13 ก.ค. 2020 เวลา 15:38 • ความคิดเห็น
[ศาสนาเป็นสถาบันไลฟ์โค้ชที่ประสบความสำเร็จมาหลายพันปี แต่กลับถูกผู้คนหลงลืม]
ไลฟ์โค้ช (Life Coach) หรือโค้ชชีวิต หมายถึงผู้ที่มีศาสตร์ในการไกด์แนวทางคนและคอยเป็นที่ปรึกษาให้เห็นถึงวิธีการแก้ปัญหาและการไปสู่เป้าหมายชีวิต โดยใช้เครื่องมือการตั้งคำถามเพื่อสะท้อน (Reflective) แนวทางต่างๆ กลับไปยังตัวผู้ที่รับการโค้ช เสมือนเป็นกระจกเงาบานหนึ่ง
ถ้าพูดถึงไลฟ์โค้ช ผมพึ่งจะนึกถึงพระหรือนักบวช ที่คอยช่วยเตือนสติเรา ได้อย่างดี เวลาที่คิดถึงวัดจะคิดถึงความสงบร่มเย็นและความสะบายใจ นึกถึงคำคมและคำกลอนธรรมะที่ติดอยู่ที่วัดและตามโซเชี่ยล ทำให้มารู้สึกตัวเองทีหลังว่าบางครั้งเราก็หลงลืมสิ่งที่อยู่ใกล้ตัวเราไป ลืมไปวัด อยู่กับหน้าจอดูไลฟ์โค้ชคนนั้นคนนี้ จนหลงลืมไลฟ์โค้ชที่อยู่กับเรามานานอย่างพระสงฆ์ (ว่าแล้วก็เปิดยูทูปดูพระมหาสมปองดีกว่า)
ในอดีตความเชื่อเป็นสิ่งสำคัญในการช่วยหล่อหลอมคนจากต่างเผ่าให้มารวมกันได้เพราะความเชื่อเดียวกัน หรือทำให้เผ่าอีกเผ่าหนึ่งตีกันได้เนื่องจากความเชื่อไม่เหมือนกันก็มี ความเชื่อทำให้เกิดศาสนา ศาสนาทำให้เกิดแก่นความคิด และแก่นความคิดหล่อหลอมให้คนที่เชื่อ อยู่ในวงจรของความดีงาม ความเชื่อคืออาวุธชิ้นใหญ่ที่สร้างวัฒนธรรมอันยิ่งใหญ่ของมนุษย์
มนุษย์เป็นสัตวที่แต่งเรื่องได้เก่ง(จินตนาการเก่ง) สร้างเรื่องสมมุติเก่ง จนทำให้เกิดเป็นสังคมมนุษย์ทุกวันนี้ ตัวอย่างเช่น ประเทศ - ธรรมชาติไม่ได้ขีดเส้นแบ่งประเทศมาแต่แรกแต่เราตั้งมันขึ้นมาเองจนก่อเกิดเป็นความเชื่อมั่น,กฎหมาย - ทุกคนเชื่อในอำนาจของกฎหมาย(โดยเฉพาะนักกฎหมาย) จึงมาทำอาชีพนี้, ศาสนา - พระหรือนักบวชเชื่อในศาสนาจึงเข้ามาบวช
ในปัจจุบันโลกที่วัฒนธรรมกระจัดกระจายและหมุนวนไปตามกระแสโลกาภิวัฒน์ อย่างนั้นขอให้ทุกคนอย่าหลงลืมสิ่งที่ใกล้ตัวเราอย่างวัดวาอาราม ผู้ใหญ่ในบ้าน และวัฒนธรรมอันดีงามของบ้านเรา ไม่มีที่ไหนอบอุุ่นเท่าบ้านเราอีกแล้ว
ปล.(สงสัยถ้าจะให้เรียกพระแบบภาษาวัยรุ่น ก็คงน่าจะเรียกท่านว่าไลฟ์โค้ช)
โฆษณา