแนวคิดของ 'อดอล์ฟ ฮิตเลอร์' และ 'เบนิโต มุสโสลินี' และได้มอบเงินบางส่วน 'จากที่หามาได้จากกิจการเพชรที่แอฟริกา' จัดทำวิทยาลัยที่ออกซ์ฟอร์ด
• ซึ่งต่อมามีทุนการศึกษาที่มีชื่อเสียงมากที่เติบโตจากกองทุนดั้งเดิม เพื่อมอบให้แก่นักศึกษาด้านกฎหมาย และหนึ่งในผู้รับทุน Rhodes Scholar ก็คือ อดีตประธานาธิบดี 'บิล คลินตัน' นั่นเอง
• รูปปั้นของ 'เซซิล โรดส์' ยืนตระหง่านบนอาคารของ 'ออกซ์ฟอร์ด' มองลงมายังเหล่าชุมชนนักศึกษา อาจารย์ในมหาวิทยาลัยเก่าแก่แห่งนี้ ซึ่งสภาเมืองลอนดอนและเหล่าผู้ต่อต้านการเหยียดผิวต่างเรียกร้องให้นำรูปปั้นนี้ลงมา เพื่อนำไปเก็บไว้ที่อื่น ไม่ใช่มาเชิดชูกับความนิยมบูชาผิวขาว หรือ White Supremacist เพื่อข่มขู่นักศึกษาผิวสี หรือโลกแห่งความเท่าเทียมกันในปัจจุบัน
• แม้แต่อนุสาวรีย์แห่งอดีตกษัตริย์เลโอโปลด์ที่ 3 แห่งเบลเยียม หรือ Leopold III King of Belgium ก็มีการกดดันเรียกร้องให้นำลงมาเคลื่อนไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ เพราะเป็นกษัตริย์ที่โหดร้ายต่ออาณานิคมคองโกที่แอฟริกา 'โดยกองทัพของเขาได้ทำการตัดมือของเหล่าชาวคองโก ไม่ว่าเด็กเล็กก็ตาม แล้วให้นำมือที่ตัดแล้วมาร้อยเรียงเพื่อแสดงถึงความสำเร็จ เป็นการสร้างความกลัวต่อชาวพื้นเมืองอาณานิคม'
• และก่อนที่สภาเมืองจะมีมติให้นำรูปปั้นนี้ลงมา ปรากฏมีมือดีนำสีแดงไปชโลมคล้ายเลือดที่รูปปั้นด้วยความโกรธแค้น
• ส่วนรูปปั้นเหล่านายทัพของกองทัพรัฐฝ่ายใต้ของสหรัฐอเมริกา ก็ถูกกดดันให้รื้อถอนไปเก็บไว้ในพิพิธภัณฑ์ เริ่มจากนายพล Robert Edward Lee ซึ่งเป็นแม่ทัพใหญ่ รวมทั้งธงกองกำลังฝ่ายใต้ก็ถูกสภาเมืองหลายแห่งลงคะแนนไม่ให้ชักธงเหล่านี้ต่อไป
• ผลพวงของการทรมานนาย 'จอร์จ ฟลอยด์' (George Floyd) 'คนผิวดำจนขาดใจตายโดยฝีมือตำรวจ กำลังแผ่ขยายเป็นการขับเคลื่อนทางการเมืองและกฎหมาย เพื่อปฏิรูปตำรวจไม่ให้ทำร้ายประชาชน และเปลี่ยนอคติที่คนผิวขาวมีต่อคนผิวสีที่เคยเป็นทาส' จะสร้างปรากฏการณ์เปลี่ยนแปลงได้ขนาดไหน เป็นเรื่องที่น่าติดตามยิ่ง
• บรรณานุกรม :
โฆษณา