พิกเมเลี่ยน ประติมากรผู้หลงรักผลงานของตนเอง
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกคน กลับมาพบกันอีกครั้งที่เพจ “อยากเล่า” นะครับ
วันนี้ขอมาแบบแปลกหน่อย คือผมจะมาเล่าเรื่องเกี่ยวกับเทพปกรณัมกรีกให้ฟังกันครับ
แต่รับรองว่าไม่น่าเบื่อแน่นอนครับ เพราะเป็นเรื่องราวที่สนุก และยังมีส่วนเกี่ยวข้องกับการทดลองทางจิตวิทยาที่น่าสนใจด้วยนะครับ
เรื่องนั้นก็คือเรื่องราวของ “พิกเมเลี่ยน” ประติมากรผู้หลงรักผลงานของตนเองนั่นเองครับ
เรื่องราวจะเป็นมาอย่างไร เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังครับ
พิกเมเลี่ยน (Pygmalion) เป็นประติมากรชายคนหนึ่งในตำนานเทพปกรณัมกรีกโบราณครับ พิกเมเลี่ยนเป็นผู้ชายที่เกลียดผู้หญิงมาก (โดยไม่ทราบว่าทำไม) ถึงขนาดสาบานกับตัวเองว่าชีวิตนี้จะไม่แต่งงานเด็ดขาด
ภาพวาดสีน้ำมันเรื่องราวของพิกเมลี่ยน
แต่เรื่องของเรื่องคือวันหนึ่ง พิกเมเลี่ยนได้ปั้นรูปปั้นผู้หญิงคนหนึ่ง ซึ่งรูปปั้นที่เขาปั้นออกมาได้มีความงดงามมาก ยิ่งกว่าผู้หญิงหรือหญิงงามใด ๆ ที่เขารู้จัก ถึงขนาดว่าผู้หญิงเป็น ๆ ไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกลัวจะถูกเปรียบเทียบกับรูปปั้นหญิงรูปนี้
พิกเมลี่ยนได้ตั้งชื่อรูปปั้นหญิงตนนี้ว่า “กาลาเทอา” (galatea) ด้วยความที่เป็นรูปปั้นที่สวยงามอย่างยิ่ง ทำให้พิกเมเลี่ยนลุ่มหลงและพิศดูกาลาเทอาจนเรียกว่ากินไม่ได้ นอนไม่หลับ จนรู้ตัวอีกที พิกเมเลี่ยนก็เผลอไปหลงรักรูปปั้นที่เป็นผลงานของตนเองเข้าเสียแล้วครับ
พิกเมเลี่ยนปฏิบัติตัวกับรูปปั้นกาลาเทอาประหนึ่งนางเป็นคนจริง ๆ ทั้งสวมเสื้อผ้าให้นาง มอบอัญมณีมีค่าต่าง ๆ ให้นางประดับ จุมพิตนางทุกเช้าเย็น จนถึงขนาดนำรูปปั้นขึ้นเตียงมาสวมกอดและนอนหลับด้วยกัน แต่รูปปั้นก็เป็นได้เพียงรูปปั้น ทำให้พิกเมเลี่ยนรู้สึกระทมและเศร้าใจอย่างที่สุด
จนในที่สุด วันหนึ่งมีงานเทศกาลเพื่อเฉลิมฉลองพระเกียรติของเทพีอโพรไดท์ เทพีแห่งความรัก พิกเมเลี่ยนที่หมดอาลัยตายอยากก็ได้เข้าร่วมงานนี้ด้วย และได้ขอพรกับเทพีแห่งความรักว่าขอให้เขาพบรักกับหญิงคนหนึ่งที่งดงามราวกับรูปปั้น
เทพีอโพรไดท์
ซึ่งเทพีอโพรไดท์ก็รู้ตัวดีครับ ว่าสิ่งที่พิกเมเลี่ยนขอไม่ใช่หญิงสาวที่งดงามราวกับรูปปั้น แต่เป็นกาลาเทอา รูปปั้นหญิงที่ชายหนุ่มปั้นขึ้นมาต่างหาก เทพีได้รู้สึกประทับใจในความรักของชายหนุ่ม จึงได้มอบชีวิตให้กับรูปปั้นหญิงสาวรูปนั้น
และเมื่อพิกเมเลี่ยนกลับมาบ้านและจุมพิตกับรูปปั้นตามปกติ แต่พริบตาที่ริมฝีปากของชายหนุ่มสัมผัสกับรูปปั้น สิ่งที่เขาสัมผัสได้กลับไม่ใช่ความเย็นของหิน แต่เป็นความอบอุ่นและนุ่มนวลของมนุษย์ เทพีอโพรไดท์ได้มอบชีวิตให้กับรูปปั้นกาลาเทอา และในที่สุดทั้งคู่ก็ได้แต่งงานและครองรักกันอย่างมีความสุข แฮปปี้เอนดิ้งครับ
ตำนานเรื่องนี้แม้จะไม่โด่งดังเท่าเรื่องอื่น ๆ แต่ก็ถือเป็นเรื่องที่โรแมนติกและจบแบบแฮปปี้เอนดิ้ง และที่สำคัญ ชื่อของเรื่องราวนี้ยังกลายเป็นปรากฏการณ์ทางจิตวิทยาที่น่าสนใจ อย่าง “พิกเมเลี่ยน เอฟเฟค” (The Pygmalian Effect) เสียด้วยนะครับ
ปรากฏการณ์ทางจิตวิทยานี้ เกิดจากการทดลองของนักจิตวิทยา Robert Rosenthal และ Lenore Jacobson โดยเขาได้สุ่มเลือกเด็กมาจำนวนหนึ่ง และได้โกหกครูของเด็กกลุ่มนั้นว่า เด็กเหล่านั้นเป็นเด็กหัวดี มี IQ สูง ทั้ง ๆ ที่เด็กเหล่านั้นเป็นเด็กธรรมดา ๆ
ครูที่เชื่อว่าเด็กเหล่านั้นเป็นเด็กฉลาด ก็ปฏิบัติตัวแบบเด็กเหล่านั้นเหมือนเด็กฉลาด และมีความคาดหวังต่อเด็กกลุ่มนั้น ทั้งรับฟังเด็กมากขึ้น ให้ทำแบบฝึกหัดยาก ๆ รวมไปถึงชมเด็กมากขึ้น
แผนภูมิของ “พิกเมเลี่ยน เอฟเฟค”
และเมื่อหนึ่งปีผ่านไป นักวิจัยก็ได้ให้เด็กกลุ่มเดิมมาทำแบบทดสอบ และก็พบว่าเด็กเหล่านั้นมีผลการเรียนดีขึ้นและกลายเป็นเด็กหัวดีขึ้นมาจริง ๆ ซึ่ง “พิกเมเลี่ยน เอ็ฟเฟค” ก็เป็นทฤษฎีที่อธิบายว่า ความเชื่อ ความคาดหวัง จะเปลี่ยนผลลัพธ์ของการกระทำได้ในท้ายที่สุด
เหมือนที่ครูของเด็ก ๆ เชื่อว่าเด็กที่พวกเขาสอนอยู่เป็นเด็กเรียนเก่ง จนเด็กกลายเป็นเด็กเรียนเก่งไปจริง ๆ หรือที่พิกเมเลี่ยนหลงรักและปฏิบัติต่อรูปปั้นเหมือนกับเป็นคนจริงๆ จนในที่สุดก็เทพีแห่งความรักก็ได้บันดาลให้กลายเป็นคนไปจริงๆ นั่นเองครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับกับบทความในครั้งนี้ ถ้าเพื่อน ๆ สนใจเรื่องราวเกี่ยวกับเทพหรือตำนานกรีกก็สามารถคอมเม้นท์มาเพื่อบอกกันได้นะครับ ไว้ถ้ามีโอกาส ผมจะหยิบมาเล่าให้ฟังกันอีก
เช่นเคยครับ หากชื่นชอบบทความในครั้งนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามได้ที่เพจ “อยากเล่า” แห่งนี้นะครับ
- 3
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
