11 ก.ค. 2020 เวลา 08:45 • ดนตรี เพลง
EP. 15: “ครูอุ๊ด..ผู้ชำนาญฟังรายการวิทยุ”
วิถีความเป็นอยู่ของชุมชนทรายกองดิน มีนบุรี ในขณะนั้นผมรับรู้ได้ถึงพลังแห่งความเอื้ออาทร บรรยากาศของความสมัครสมานสามัคคีที่น่าประทับใจและควรค่าแก่การหวงแหน อาจเป็นเพราะผมไม่เคยได้สัมผัสจากสังคมก่อนหน้านั้นมาก่อน
เมื่อผู้นำชุมชน (อาจารย์มัรวาน สะมะอุน) ได้ริเริ่มให้คนหนุ่ม-สาว เกิดการรวมตัวกันอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อทำกิจกรรมสาธารณะประโยชน์ในลักษณะของกลุ่มเยาวชนขึ้น ผมจึงไม่รั้งรอที่จะเข้าร่วมอุดมการณ์
กิจกรรมหลากหลายที่พวกเราได้ร่วมแรงร่วมใจ ก่อเกิดเป็นมิตรภาพอัน
น่าจดจำ ผมยังนึกถึงภาพของสมาชิกแต่ละคนได้อย่างชัดเจน..แต่ครั้งนี้
จะขอเอ่ยถึงเพียงบางคนพร้อมกับการตั้งฉายาให้ (หยอกเล่นนะครับ)
ดังนี้ บังบุญมี นิและ “หัวขบวน ผู้เคร่งครัด”, บังสายัณห์ เล็มบารอฮีม
“ท่านรองผู้มาดมั่น”, บังประดิษฐ์ แชขำ “ผู้รวยอารมณ์ขัน”
และ คุณครูสะอาด ยิดนรดิน หรือ “ครูอุ๊ด” ที่ผมกำลังจะเล่าถึง..
ด้วยการเรียนมาทางวิชาครู “ครูอุ๊ด” จึงเป็นอีกคนที่มีทักษะในการพูดต่อที่สาธารณะ และเขายังเล่าเรื่องได้มีสีสันน่าติดตาม ทำให้มักจะถูกเลือกเป็นพิธีกรหรือผู้ดำเนินการอภิปราย..การเรียนสาขาอุตสาหกรรมศิลป์ คงมีส่วนทำให้เขาคุ้นชินกับมุมมองที่เป็นศิลปะและมีความคิดสร้างสรรค์ เลยได้รับโหวตให้ต้องพ่วงงานออกแบบจัดทำบอร์ดแสดงนิทรรศการเข้าอีกอย่าง
การที่ผมได้อาศัยอยู่บ้าน “บังแอ” (อาจารย์สมัย เจริญช่าง) ผู้เป็น “ครู”
นักพัฒนาที่อุทิศตนเพื่อประโยชน์ของสังคมอย่างแท้จริงนั้น ทำให้ได้
วิธีคิด เห็นมุมมอง และเกิดเป็นแรงบันดาลใจ
เหตุนี้ผมจึงไม่พลาดที่จะอยู่คอยเป็นลูกมือ “ครูอุ๊ด” ไม่ว่าจะกิจกรรมใดๆก็ตาม..เพราะผมถือว่านี้คือโอกาสเรียนรู้จากการได้ลงมือทำ
บ้านครูอุ๊ด อยู่ริมคลองแสนแสบ เยื้องกับสถานที่ทำกิจกรรมหลักของกลุ่มเยาวชน (สุเหร่าใหญ่ทรายกองดิน) เมื่อผมอาสาเป็นลูกมือหลัก ก็เลยได้
มีโอกาสไปที่บ้านเขาและบ่อยขึ้นๆ
เมื่อได้คุ้นเคยกันมากขึ้น..ผมจึงรู้ว่า “ครูอุ๊ด” เป็นคนสุนทรีมาก เขามีดนตรีอยู่ในหัวใจไม่น้อยเลย..และเรื่องของ “ดนตรี” นั้นมีหรือที่ผมจะไม่พรั่งพรูออกมาเมื่อได้มีโอกาสพูดถึง..แล้ว “ดนตรี” ก็ทำให้เรามีเรื่องพูดคุยกันอย่างมากมาย
ที่บ้านครูอุ๊ด มีกีต้าร์โปร่ง และเขาเล่นได้ดีในสไตล์ “Picking” หรือเรียกการ “เกากีต้าร์” ส่วนร้องก็จัดว่าใช้ได้ เขาเล่นเพลงที่บางคนเรียกว่า
”ดนตรีโฟล์ค” เช่นของ “Don McLean” อย่างเพลง “Vincent”
“And I Love You So” ของ “John Denver” เพลง “Leaving on a Jet Plane” “Sunshine on My Shoulders”
หรือของ “Jim Croce” เพลง “Time In A Bottle”
ที่ผมหยิบมาให้ฟื้นความทรงจำกันอีกครั้งครับ
ครูอุ๊ด เป็นคนที่รู้จักรายการวิทยุหลายรายการ และฟังอย่างละเอียด โดยเฉพาะรายการเพลงสากล เขาเป็นผู้แนะนำให้ผมรู้จักข้อเด่นของนักจัดรายการแต่ละคน จนพวกเขาเหล่านั้นกลายเป็นแรงบันดาลใจอย่างทรงพลังให้ผมใฝ่ฝันที่จะเป็น..
“นักจัดรายการวิทยุ" เปิดเพลงสากลที่ผมรู้จักให้ผู้คนได้ฟัง
เริ่มจาก “พี่สุชาดี มณีวงศ์” เรื่องเสียงที่เป็นเอกลักษณ์ของพี่เขานั้นเป็นที่ทราบกันดี จากเสียงพากย์ ในรายการ “กระจกหกด้าน” ที่จริงแล้วแกจัดรายการวิทยุก็มีชื่อเสียงไม่น้อย ก่อนที่จะมาเป็นตำนานกับสารคดีทางทีวี
ช่อง 7 นี้เสียอีก
ข้อที่ผมชอบและพยายามทำแบบพี่เขา คือ เทคนิคการใช้ภาษาแบบประหยัดคำ กระชับ หนักแน่น ไม่เยิ่นเย้อ สื่อความหมายได้ชัดเจนในจำนวนไม่คำ..ซึ่งตรงนี้ต้องมีการเขียนสคริปท์ที่ดีเสียก่อน ดังนั้นรายการของพี่เขาจึงเป็นเทปไม่ได้จัดสดที่สถานี กระนั้นก็ยังคงเป็นรายการเพลงสากลที่มีเอกลักษณ์น่าติดตาม เพลงที่เปิดจะเป็นแบบ..
“Adult Contemporary” ฟังสบายๆเช่นเพลง “Only You”ของคณะ
“The Platters” เชิญรับฟังครับ
“พี่ศุภวรรณ สวนศิลป์พงศ์” กับรายการ “บานชื่น” คนนี้มีข้อเด่น ที่ผมยึดเป็นแบบอย่างอยู่ 2 ข้อ คือ 1 วิธีการพูดถึงสินค้าผมจำได้ตอนนั้นมีสปอนเซอร์แบบเหมารายเดียวครึ่งชั่วโมง อย่าง ธนาคารกรุงเทพ และ นมโฟร์โมสต์
ที่จริงแล้วก็คือการโฆษณาขายสินค้านี่เอง แต่พี่เขาพูดได้น่าฟังเห็นภาพ
ไม่เบื่อสักนิด โดยที่ไม่ได้เปิดสปอตขั้นเลย ข้อ 2คือการคุม Main Theme ของรายการ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ภาษา,สำนวน,วิธีพูด,รสนิยมของเพลงที่เลือกเปิด ตลอดจนสินค้าที่เป็นสปอนเซอร์ ทั้งหมดนั้นกลมกลืน และสื่อสารได้ตรงถึงกลุ่มเป้าหมายอย่างชัดเจน ด้วยความ Smooth ของรายการนั้นทำให้ผมฟังบ่อย และ “พี่ศุภวรรณ สวนศิลป์พงศ์” คือผู้ที่เปิดโลกเพลงสากลแนว “Country Love Songs” ให้ผมได้รู้จักศิลปินเช่น Kenny Rogers, Ronnie Milsap, George Jones, Anne Murray หรือ
“Don Williams” กับเพลง “I Believe In You” ที่ไพเราะมาก เชิญรับฟังครับ
การปรากฎของ “Nite Spot” โดย “พี่อิทธิวัฒน์ เพียรเลิศ” นักจัดรายการคนแรกที่กล้าพูดทับเพลงที่กำลังเปิดอยู่ กับการนำเสนอเพลงสากลที่ทันสมัย
สั่งตรงจากอังกฤษ และอเมริกา ทุกสัปดาห์เป็นความแปลกใหม่บนหน้าปัดวิทยุ รายการ“Radio Active” ของพี่เขาได้รับความนิยมสูงสุดในหมู่นักศึกษาปัญญาชนและคนรุ่นใหม่ โดยเฉพาะสไตล์การจัดของ “พี่วาสนา วีระชาติพลี” ชื่อนี้ผมต้องจดจำเป็นแบบ ในวิธีการแสดงออกซึ่งความเป็นตัวของตัวเองที่เป็นไปโดยธรรมชาติไม่ได้บ่งบอกถึงความโอ้อวดให้เห็นและกลายเป็นเสน่ห์ที่ผมติดตาม รวมทั้งผมยังได้รับรู้เพลงของศิลปินจากฝั่งอังกฤษที่พี่เขาเปิดบ่อยๆอย่าง The Police, U2, Blondie, Peter Gabriel และ
“David Bowie” ที่พี่เขาชอบมาก ผมเลือกเพลง “Starman” มาให้ฟังครับ
“พี่วิโรจน์ ควันธรรม” อีกหนึ่งแม่เหล็กของ “Nite Spot” สไตล์ของ “Radio Active” ในช่วง “พี่หมึก” ก็ไม่ต่างจากของพี่วาสนานัก แต่ข้อเด่นของพี่เขา
ที่ผมเก็บมาเป็นแบบและพยายามทำให้ได้มีถึง 3 ข้อคือ 1. ท่วงทำนองการพูดที่สุภาพ แม้บางครั้งจะเปิดเพลงหนักขนาดไหนพี่เขาก็รักษาทำนองไม่ได้ห้าวตามไปด้วย 2. จังหวะการพูดทับไปบนเพลงที่ไม่ทำให้เสียอารมณ์ของเพลง แถมเวลาที่พูดถึงเพลงพี่เขาก็มีข้อมูลนำเสนอที่หลากหลายน่าสนใจ 3. ชอบที่พี่เขามักแนะนำเพลงที่ไม่ค่อยได้เปิดในอัลบั้มนั้นๆ
เช่นเขาจะพูดประมาณว่า..
“Once Upon A Time In The West เป็น Track แรกจากอัลบั้มCommunique’
ของคณะ Dire Straits ที่ไม่ค่อยมีใครเล่นกัน ผมว่าดนตรีเขาเท่ห์ดี ลองฟังครับ”
ยุค 80’s หรือ ตั้งแต่ พ.ศ. 2523 วงการวิทยุนั้นมีความคึกคักเป็นอย่างมาก กระแสของเพลงสากลหลั่งไหลเข้ามาอย่างท่วมท้น เกิดนักจัดรายการเพลง
ที่มีชื่อเสียงขึ้นมากมาย ในขณะเดียวกันความตื่นตัวและการพัฒนาไปสู่ระดับสากลของ วงการดนตรี ในประเทศเราก็มีไม่น้อย ยุคนี้มีศิลปินไทยที่สร้างผลงานโดดเด่นมีคุณภาพไว้หลายอัลบั้ม..
ซึ่งผมจะนำมาเล่าในครั้งต่อไป โปรดติดตาม ขอบคุณครับ
โฆษณา