14 ก.ค. 2020 เวลา 10:12
กว่าจะเป็นหมอสองแผน #9
ณ รพ.วังน้ำเย็น เป็นโรงพยาบาลที่ค่อนข้างมีชื่อเสียงทางด้านการแพทย์แผนไทย สิ่งที่พวกเราต้องเรียนรู้ ได้แก่...
ตื่นมาวิ่งตอนเช้ามืด ราววอร์ดตอนเช้า หัตถเวชกรรมไทย เภสัชกรรมไทย/ผลิตยา และบางวันอาจารย์จะมีนัดมาทบทวนความรู้ในช่วงค่ำ บางวันมีเดินป่าไปศึกษาสมุนไพรกับหมอชาวบ้าน พูดเสียงตามสาย ให้ความรู้กับคนไข้เกี่ยวกับสมุนไพร
จุดเปลี่ยนในเป้าหมายชีวิตของฉันเริ่มจากตอนราวด์วอร์ดตอนเช้านี่แหละ (ราววอร์ด คือการเดินตรวจอาการของคนไข้ที่แอดมิดรักษาอยู่ในโรงพยาบาล) โดยที่นี่แพทย์แผนไทยจะราวด์คู่กับแพทย์แผนปัจจุบัน จำได้ว่าเคสที่เป็นจุดเปลี่ยนของฉันคือ เคสที่มี โรคร่วมเป็นริดสีดวงทวาร แพทย์ที่ราวด์ด้วยกันกับฉันวันนั้นน่าจะเป็นแพทย์อินเทิร์น2
ฉัน : คุณหมอคะ หนูขออนุญาตจ่ายยาเพชรสังฆาตให้คนไข้ได้มั้ยคะ มีสรรพคุณช่วยเพิ่ม peripheral blood circulation ช่วยลดอาการของริดสีดวงได้ค่ะ
แพทย์อินเทิร์น : น้องรู้มั้ยว่าคนไข้มีประวัติยังไง ก่อนหน้ามีอาการอะไรมาบ้าง และรู้มั้ยว่า pathophysiology (พยาธิกำเนิด) ของโรคนี้มันเป็นยังไง
ฉัน : เออ...
แพทย์อินเทิร์น : ถ้าน้องตอบคำถามหมอไม่ได้ หมอจะไว้ใจให้น้องจ่ายยาสมุนไพรกับคนไข้ได้ยังไง หมอขอไม่ให้นะคะ
ฉัน : ... ค่ะ .. 😩😩
วันนั้นหลังราวด์เสร็จ ฉันรู้สึกในหัวฉันรู้สึกวิ้งๆมาก มึนๆ เบลอๆ เดินกลับหอพักโดยที่ในใจคิดว่า “ฉันจะรักษาคนได้มั้ยว่ะ” 🧐
นี่เราก็อยู่ปี 4 แล้วนะ แล้วอนาคตจะเป็นแบบนี้ตลอดเหรอ คือฉันต้องอ่านหนังสือเยอะขึ้นเหรอ หรือต้องทำยังไง ถ้าฉันอ่านหนังสือเยอะขึ้น ฉันจะมีสิทธิ์ได้ดูแลคนไข้ทางโดยใช้ศาสตร์ทางการแพทย์แผนไทยมั้ย หรือต้องมีหมอสักคนที่เข้าใจฉัน และยอมให้ฉันรักษา... ต้องเป็นแบบนี้เหรอ
"...แล้วถ้าไม่มีแพทย์แผนปัจจุบันที่เข้าใจฉันเลยหล่ะ..." 🧐🧐🧐🤔🤔
#หมอโบว์-หมอสองแผน

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา