15 ก.ค. 2020 เวลา 13:21 • การตลาด
เนสกาแฟ ผู้นำที่ไม่เคยหยุดนิ่ง
ขอบคุณภาพจาก brandage online
ว่ากันว่ามาร์เก็ต ลีดเดอร์ ที่มีมาร์เก็ตแชร์สูงสุดจะมีข้อได้เปรียบหลายประการ อาทิ การยอมรับของลูกค้า, การแนะนำผลิตภัณฑ์ใหม่, ต้นทุนต่อหน่วยต่ำ, การเป็นผู้นำทางด้านราคา, ช่องทางการจัดจำหน่ายมีมากกว่า และสามารถเพิ่มการส่งเสริมการตลาดได้มากขึ้น
อย่างไรก็ตาม หน้าที่หลักของแบรนด์ลีดเดอร์ ไม่ได้อยู่แค่เพียงการสร้างการเติบโตของยอดขาย หรือเพิ่มส่วนแบ่งตลาดให้กับแบรนด์ตัวเองเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่การเข้ามารับบทบาทผู้นำในการขยายฐานลูกค้าใหม่ๆ ให้กับตลาดที่เล่นอยู่ พูดง่ายๆ ก็คือ ต้องทำหน้าที่ในการ Penetrate ไปยังกลุ่มผู้ใช้ใหม่ๆ ซึ่งจะแตกต่างจากแบรนด์ผู้ตามที่ต้องหานิช หรือเจาะเข้าไปในตลาดนิชที่ลีดเดอร์ที่ช่องว่างเอาไว้
ด้วยบทบาทของความเป็นผู้นำตลาดกาแฟผงสำเร็จรูปที่มีส่วนแบ่งตลาดอยู่ในมือเกินครึ่งหนึ่งของตลาด ทำให้เนสกาแฟต้องทำหน้าที่ในการดึงให้ตลาดกาแฟผงสำเร็จรูปกลับมาเติบโตอีกครั้ง หลังจากที่ในช่วง 5 – 6 ปีที่ผ่านมานี้ ตลาดแทบไม่มีการเติบโต เนื่องจากการปรับเปลี่ยนพฤคิกรรมการดื่มกาแฟของคนรุ่นใหม่ที่หันไปดื่มกาแฟคั่วบดที่โดนกระตุ้นโดยร้านกาแฟนอกบ้านซึ่งผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ด
การไม่หยุดทำตลาดด้วยการนำเสนอนวัตกรรมให้กับตลาดอย่างต่อเนื่อง ทำให้ในปี 2019 ตลาดกาแฟปรุงสำเร็จในบ้านเรากลับมามีตัวเลขเติบโตในแดนบวก นั่นคือ เติบโต 2% แม้จะเป็นตัวเลขที่ไม่มากนัก แต่ด้วยขนาดของตลาดที่มีมูลค่าถึง 21,000 ล้านบาท การเติบโตในระดับดังกล่าวถือว่าเป็นที่น่าพอใจ เพราะตลาดแทบจะไม่มีการเติบโตมาตลอดในช่วง 5 – 6 ปีหลังมานี้
เนสกาแฟ พยายามที่จะรักษาการเติบโตให้มีความต่อเนื่องต่อไป จึงยังคงเดินหน้าบุกตลาด เพื่อดึงให้คนหันมาดื่มกาแฟปรุงสำเร็จ แม้จะมีทางเลือกมากขึ้นจากการเบ่งบานของเชนร้านกาแฟ
ขอบคุณบทความจาก brandage online
จากบทความข้างต้น แสดงให้เห็นถึง วิสัยทัศน์ ของผู้บริหาร เนสกาแฟ อย่างชัดเจน แม้จะเป็นผู้นำในตลาด แต่ไม่เคยหยุดนิ่ง พัฒนาอยู่ตลอด นับเป็นสิ่งสำคัญในยุคนี้ ที่เป็รยุคของ ปลาไว กินปลาช้า อย่างแท้จริง ดังคำที่ผมเคยได้ยินมาว่า “เมื่อเราหยุดพัฒนา เท่ากับเรากำลังถอยหลัง” และนั่นย่อมไม่เกิดขึ้นกับผู้นำอย่างเนสกาแฟ เพราะนอกจากจะเป็นผู้นำในทุก segment แล้วยังขยายฐานไปสู่คนรุ่นใหม่ที่ เป็นกลุ่มคนจำนวนมาก เป็นตลาดใหม่ที่มีกำลังซื้อ และจะเป็นฐานลูกค้าที่สำคัญในอนาคต ด้วยการส่ง เนสกาแฟ ลาเต้ กลุ่มเครื่องดื่มกาแฟปรุงสำเร็จใหม่ใน 2 รสชาติใหม่ มิลค์ที เอสเปรสโซ และ คาราเมล บิสกิต
ในโฆษณา เป็น 2 หนุ่มมากความสามารถ เจเจ กับไอซ์ ที่ แบรนด์เลือกเป็นตัวแทนของกลุ่มเป้าหมายโดยเนื้อหา เป็นเรื่องของ วัยรุ่น 2 คน ที่ได้ เนสกาแฟ 2 รสชาติใหม่มาจึงชักชวนกันให้ลอง
ภาพจากโฆษณา เนสกาแฟ
แต่ทันทีที่คิดจะลอง ก็เกิดอาการ ที่เราเรียกกันว่า จิตใต้สำนึกในใจมักจะมีคำถาม ต่อต้านและค้านกันอยู่ภายในเวลาได้ลองของใหม่ๆ โฆษณาจึงใช้ สองหนุ่มแสดงเป็น อวัยวะด้วย เช่นเป็นจมูก เป็นปาก เป็นตา และสมอง นัยยะหมายว่า สิ่งที่เห็นกับสิ่งที่คิด หรือ ประสบการณ์ในอดีต อาจจะไม่เหมือนเดิมเสมอไป ฉนั้น ต้องลอง
ภาพจากโฆษณา เนสกาแฟ
จริงๆ แล้วตามความเห็นผม โฆษณาชุดนี้ มีเป้าประสงค์ หรือวัตถุประสงค์ จริงๆ ก็คือ จะสื่อสารต่อกลุ่มเป้าหมายว่า “คุณต้องลอง” เพราะ segment นี้ ทางเนสกาแฟ ต้องการขยายกลุ่มมายังวัยรุ่น ที่ชอบลองสิ่งใหม่ๆ จึงหวังว่า กลุ่มเป้าหมายนั้น จะลองมา ดื่มกาแฟนี้ด้วยเช่นกัน เพราะเมื่อลองแล้วจะรู้สึก “ฟิน” (ผมขอใช้คำนี้แล้วกันนะครับ ไม่รู้จะใช้คำไหนที่บรรยายได้เห็นภาพเท่าคำนี้)เหมือนกับรูปอาการ ของอวัยวะต่างๆ ที่ดูมีความสุข และ “ฟิน” เหลือเกิน
ภาพจากโฆษณา เนสกาแฟ
จุดเด่น ของโฆษณา ตัวนี้อยู่ที่ การสร้างสิ่งที่เป็นความคิด สิ่งที่อยู่ภายใน แปลงออกมาเป็นรูปภาพ เพื่อแก้ pane point ที่ทาง marketing ได้คิดเผื่อไว้ว่าต้องมีคำถามแน่ๆ เวลาที่ออกสินค้าใหม่ และยิ่งกลุ่มเป้าหมายใหม่ด้วยอีก โฆษณาที่ออก ทำให้ลดเรื่องนี้ ซ้ำยังเป็นแง่บวกเป็นการสร้างความกระตุ้นอยากให้อยากดื่มอยากลองเพิ่มเข้าไปอีก
มีคนเคยกล่าวไว้ บางครั้งเมื่อเราไม่รู้ความต้องการของผู้บริโภค หรือตัวผู้บริโภคเอง ก็อาจจะยังไม่รู้ว่าตัวเองต้องการอะไร ถึงคราวที่นักการตลาด ต้องเป็นผู้สร้างความต้องการนั้น หรือ การสร้าง Demand ให้กับผู้บริโภคนั้นแทน
เนสกาแฟ กำลังใช้ กลยุทธ์ “สร้าง Demand” ให้แก่ผู้บริโภค ฉันใดก็ฉันนั้น สมกับที่เป็น “ผู้นำที่ไม่เคยหยุดนิ่ง” จริงๆ
ขอบคุณบทความจาก brandage online และ ภาพจากโฆษณา เนสกาแฟ และอื่นๆ ที่ผมอาจตกหล่น
ฝากกด like กด share และฝากกดติดตามเพื่อเป็นกำลังใจเล็กๆ น้อยๆ ให้กันด้วยนะครับผม
โฆษณา