14 ก.ค. 2020 เวลา 13:09 • ปรัชญา
กว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้าไม่ใช่เรื่องง่าย..
Photo from pinterest
สวัสดีครับท่านผู้อ่านทุกๆท่าน :)
วันนี้ผมขอพักจากเรื่องนิพพานไปบ้างเล็กน้อย
แต่วันนี้ผมจะมาเล่าการเดินทางอันแสนนานของผู้ที่จะได้เป็นพระพุทธเจ้า
ที่หลายๆคนอาจจะไม่เคยรู้มาก่อนว่า....
กว่าจะได้เป็นพระพุทธเจ้านั้นไม่ง่ายเลย....
ถ้าพร้อมแล้วตามผมมาเลยครับ :)
*หมายเหตุ
นี่เป็นเรื่องเล่าตามความเชื่อของพระพุทธศาสนา
อาจมีบางจุดที่ฟังดูไม่สมเหตุสมผล
หากไม่ศรัทธาก็สามารถอ่านเป็นเรื่องเล่าได้ครับ
ท้ายบทความนี้มีข้อคิดดีๆมาฝากครับ
หากอ่านแล้วไม่ชอบไม่ถูกใจ
ทางผู้เขียนต้องขออภัยมา ณ ที่นี่ด้วยครับ :)
**เรื่องเล่าเหล่านี้ผมได้ฟังมาจากพระอาจารย์ที่ผมได้เคยไปบวชด้วยทางภาคอีสานครับ
เคยได้ยินคำนี้กันไหมครับ ?
“ พระพุทธเจ้าบำเพ็ญเพียรมา 4 อสงไขย “
แล้วไอ้ระยะเวลา 4 อสงไขยนี่มันนานแค่ไหนกันล่ะ ?
ถ้าจะให้อธิบายคงต้องย้อนไปไกลสักนิดนึงนะครับ :)
เริ่มจากสิ่งที่เรียกว่า “ กัป “
หลายคนอาจเคยได้ยินคำนี้หลายคนอาจไม่เคย
แต่เท่าที่ผมได้ฟังจากคำพระเล่ามามันนานมากกกก
หลายคำภีร์บอกเป็นเลขพอคิดได้แต่ว่าผมจะเล่าให้ทุกๆท่านนึกภาพตามได้แทนนะครับ :)
ว่ากันว่า 1 กัป เทียบได้กับเวลาของสิ่งนี้ครับ
จินตนาการว่าในมหาสมุทรที่ผิวเป็นน้ำเเข็งทั้งหมดมีรูเล็กๆอยู่รูหนึ่งและใต้นั้นมีเต่าตาบอดอาศัยอยู่
ทุกๆ100ปีมันจะโผล่หัวขึ้นมา “ 1 ครั้ง “
และเมื่อวันที่มันสามารถโผล่ขึ้นมาได้ตรงกับรูเล็กๆ
นั้นได้พอดี นั่นแหละครับคือ 1 กัป
ฟังดูนานมากใช่ไหมครับ
แต่ยังครับยัง
ยังไม่ที่สุด55555
ไปที่มหากัลป์กันต่อครับ
1
อันนี้นานกว่ากัลป์เยอะครับ
หลายคนบอกว่ามันเหมือนเวลาที่โลกแตกไปเเล้วเกิดขึ้นมาใหม่ แต่ที่ผมได้ฟังมาคืออย่างนี้ครับ
นึกภาพตามนะครับ
มีภูเขาอยู่ลูกหนึ่ง ไม่มีต้นไม้
ทุกๆ100ปีจะมีเทวดาเอาผ้าบางๆมาถูที่ยอด 1 ครั้ง
เมื่อไรก็ตามที่เทวดาได้ถูจนภูเขานั้นหายไป
นั่นแหละครับ “ 1 มหากัป “
แค่คิดก็เหนื่อยแล้วครับ
แต่เช่นเคยยังไม่ที่สุด
เพราะสุดท้ายนี้คือคำตอบที่ทุกๆท่านเฝ้ารอครับ
“ อสงไขย “
หลายคนว่ากันว่า 1 อสงไขยเท่ากับ แสนมหากัป
แต่ผมก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่
แต่ที่พระอาจารย์ของผมเล่ามามันเทียบได้กับสิ่งนี้ครับ
สมมุติว่ามีหลุมอยู่ 4 หลุม
กว้างและลึกเท่ากับขนาดของจังหวัดใหญ่ๆสักจังหวัดหนึ่ง
และทุกๆ 100 ปี จะมีเทวดามาหย่อน “ เมล็ดผักกาด “
ลงไปในหลุมนั้น
เมื่อไหร่ก็ตามที่ทั้ง 4 หลุมนั้นเต็ม
นั่นคือครบ 1 อสงไขยครับ
นานมากๆใช่ไหมครับ ?
และพระพุทธเจ้าของเราบำเพ็ญเพียรมา
ตั้ง “ 4 อสงไขย “ เลยนะครับ
นับเป็นเวลาที่ยาวนานมากๆ
ถามว่าเเล้วมันเริ่มนับจากไหนล่ะ ?
นี่คือจุดที่เราจะมีนิทานกันแล้วครับ
พร้อมฟังแล้วตามผมมากันครับ :)
ย้อนกลับไปเมื่อสัก 4 อสงไขยกับอีกแสนกัปที่แล้ว
พระโคดมพุทธเจ้า ( ชื่อจริงๆของพระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเราครับ )
ได้เสวยชาติเป็น สุเมธดาบส
วันหนึ่งมีข่าวว่าพระทีปังกรพุทธเจ้า ( พระพุทธเจ้าองค์หนึ่งก่อนหน้าองค์ปัจจุบันครับ )
จะเสด็จผ่านหมู่บ้านหนึ่งที่สุเมธดาบสอาศัยอยู่พอดี
แต่ด้วยความที่หมู่บ้านนั้นมีขวากหนามเต็มไปหมดในทางที่พระพุทธเจ้าจะผ่านชาวบ้านจึงรีบมาทำความสะอาดนำขวากหนามออกเพื่อที่จะให้พระพุทธเจ้าได้เดินทางอย่างสะดวก
แต่ยังไม่ทันเสร็จพระพุทธเจ้าพร้อมคณะสงฆ์อีก 4 แสนก็เสด็จมาถึงแล้ว
เผอิญว่าตรงหน้านั้นเหลือบ่อโคลนขวางอยู่
สุเมธดาบสจึงทำสิ่งที่น่าประทับใจอย่างยิ่งขึ้นมา
เขานอนทอดตัวขวางบ่อโคลนนั้น
และทูลพระทีปังกรพุทธเจ้า
ว่าให้ท่านกับคณะสงฆ์เดินเหยียบไปบนตัวเขา
เพื่อที่จะได้ไม่ต้องเหยียบบ่อโคลนนั้น
พร้อมอฐิษฐานว่า
“ เราปรารถนาจะเป็นอย่างพระทีปังกรพุทธเจ้า
บรรลุพระโพธิญานและพามหาชนข้ามสงสารสาครไปด้วยกัน “
หลังจากสุเมธดาบสทูลแล้ว
พระพุทธเจ้าก็เดินมาหยุดที่ศรีษะของสุเมธดาบส
และได้เห็นว่า สุเมธดาบสนั้นได้บำเพ็ญบารมีมานานมากแล้วบัดนี้เป็นผู้มีเสบียงธรรมพร้อม
สามารถบรรลุธรรมได้ด้วยการฟังธรรมเพียง 4 บาทเท่านั้นเป็นผู้แน่วแน่ไม่เปลี่ยนใจ
เป็นพระโพธิสัตว์พร้อม
จึงตัดสินใจไม่แสดงธรรม
แต่กลับให้พุทธพยากรณ์ว่า....
“ท่านทั้งหลายจงดูดาบสผู้มีตบะอันรุ่งเรืองนี้ ดาบสนี้กระทำความปรารถนายิ่งใหญ่เพื่อความเป็พระพุทธเจ้า เขาสร้างสมพุทธการกระทำคือธรรมที่จะทำให้เป็นพระพุทธเจ้ามาแล้วถึง 16 อสงไขย
ด้วยความอุตสาหะ สละชีวิตและเลือดเนื้อเพื่อโพธิญาณมาแล้วนับจำนวนครั้งไม่ได้ ความปรารถนาของเขานั้นจักสำเร็จในที่สุดนับจาก 4 อสงไขยกับเศษแสนกัปนี้ไป เขาจักตรัสรู้เป็นพระพุทธเจ้านามว่า โคตมะ
ในอัตภาพนั้นของเขา จักมีนครนามว่า กบิลพัสดุ์ เป็นที่อยู่อาศัย พระมารดานามว่ามายา พระบิดานามว่าสุทโธทนะ พระอุปติสสะเป็นอัครสาวก
พระโกลิตะเป็นอัครสาวกที่สอง
พระเขมาเป็นอัครสาวิกา
พระอุบลวัณณาเป็นอัครสาวิกาที่สอง
พระอานนท์เป็นพุทธอุปัฏฐาก
เขามีญาณแก่กล้าแล้วออกมหาภิเนษกรมณ์ ตั้งความเพียรอย่างใหญ่
รับข้าวปายาสที่โคนต้นไทร
เสวยที่ฝั่งเเม่น้ำเนรัญชรา ขึ้นสู่โพธิมณฑล
และจักตรัสรู้ที่โคนต้นอัสสัตถพฤกษ์ “
ชาวเมืองเเละเทวดาทั้งหลายเมื่อได้ฟังแล้ว
ก็พร้อมกันเปล่งคำว่าสาธุกันจนลั่นฟ้าลั่นปฐพี
หลังจากนั้นพระพุทธเจ้าพร้อมคณะสงฆ์ก็เสด็จผ่านบนร่างของสุเมธดาบสไป
จากนั้นสุเมธดาบสจึงกลับไปบำเพ็ญเพียรที่ป่าหิมพานต์
และได้สำเร็จอภิญญาสมาบัติและเมื่อสิ้นอายุขัย
จึงได้ไปเกิดบนพรหมโลกและได้บำเพ็ญเพียรมาอีก4อสงไขยจนได้มากำเนิดเป็นพระพุทธเจ้าในปัจจุบัน
ฟังนิทานเเล้วเป็นไงบ้างครับ
เหลือเชื่อไหมครับ ?
แต่ถึงเรื่องจะน่าเหลือเชื่อแบบนี้ผมกลับได้เห็นคติธรรมเล็กๆที่ถูกแฝงไว้ข้างใน
“ ความมุ่งมั่นแน่วแน่ไม่ท้อถอยนำมาซึ่งความสำเร็จแน่นอนครับ “
พระพุทธเจ้าองค์ปัจจุบันของเรานั้นได้ตั้งใจว่าจะเป็นพระพุทธเจ้ามานานแสนนานมาก
บำเพ็ญเพียรมาก่อนแล้ว 16 อสงไขย
และได้รับพุทธพยากรณ์และบำเพ็ญเพียรต่ออีก 4 อสงไขย!
รวมๆแล้วมัน 20 อสงไขยเลยนะครับ
ความตั้งใจมุ่งมั่นแน่วแน่นั้นกับความพยายามไม่ท้อถอยถึงแม้ว่ามันจะนานแสนนานมากก็ตาม
ถือเป็นแบบอย่างที่ดีมากๆเลยครับ
หากเราพยายามกับสิ่งที่ทำไม่ท้อถอยไม่ถอดใจตั้งมั่นแน่วแน่กับทุกสิ่งที่ทำ
ผมเชื่อว่าจะสำเร็จได้แน่นอนครับ :)
พระพุทธเจ้าพิสูจน์แล้วว่าต่อให้ต้องทำถึง 20 อสงไขย
ก็จะสำเร็จแน่นอน :)
แล้วทำไมเราจะยอมแพ้กับแค่เวลาสั้นๆในชีวิตนี้ล่ะครับ
ผมหวังว่าเรื่องราวเหล่านี้จะช่วยเป็นแรงผลักดันให้ทุกคนไปถึงจุดหมายที่หวังไว้นะครับ :)
เช่นเคยครับผมจะจากไปพร้อมคำคม
เส้นทางของข้าผิดพลาดได้เพียง2ข้อ
หนึ่งคือไม่เดินไปจนสุด
สองคือไม่แม้แต่จะเริ่มเดิน
-พระพุทธเจ้า
ขอบคุณทุกท่านที่อ่านครับ
-จักรภัทร :)

ดูเพิ่มเติมในซีรีส์

โฆษณา