15 ก.ค. 2020 เวลา 10:44 • ธุรกิจ
แม้อ้อยเข้าปากช้าง...แต่ก็ยังง้างออกมาได้
โบราณเคยมีสุภาษิตไว้ว่า “อ้อยเข้าปากช้าง” หรือที่ใกล้เคียงกันอีกประโยคหนึ่งว่า “เนื้อเข้าปากเสือ” ซึ่งหมายถึงเมื่อสิ่งของหรือประโยชน์อันใดตกอยู่ในมือใครแล้ว ผู้นั้นจะไม่ยอมปล่อยให้ใครง่ายๆ แต่ผู้เขียนสามารถลวงอ้อยจากปากเช้างหรือล้วงเนื้อออกจากปากเสือสำเร็จแล้ว
เป็นอุทธาหรณ์สำหรับทุกๆ ท่านว่า หากมีความพยายามในการทำสิ่งหนึ่งสิ่งใด สิ่งนั้นย่อมประสบความสำเร็จได้
เรื่องราวมีอยู่ว่าผู้เขียนได้ร้องเรียนการบริการของสายการบินแอร์เอเชีย และขอความเป็นธรรมจากหน่วยงานของรัฐ ๔ แห่ง คือท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ) สำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค และกรมพัฒนาธุรกิจการค้า
โดยการส่งข้อร้องเรียนทางจดหมายลงทะเบียน ซึ่งมีสาระสำคัญมี ๒ ประการ คือ ประการแรก สายการบินแอร์เอเชียเป็นบริษัทจดทะเบียนในประเทศไทย แต่หลีกเลี่ยงการโฆษณาประชาสัมพันธ์สถานที่ติดต่อทางหนังสือหรือทางส่วนตัว และไม่เปิดโอกาสให้ประชาชนคนไทยสามารถติดต่อทางโทรศัพท์ได้
โดยกำหนดให้ติดต่อผ่าน AVA ซึ่งเป็นเครื่องคอมพิวเตอร์ปัญญาประดิษฐ์ของสายการบิน และการติดต่อต้องกระทำเป็นภาษาอังกฤษ ทำให้ประชาชนคนไทยที่ต้องการติดต่อสายการบินแอร์เอเซียไม่อาจกระทำได้โดยสะดวก เพราะภาษาอังกฤษไม่ใช่ภาษาที่คนไทยทุกคนต้องอ่านออกและเขียนได้
ประการที่สอง การสำรองที่นั่งไป-กลับญี่ปุ่นไว้กับสายการบินนี้โดยเดินทางในวันที่ ๑๕ และในวันที่ ๑๙ มีนาคม ๒๕๖๓ เพื่อไปชมดอกซากุระบาน และโควิด 19 ได้ระบาดที่ประเทศญี่ปุ่นนานแล้วโดยมีผู้ติดเชื้อเป็นจำนวนมาก แต่สายการบินนี้ไม่ยอมยกเลิกเที่ยวบิน ปล่อยให้ลูกค้าต้องยกเลิกไปก่อน
การกระทำดังกล่าวเข้าใจว่าเพื่อไม่ต้องชดใช้เมื่อยกเลิกเที่ยวบินในภายหลังก่อนการเดินทางเพียง ๒-๓ วัน ซึ่งผู้เขียนเห็นว่าเป็นการยกเลิกดังกล่าวมีเลศนัย จึงขอความเป็นธรรมในเรื่องนี้
ทั้งนี้ ได้เขียนบทความเรื่อง “พฤติกรรมของแอร์เอเซียที่ทำกับคนไทยถูกต้องเป็นธรรมแล้วหรือไม่” ลงในโอเค เนชั่นบล็อก เมื่อวันที่ ๒๕ มีนาคม ๒๕๖๓ (ชมรายละเอียดใน
ลองมาติดตามการทำงานของส่วนราชการไทยกันนะครับ ว่าได้จัดการกับเรื่องร้องเรียนดังกล่าวอย่างไรบ้าง
ส่วนราชการแรกที่ตอบข้อร้องเรียนคือกรมพัฒนาธุรกิจการค้า โดยตอบเมื่อวันที่ ๗ เมษายน ๒๕๖๓ ในส่วนที่เกี่ยวข้อง (ได้ลอกมาทุกตัวอักษร) ว่า “ได้ตรวจสอบรายการทางทะเบียนของบริษัท ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จำกัด แล้วปรากฏว่า
บริษัทมีสำนักงานแห่งใหญ่ตั้งอยู่เลขที่ ๒๒๒ ท่าอากาศยานดอนเมือง อาคารผู้โดยสาร ๑ ชั้น ๔ ห้องเลขที่ ๔๓๐๗ ถนนวิภาวดีรังสิต แขวงสนามบิน เขตดอนเมือง กรุงเทพมหานคร และไม่ปรากฏว่าบริษัทฯ มีพฤติกรรมหรือกระทำความผิดตามกฎหมายที่อยู่ในความรับผิดชอบของกรมพัฒนาธุรกิจการค้า”
ครับ ต่อไปนี้ท่านผู้ใดมีปัญหากับบริษัท ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จำกัด ก็อาจติดต่อโดยตรงกันได้ตามที่อยู่ข้างบนนี้
อีก ๓ แห่ง ยังไม่ตอบ ซึ่งผู้เขียนเข้าใจดีว่าตั้งแต่วันที่ ๑ - ๓๐ เมษายน ๒๕๖๓ สายการบินแอร์เอเซียหยุดบินซึ่งต้องปิดสำนักงาน ส่วนราชการต่างๆ จึงไม่อาจสอบถามข้อมูลจากสายการบินนี้และพิจารณาตอบข้อร้องเรียนและขอความเป็นธรรมให้แก่ผู้เขียนได้
จึงได้มีหนังสือลับมาก ด่วนที่สุด ลงวันที่ ๕ พฤษภาคม ๒๕๖๓ เร่งรัดให้หน่วยงานที่เหลือนี้ตอบข้อร้องเรียนของผู้เขียน ทั้งนี้ เพราะสายการบินแอร์เอเชียได้เปิดทำการแล้ว
วันที่ ๗ พฤษภาคม ๒๕๖๓ ได้รับการติดต่อจาก สคบ. ทางโทรศัพท์ และต่อมาทางอีเมล์ขอให้ส่งสำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หลักฐานการจอง และหลักฐานการชำระเงินไปให้ ซึ่งได้ส่งให้ยกเว้นหลักฐานการจองเพราะสิ่งนั้นคืออีเมล์ยืนยันการสำรองที่นั่งของสายการบินแอร์เอเซีย ซึ่งเคยส่งให้แล้ว
วันที่ ๖ มิถุนายน ๒๕๖๓ ซึ่งเป็นวันเสาร์ได้รับหนังสือจาก สคบ. เป็นหนังสือส่งทาง EMS ลงวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๓ ได้เชิญให้ผู้เขียนไปพบเจ้าหน้าที่และเจ้าหน้าที่ของแอร์เอเชีย เพื่อเจรจากันในวันที่ ๔ มิถุนายน ๒๕๖๓ ในเวลา ๑๓.๐๐ น. ณ สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค
เข้าไปตรวจสอบจากเน๊ตของการไปรษณีย์ไทยแล้วปรากฏว่า หนังสือของ สคบ. ลงวันที่ ๔ มิถุนายนนั้น ปณ. หลักสี่ รับหนังสือในวันที่ ๕ มิถุนายน เวลา ๑๘.๐๗ น.
เห็นข้าราชการไทยทำงานกันแบบนี้ อดไม่ได้ที่ต้องเขียนบทความเรื่อง “เดี๋ยวนี้ส่วนราชการ (บางแห่ง) ทำงานกันแบบนี้แล้วหรือ” ชมรายละเอียดที่ http://oknation.nationtv.tv/blog/puthsup-govservice/2020/06/07/entry-1
ในบทความเรื่องนั้น ไม่ได้ระบุชื่อหน่วยงานหรอกครับ แต่ครั้งนี้เพราะเป็นเรื่องต่อเนื่อง จึงเห็นว่ามีความจำเป็นต้องระบุ ทั้งนี้ เพื่อต้องการให้ข้าราชการในทุกหน่อยงานมีความละเอียดรอบคอบ หยุดการทำงานให้บริการประชาชนในลักษณะนี้เสียที อย่าลืมว่าปัจจุบันประชาชนสามารถตรวจสอบได้เกือบทุกเรื่อง
เช้าวันจันทร์ที่ ๘ มิถุนายน โทรศัพท์ไปสอบถามเจ้าหน้าที่ สคบ. เจ้าของเรื่อง เพื่อชี้แจงว่าไม่อาจย้อนเวลาไปพบได้ เจ้าหน้าที่ขอโทษและแจ้งว่าผู้แทนแอร์เอเชียก็ไม่สามารถไปพบเพื่อเจรจาไม่ได้เช่นกัน
ผู้เขียนทราบดีว่าการร้องเรียนเรื่องเช่นนี้ต้องใช้เวลา และก็ไม่ได้หวังอะไรมากมายนักหรอกครับ เพราะอ้อยเข้าปากช้างไปแล้ว คิดว่าคงไม่ได้คืนหรอก จึงได้แต่คอยคำตอบด้วยความใจเย็นเป็นที่สุด
แล้วจู่ๆ เมื่อวันที่ ๑๑ มิถุนายน ที่ผ่านมา ผู้เขียนได้รับอีเมล์จากบริษัท ไทยแอร์เอเชีย เอ็กซ์ จำกัด แจ้งว่าบริษัทฯ ได้รับหนังสือจากสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย ให้คืนเงินค่าบัตรโดยสาร เส้นทางไปกลับดอนเมือง - โตเกียว-นาริตะ จำนวน ๒๙,๑๙๔ บาท จึงขอรายละเอียดบัญชีธนาคารเพื่อจะโอนเงินให้ต่อไป ซึ่งผู้เขียนได้แจ้งรายละเอียดผ่านอีเมล์ในวันนั้นไปแล้ว
ดีใจครับ ดีใจเหมือนถูกหวยหรือถูกล๊อตเตอรี่ ต้องขอขอบคุณสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยเป็นอย่างสูง ที่ได้สร้างความรู้สึกดีๆ ให้แก่ผู้เขียน การทำงานเงียบๆ แบบนี้ประชาชนชื่นใจนะครับ จะบอกให้
การทำงานเรื่องนี้ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม (นายศักดิ์สยาม ชิดชอบ) อาจเริ่งรัดมาอีกทางหนึ่งก็ได้ เพราะไม่ทราบรายละเอียดการดำเนินการของสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทย
ถือเป็นบทเรียนให้แก่ประชาชนทุกคนนะครับว่า หากเห็นว่าไม่ได้รับความเป็นธรรม ไม่ว่าหน่วยงานของรัฐและเอกชน ประชาชนมีสิทธิขั้นพื้นฐานในการร้องเรียนขอความเป็นธรรมได้ ส่วนจะได้รับความเป็นธรรมมากน้อยแค่ไหนเพียงไร ก็เป็นเรื่องๆ ไปนะครับ
ผู้เขียนบอกกล่าวอยู่เสมอๆ ว่า “ต้องขอ” ครับ หากขอหรือร้องเรียนความเป็นธรรมย่อมได้รับร้อยละ ๕๐ ส่วนไม่ได้ขอหรือไม่ได้ร้องเรียนก็ได้รับความเป็นธรรมร้อยละศูนย์ครับ
ผู้เขียนไม่ได้นำบทความนี้ลงในโอกาสแรกหรอกครับ เพราะทราบเพียงข่าวแต่เงินยังไม่เข้าบัญชีของผู้เขียนก่อน ก็เขียนได้ไม่เต็มปาก เกิดระหว่างทางเงินไม่มาก็จะแย่
แม้จะช้าสักนิด แต่ตอนนี้เงินจำนวน ๒๙,๑๙๔ บาท ได้เข้าในบัญชีของผู้เขียนเรียบร้อยแล้ว จึงได้นำมาเรียนให้ท่านผู้อ่านเพื่อยืนยันว่า ราชการไทย ยังเป็นที่พึ่งได้อยู่ครับ ส่วนจะช้าหรือเร็วแค่ไหนก็แล้วแต่กรณีๆ ไป
ที่สำคัญคือส่วนราชการได้มุ่งทำงานเพื่อประชาชนมากน้อยแค่ไหน ไม่ใช่สักแต่ทำงานให้พ้นตัว ประชาชนมีความรู้สึกอย่างไรก็ช่าง
ขอขอบคุณสำนักงานการบินพลเรือนแห่งประเทศไทยอีกครั้งหนึ่งนะครับ ที่จริงหากสำนักงานฯ ได้กรุณาแจ้งให้ผู้เขียนทราบในวันที่แจ้งแอร์แออร์ก็จะชื่นใจกว่านี้
ก็ไม่รอหนังสือตอบของหน่วยไหนๆ อีกแล้วครับ เพราะถือว่าการร้องขอความเป็นธรามได้บรรลุเป้าหมายแล้ว
สำหรับเรื่องการใช้ภาษาอังกฤษในการติดต่อของแอร์เอเชียนั้น ได้ปรึกษากับผู้รู้แล้ว สามารถฟ้องร้องต่อศาลได้ แต่ผู้เขียนไม่ทำละครับ
ขอฝากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยดำเนินการฟ้องร้องและบังคับให้บริษัทห้างร้านต่างๆ ที่ทำมาหากินในประเทศไทยต้องมีช่องทางให้ประชาชนคนไทยสามารถติดต่อสื่อสารโดยใช้ภาษาไทยได้ด้วย
สงสารคนไทยตาดำๆ ที่ใช้ภาษาอังกฤษไม่ได้บ้างเถิดครับ
พุธทรัพย์ มณีศรี
โฆษณา