11 ก.ค. 2020 เวลา 05:19 • การตลาด
บัลแกเรียโยเกิร์ต ทางสู้ของผู้เป็นรอง
ขอบคุณภาพจากเพจ ลงทุนแมน
โยเกิร์ต ในประเทศ มีมูลค่ากว่า 4,000 ล้าน ซึ่งเบอร์หนึ่งที่ครองตลาดอยู่ที่ ดัชมิลล์ และตามมาด้วย เมจิ แบบห่างๆ จุดแข็งอย่างหนึ่งของผู้นำตลาดอย่างดัชมิลล์ คือมีความหลากหลายด้านผลิตภัณฑ์มาก จะสังเกตในท้องตลาด ผลิตภัณฑ์ ของดัชมิลล์ มีความหลากหลาย ตอบสนองแทบทุก segment จึงเป็นผู้นำในปัจจุบัน ทั้งหลากหลายรสชาติและหลากหลายรูปแบบ
ข้อมูลราคาจากเวป big c
ด้วยจุดแข็งข้างต้นทำให้ผู้ตามเบอร์รองอย่างเมจิ ต้องหันมาจับกลุ่มตลาดใหม่ที่เป็นกลุ่มที่ เรียกว่า premium หรือเข้าใจง่ายๆ คือราคาจะสูงกว่า โยเกิร์ต ในท้องตลาดทั่วไป ราคาขายอยู่ประมาณ 19-20 บาท ซึ่งราคาโยเกิร์ตทั่วๆไป จะอยู่ประมาณ 11-14 บาท
คำถามคือ ทำไม ต้องหลีกหนีมาทำ ผลิตภัณฑ์ premium แทนที่จะแข่งกันในตลาดปกติ
คำตอบคือ การขยาย line สินค้าในเทียบเท่ากับดัชมิลล์ น่าจะเป็นเรื่องที่วิเคราะห์มาแล้วว่าการขยายไลน์ ในระยะเวลาอันใกล้ให้เทียบเท่าไม่น่าจะทันการณ์ และ สินค้าทุกตัวไม่ใช่ว่าจะขายดีทุกตัว ในฐานะผู้ตามจึงต้องใช้ความคิดค่อนข้างมาก ต้องเอียดถี่ถ้วน เพราะทุกอย่างคือการลงทุน ฉนั้นส่วนตัวคิดว่า เมจิ คิดค่อนข้างถูกต้องเราไม่ต้องเป็นต้องแข่งทุกอย่าง แต่เราเลือกเป็นที่ 1 ในบางอย่างได้ และเท่าที่ดูใน segment premium ยังมีสินค้าไม่หลากหลาย การแข่งขันยังไม่สูงมาก จึงนับเป็นทางเลือกที่ดี ถ้าเมจิ จะแข่งกับเบอร์ 1 อย่าง ดัชมิลล์ ใน segment นี้
อีกคำถาม คือ segment นี้มีมูลค่าขนาดไหน ใหญ่เพียงพอหรือไม่ เมื่อเทียบกับ ระดับราคาทั่วๆไปที่ขายกันอยู่ปัจจุบัน
คำตอบคงต้องรอดูอีกสักพัก เพราะโยเกิร์ต เป็นอาหาร เรื่องรสชาติ คงเป็นเรื่องสำคัญ และเป็นอันดับต้นๆ ในการตัดสินใจ ว่าจะซื้อซ้ำ หรือไม่ นอกเหนือจาก value ต่างๆ ที่แบรนด์ พยายามนำเสนอ
มาว่ากันที่เรื่องโฆษณา
บัลแกเรีย โยเกิร์ต ออกโฆษณาตัวใหม่ที่ยังคงมี เจมส์ จิ
(แหม มี จิ ซะด้วยไม่รู้เจตนาให้เหมือนรึป่าว) โดยชู concept
LB81 ขึ้นมาเป็นตัวชูโรง ทำเอาผมเอง งง อยู่พักใหญ่ว่าคืออะไร จึงต้องค้นหาคำตอบให้วุ่น ซึ่งคำตอบอยู่ด้านล่างนี้แล้ว
สรุปให้เข้าใจง่ายๆ เป็นจุลินทรีย์ ที่ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ ต้านมะเร็ง ช่วยการขับถ่าย
https://youtu.be/WJdCFMigzEg
ขอบคุณ ข้อมูลจาก cpmeiji.com
ตัวโฆษณา ดำเนินเรื่องเหมือนหนังที่ให้เห็นตอนจบก่อนค่อยเฉลยทีหลัง โดยแบ่งเป็น 3 เรื่องสั้นๆ ของคน 3 แบบโดยคนแรกเป็น สาวออฟฟิศ ที่มาทำงานเช้าด้วยความสดใส และคนที่สอง เป็นนักศึกษา คนสุดท้ายเป็นผู้ชายที่ก่อนหน้านี้ น่าจะขี้โรคป่วยบ่อย ซึ่งโฆษณาสร้างเรื่องให้ชวนสงสัยของคนเหล่านี้ที่มีพฤติกรรมหรือลักษณะ รูปลักษณ์ภายนอกที่เปลี่ยนไปจนสังเกตได้ และทิ้งคำถามไว้ในหัว ของ เจมส์ จิ ว่าทาน เมจิ บัลแกเรีย ทุกคืน พร้อมด้วยใบหน้า งงๆ (ผมก็ งง เหมือนกัน 😂😂) ก่อนจะมาเฉลยตอนท้ายว่า เพราะทาน เมจิบัลแกเรีย โยเกิร์ต โฆษณาต้องการสื่อว่า ถึงได้สวยถึงสุขภาพดี และตบท้ายด้วยการทานตอนกลางคืน เพื่อให้ตอนเช้าระบบขับถ่ายจะได้ดี ทำให้อารมณ์ดี ดูสดใส ประมาณนั้น
นักการตลาด เลือกที่จะสื่อสาร โดยบอกว่า
กลุ่มเป้าหมายที่ได้เลือกแล้วคือ ผู้หญิงวัยทำงาน นักศึกษา หรือแม้แต่ผู้ชายก็ทานได้
และ focus ให้ลึกลงไปอีก ในกลุ่มคนข้างต้น ยิ่งเป็นคนที่มีปัญหาเรื่องการขับถ่าย และสุขภาพไม่ค่อยดี เป็น เป้าหมายหลักของ เมจิบัลแกเรีย
สิ่งที่ นักการตลาด เลือกที่จะบอกอีก คือ สื่อสารให้ทานตอนกลางคืน เพื่อที่จุลินทรีย์ LB81 จะได้เข้าไปช่วยดูแลเรื่องระบบขับถ่ายในร่างกาย และอื่นๆ อีกมากมาย นับเป็นการเลือก หรือ focus อีกจุดที่เป็นการเลือกจากพฤติกรรม ของผู้บริโภคที่ชอบทานอาหารตอนกลางคืน (สิ่งที่จะบอกคือ ทานแล้วไม่อ้วน แถมขับถ่ายดี และสุขภาพ ดีอีก) หรือพูดอีกนัยยะ หนึ่ง กำลังจะขาย เมจิบัลแกเรีย ให้กับคนกลุ่มนี้ (เพราะแบรนด์อื่น หรือ แม้แต่ ดัชมิลล์ เองก็ไม่ได้ focus เรื่องเวลาส่วนมากจะบอกว่าทานได้ตลอดเวลาแสดงให้เห็นว่า เมจิบัลแกเรีย customizations มากขึ้น เป็นการเลือกบอก และเลือกประกาศ โดยคาดหวังว่ากลุ่มเป้าหมาย จะคิดถึง เมจิบัลแกเรีย เป็นรายแรก เมื่อจะทานโยเกิร์ต ตอนกลางคืน โดยมี LB81 เป็น เหตุผลให้เชื่อว่ากินแล้วดี ในหลักโฆษณา เค้าเรียกว่า RTB (reason to believe)
ข้อด้อยนิดเดียว ของโฆษณานี้คือ LB81
เพราะเป็นสินค้า premium ทำให้ เมจิ ต้องสรรหา วัตถุดิบ หรือจุลินทรีย์ ใหม่ๆ เพื่อสร้าง story หรือ value added
เพราะปัญหา คือ LB81 ไม่ใช่จุลินทรีย์ทั่วๆไปที่เรารู้จักมาก่อนหน้านี้ เหมือน แลคโตบาซิลัค ที่เรารู้จักว่าอยู่ในยาคูลย์ และเรารู้ว่าดี เพราะถูกสื่อสารมาตลอดเวลาค่อนข้างนาน
ดังนั้นจึงควรต้องให้ความรู้ หรือเพิ่ม know how ให้กับผู้บริโภค มากขึ้นกว่าที่เห็นในโฆษณา เพราะถ้าเข้าถึงยาก หรือข้อมูลน้อยเกินไปสิ่งที่ดีๆ อาจจะด้อยค่า เพราะไม่สามารถสื่อสารไปถึงผู้บริโภคได้ เท่าที่อยากให้เป็น
บทความหน้าผมจะมาพูดถึงคู่แข่ง ดัชมิลล์ บ้างว่าจะตอบโต้อย่างไร กับ เมจิ (ซึ่งทำโฆษณา ออกมาได้ดีทีเดียวครับ สมกับเป็นเบอร์ 1 จริงๆ)
ขอบคุณข้อมูลจากเพจ
ลงทุนแมน ดัชมิลล์ เมจิ big c และอื่นๆ ที่ผมอาจตกหล่น
Comment แลกเปลี่ยน และ
ฝากติดตาม กด like กด share
เพื่อเป็นกำลังใจให้กันด้วยนะครับ
โฆษณา