สวัสดีค่ะ ก่อนอื่นต้องมาพูดถึง เกี่ยวกับสังคมในปัจจุบัน ที่ทำให้มีเหตุการณ์เครียดเกิดขึ้น เนื่องจากดิฉันตกงานเหมือนกัน มีเพื่อนคนนึงมาปรึกษา เกี่ยวกับการตกงานของเขา เขามีค่าใช้จ่ายต้องจ่าย ค่าบ้านกค่ากินค่าน้ำค่ารถค่าไฟ ซึ่งเขาหมดกำลังใจที่จะใช้ชีวิตต่อ ก็เลยมาปรึกษา กับเรา ซึ่งเราปัจจุบัน ก็เป็นโรคซึมเศร้า ระยะที่ 3 ผ่านร้อนผ่านหนาวมาเยอะ ตั้งแต่เรียน จนถึงทำงาน โดนคนหักหลังมาตลอด ทำความดี มีแต่คนว่าเสแสร้ง แกล้งทำเป็นคนดี และเราก็ พิสูจน์ตัวเอง ด้วยระยะเวลา หลังจากเรียนจบ เราก็ได้ทำงาน เราดีใจมากตั้งใจทำงาน ถึงแม้จะไม่ใช่สายที่เราจบมาโดยตรง แต่เราก็ตั้งใจทำให้มันดีที่สุด ทุ่มเทกับงาน ไม่ได้โอทีก็ทำจนถึงเที่ยงคืน เอางานกลับมาทำที่ห้อง แทบไม่ได้นอน สุดท้าย ก็ยังมีคนไม่ชอบเรา ทั้งที่เราไม่ได้ไปทำอะไรให้ ด้วยเหตุผลที่ว่า หน้าตาเราดูกวน เราเลยบอกเพื่อนไปว่า ดูชีวิตฉันสิ ผ่านอะไรมาตั้งเยอะแยะ ฉันทำงานที่โรงแรมที่แรกที่ฉันได้ทำ ฉันโดนกดดันให้ออกจากงาน ด้วยเหตุผลที่ว่า ฉันทำงานไม่ดีซึ่งงานฉันทำเสร็จและถูกต้องเสมอมาและฉันก็สนิทกับอีกแผนกหรืออีกฝ่ายมากเกินไป แผนกที่ไม่ถูกกับแผนกที่ฉันทำงาน ซึ่งฉันมารู้ทีหลังว่า ที่เขาบีบให้ฉันออก ก็เพราะเขาอยากเอาคนเก่ามาทำงาน ตอนนั้นฉันไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อเลย ถือว่าดิ่งเลยก็ได้ รู้สึกชีวิตไร้คุณค่ามาก ทำไมทำดีถึงไม่ได้ดีมีคำถามว่าทำไมทำไมเยอะมาก ไม่อยากจะมีชีวิตอยู่ต่อ แต่ฉันก็ร้องไห้ได้ประมาณอาทิตย์นึง ฉันก็ได้ที่ทำงานใหม่ เป็นเกี่ยวกับสำนักงานบัญชี ฉันจบบัญชีมา และฉันก็คิดว่ามันเป็นน่าจะเป็นที่ของฉัน ฉันทำงานที่นั่นได้ประมาณ 3 ปี แต่ที่ทำงานก็ดีพี่เขาก็ดี แต่ทุกที่ย่อมมีอุปสรรคมีคนชอบก็ต้องมีคนไม่ชอบ พอเราทำอะไรเด่นก็มักก็จะมีคนบางคนที่เกลียดเราเพราะเราเด่นมากเกินไปยิ่งทำงานเป็นระบบครอบครัวอีกเราเป็นคนนอกเขาต้องเอาคนครอบครัวไว้ก่อน และก็เป็นอีกครั้งที่ฉันออกจากงานเพราะโดน bully ทางวาจาทางการกระทำเพราะฉันเป็นคนที่แตกต่าง ชอบกินข้าวคนเดียวไม่ชอบฟังใครนินทาไม่ชอบนินทาใครเห็นว่าอะไรไม่ถูก ฉันก็จะพูดออกไปเลย จนลืมนึกไปว่า บางคนเขาก็ชอบที่จะอยู่เหนือคนอื่น เป็นเพราะเราไม่ได้เดินตามเขา เขาเลยบอกให้คนอื่นที่เป็นเเบบเขาตามเขา เกลียดเราไปโดยปริยาย และหลังจากนั้นฉันก็หาที่ๆใช่มาตลอด ตกงานได้งานมาหลายครั้งมาก หลังจากออกตอนอายุ 24 ปี 6 เดือน จนถึงปัจจุบัน ฉันทำงานมาแล้ว 4 ที่ ที่แรกก็เป็นสำนักงานบัญชี เพื่อนๆพี่ๆดีหมดเลย แต่เสียอย่างเดียว งานมันเร่งเกินไปแล้วไม่มีการสอนอะไรเลย สุดท้ายเราจำใจต้องออก และไปทำงานเกี่ยวกับธุรการ ได้ขับรถทั่วเกาะภูเก็ต วุ่นวายกับการจัดเตรียมเอกสารตามเทศบาลต่างๆ ก็ยังไม่วายโดนแกล้ง จากการที่มีเจ้าที่แรง ไม่รู้เหมือนกันว่าตัวเองไปทำอะไรให้คนไม่ชอบได้ขนาดนั้น ฉันลองสังเกตตัวเองหลายครั้งแล้ว ว่าฉันทำผิดอะไร และมาถึงที่ล่าสุดฉันทำหน้าที่เป็นธุรการขาย ฉันโคตรทุ่มเทงานนี้มากเลย เพราะว่าฉันต้องทำงานของคนสองคนมารวมอยู่ที่ฉันคนเดียว ฉันทำงานไม่เคยพลาด ทำงานเสร็จก่อนเวลา มีมารยาทต่อคนอื่น กราบลามาไหว้ แต่การที่เราทำตัวกับลามาไหว้นั้น ก็ยังไม่วายมีคนไม่ชอบ หาว่าเราเสแสร้งแกล้งเป็นคนดี ทำบุญก็หาว่าแกล้งเป็นคนดี ตอนแรกเราก็โกรธนะแต่เราก็มองเป็นเรื่องตลก สุดท้ายก็มาถึงช่วง covid 19 ฉันก็สู้ แล้วก็ฝ่าฟันกับบริษัท แต่เหมือนโดนหักหลังอีกครั้ง กับพี่ที่ทำงานที่เรารักเหมือนพี่สาวแท้ๆเพราะในแผนกของเรามีอยู่แค่สองคนคือเรากับพี่เขา พี่เขากลับต่างจังหวัดช่วงโควิดที่ภูเก็ต งานของพี่เขาเราทำแทนทุกอย่าง แต่เราทำงานเป็นธุรการกับเอกสาร พี่เขาทำงานเกี่ยวกับงานระบบ ซึ่ง หัวหน้าก็แทบไม่รู้เรื่องเราก็ไม่เคยแตะต้อง เราทักไปที่พี่เขาที่เขากับเงียบเราก็ต้องรายงานหัวหน้า แต่สุดท้ายเขาและหัวหน้าร่วมมือกันบีบเราให้ออกจากงาน โดยการให้ทำงานที่เราไม่ถนัดและก็ไม่เคยได้สอนซึ่งเขาก็รู้อยู่แก่ใจอยู่แล้ว เรื่องทั้งหมดนี้หนูก็เลยเล่าให้เพื่อนฟัง ว่าชีวิตฉันผ่านอะไรมามากกว่าแกแกแค่ตกงานครั้งเดียวแล้วโดนเขา Cancel ว่าพี่ได้คนอื่นแล้วนะ ซึ่งเราก็เคยโดนเหมือนกันออกจากที่เก่าก็จะกลับไปทำงานที่ใหม่ แต่กลับโดนที่ใหม่บอกว่าขอโทษด้วยนะคะน้องพอดีว่าพี่ได้คนแล้วสรุปหนูออกงานเปล่าๆ ร้องไห้ทุกครั้งที่ออกจากงานไม่รู้กี่ครั้งแล้ว หนูก็เลยบอกให้เขาอย่าท้ออย่าคิดสั้น ด้วยประสบการณ์ที่เป็นโรคซึมเศร้ามาระยะเวลาเกือบ 4 ปี เป็นหนักมากเวลาดิ่งก็แทบไม่อยากอยู่ แล้วจะมีคำถามกับตัวเองว่าทำไมหรอเราทำอะไรผิดหรอ ต้องมาปรับทัศนคติกับตัวเอง และก็ได้มองถึงความเป็นจริง ก็ไม่นานนี้เอง ช่วงโควิด เราก็ได้มานั่งคิดว่าคนเราตายได้ทุกเมื่อ ก็เลยขอบคุณในทุกๆวันที่ยังมีลมหายใจ เราก็เป็นหนี้กยศเป็นหนี้ผ่อนรถ เดือนสิงหาคมนี้ก็ต้องผ่อนต่อแล้ว ซึ่งเหมือนเพื่อนคนนั้นเลยที่เขามาปรึกษาเพราะเขาต้องหาตังค์ไปผ่อนรถ เขาบอกเขาไม่อยากอยู่แล้ว อยู่ไปทำไม เราก็เล่าเรื่องของเราไปแล้วก็บอกเขาว่า จะคิดอะไรก็คิดได้เว้ยถ้าไม่ไหวอ่ะก็ร้องไห้ออกมาการร้องไห้ไม่ใช่สิ่งน่าอาย เคยได้ยินคำนี้ไหม #ร้องไห้แล้วมันทำให้เราดีขึ้นก็ร้องมาเถอะ อย่างน้อยก็เป็นการระบายระบายออกมาดีกว่าเก็บไว้คนเดียว
แล้วตอนที่แกเศร้าแกร้องไห้ หลังจากร้องไห้เสร็จแล้วแกก็บอกกับตัวเองว่าฉันจะสู้กับสิ่งที่ฉัน ได้สร้างขึ้นมานั่นก็คือรถรถเก๋งเป็นหนึ่งในความฝันของฉันฉันจะให้เขายึดไปโดยง่ายๆไม่ได้ และเป็นการทำให้เห็นว่าเราก็จะต้องสู้เพื่อสิ่งที่เรารัก และเพื่อนเขาก็ มีกำลังใจมากขึ้นแล้วก็บอกว่าใช่ฉันจะไม่ยอมให้เขายึดรถของฉัน มันเป็นอารมณ์ที่รู้สึกดีมาก ทั้งๆที่ฉันก็เป็นโรคซึมเศร้าแต่ก็สามารถให้กำลังใจเพื่อนมนุษย์ได้ซึ่งเขากำลังคิดสั้นแต่เขาได้มาปรึกษาเราไม่ได้บอกว่าตัวเองเก่งหรืออะไร แต่เราก็สามารถช่วยเขาได้ไม่มากก็น้อยให้เขาเห็นคุณค่าในตัวเอง ว่าอุตส่าห์สร้างรถมาแล้วอุตส่าห์ส่งตัวเองเรียนจบมาแล้วจะมาฆ่าตัวตายเพราะช่วงโควิด มันไม่ได้ มันควรแล้วหรอ แล้วพ่อแม่ล่ะ สู้ยิ้มให้ตัวเองแล้วทำงานได้เท่าที่จะทำได้เพราะตอนนี้สถานการณ์เป็นเหมือนกันทั้งโลกคนตกงานมากกว่าล้านคนคนตายก็เป็นล้าน ขอบคุณตัวเองสิ ว่าดีแค่ไหนที่ได้มีลมหายใจในการต่อสู้ชีวิต คนเราตายได้ทุกเมื่อ และ สุดท้ายแล้วบั้นปลายชีวิตของเราต้องการอะไรหรอ สำหรับฉันต้องการแค่ความสงบสุข หมดหนี้หมดสินมีบ้านสักหลังมีที่ดิน ปลูกผักแค่นี้ก็พอแล้ว แกลองเปลี่ยนจากการคิดสั้นฆ่าตัวตายมาเป็นการมองรูปมอง มองสิ่งมีชีวิตหรือมองแมวหรือมองรถที่แกสร้างขึ้นมา ให้เป็นสิ่งที่เป็นแรงบันดาลใจให้แกต่อสู้ชีวิตขึ้นมาต่อ Away แล้วถ้าไม่ไหว ก็ร้องไห้ร้องไห้กับพ่อแม่ก็ได้แล้วก็บอกกับตัวเองว่าจะทำให้มันจะทำให้ดีที่สุด แล้วเขาก็ได้ขอบคุณฉัน
ที่เป็นกำลังใจให้เขาแล้วเขาก็บอกว่ารู้สึกดีขึ้นมากที่ได้คุยกับฉันมันทำให้ฉันมีกำลังใจในการเขียน ต่างๆเรื่องราวต่างๆ สื่อสารออกมาเป็นตัวหนังสือ และได้ระบายความในใจ เพราะตลอดชีวิตของฉันทำดีมาตลอด แต่ก็โดนหักหลังมาตลอดเช่นกัน แต่ฉันก็ยังยึดมั่นในหลักของความดี และยังคิดว่าทำดีก็ต้องได้ดีแต่เราจะไม่หวัง
ในความดีนั้นเอาแค่ทำแล้วสบายใจและคิดว่าสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีและไม่ใช่สิ่งที่ผิด แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว วันนี้แค่จะมาแชร์ ว่าคนเป็นโรคซึมเศร้าก็สามารถให้กำลังใจคนปกติได้ถ้าเรามีความคิดและทัศนคติที่ดีถึงแม้จะต้องพึ่งยาไปตลอดชีวิตแต่ถ้าเรามีทัศนคติที่ดีมันก็จะช่วยให้เรา อาการดีขึ้นได้ และเราเห็นคุณค่าของตัวเองมากยิ่งขึ้นปัจจุบันนี้ฉันยังตกงานอยู่ยังพึ่งกันประกันสังคม เพิ่งเงินประกันสังคม เดือนละ 10,500 บาท เอาเงิน 6,500 บาทมาสะสม เป็นค่างวดรถในเดือนสิงหาคม ที่เหลือก็เอามาใช้จ่ายในบ้าน ถามว่าพอไหมก็ไม่แต่โชคดีที่มีแฟน ที่ขยัน มันก็เป็นบททดสอบของชีวิตและบททดสอบของชีวิตคู่ว่าเราจะผ่านความลำบากนี้ไปได้ด้วยกันหรือเปล่า ฉันถือว่าสถานการณ์ covid นี้ถึงแม้จะมีเรื่องแย่แต่มันก็มีเรื่องดีอยู่ในนั้นเหมือนกัน
#สติเท่านั้นที่จะช่วยเราในทุกๆอย่างได้ ขอบคุณนะคะ ที่สร้าง App ออกมา ให้ฉันได้ระบายความในใจหรือเขียนบทความขึ้นมาจากความคิดของฉันจากประสบการณ์ของฉัน
***และขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนที่ประสบปัญหาในชีวิต ท้อได้ถอยถอยได้แต่ว่าตั้งหลักใหม่ให้ได้ร้องไห้ร้องไปเลยถ้ามันจะทำให้ดีขึ้นก็ร้องไปเลย
***** ขอบคุณนะคะที่ติดตามกันอย่าลืมกดติดตามให้ด้วยนะคะขอบคุณค่ะ***😚😚