16 ก.ค. 2020 เวลา 01:00 • ธุรกิจ
5 ปี "สมคิด จาตุศรีพิทักษ์"
หมดเวลากับทีมเศรษฐกิจรัฐบาล "ประยุทธ์"
นายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ เข้ามารับตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีเศรษฐกิจ ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ตั้งแต่วันที่ 19 ส.ค.2558 จนครบวาระรัฐบาลในวันที่ 9 มิ.ย.2562
เป็นการรับตำแหน่งหัวหน้าทีมเศรษฐกิจรัฐบาลต่อจาก ม.ร.ว.ปรีดิยาธร เทวกุล รองนายกรัฐมนตรีที่ทำหน้าที่หัวหน้าทีมเศรษฐกิจให้ พล.อ.ประยุทธ์ เพียง 1 ปี
นายสมคิด ทำหน้าที่ต่อเนื่องถึงรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2 โดยรับตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ตั้งแต่วันที่ 10 ก.ค.2562 ถึงปัจจุบันที่มีข่าวเตรียมที่จะลาออกจากตำแหน่งพร้อมรัฐมนตรีในสังกัดอีก 3 คน
หน้า 1 กรุงเทพธุรกิจ ฉบับวันพฤหัสบดีที่ 16 ก.ค.2563
ผลงานสำคัญของนายสมคิดในช่วง 5 ปี ที่ผ่านมา ยกตัวอย่าง คือ
1.สร้างระบบชำระเงินพร้อมเพย์ให้เป็นระบบชำระเงินแห่งชาติ เป็นการส่งเสริมระบบชำระเงินอิเล็กทรอนิกส์ที่ช่วยสร้างความคล่องตัวในปัจจุบัน และลดต้นทุนการโอนและชำระเงินทั้งระบบ
2.การผลักดันเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) โดยออก พ.ร.บ.เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก เป็นกฎหมายเฉพาะที่มีอำนาจบริการ กำกับดูแลและพัฒนาพื้นที่ฉะเชิงเทรา ชลบุรีและระยอง รวมทั้งมีการลงนามโครงการสำคัญ คือ โครงการรถไฟความเร็วสูง 3 สนามบิน และโครงการพัฒนาสนามบินอู่ตะเภา
3.บัตรสวัสดิการแห่งรัฐ เป็นการสร้างระบบลงทะเบียนผู้มีรายได้น้อยเพื่อรับสวัสดิการ เช่น เงินอุดหนุนรายเดือน เงินอุดหนุนค่ารถสาธารณะ เงินอุดหนุนค่าแอลพีจี โดยยกเลิกสวัสดิการแบบเดิมที่ให้สิทธิกับทุกคน เช่น รถเมล์ฟรี รถไฟฟรี เพื่อเป็นการใช้งบประมาณให้ตรงจุด
4.การเยียวยาและฟื้นฟูผลกระทบจากโควิด มีการออก พ.ร.ก.กู้เงิน 1 ล้านล้านบาท รวมทั้งจ่ายเงินเยียวยาให้ผู้มีอาชีพอิสระที่ได้รับผลกระทบเดือนละ 5,000 บาท การตั้งวงเงินฟื้นฟูเศรษฐกิจฐานราก 4 แสนล้านบาท
นายสมคิด มีทีมในนาม 4 กุมาร คือ นายอุตตม สาวนายน ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 1 รับหน้าที่ รมว.ไอซีที และ รมว.อุตสาหกรรม และในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2 รับหน้าที่ รมว.คลัง
นายสนธิรัตน์ สนธิจิระวงศ์ ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 1 เริ่มจากการเป็นที่ปรึกษา รมว.อุตสาหกรรม เพราะมีฐานจากการเป็นประธานผู้ก่อตั้งสมาพันธ์เอสเอ็มอี ต่อมาได้เป็น รมช.พาณิชย์ และขยับขึ้นมาเป็น รมว.พาณิชย์ ส่วนในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2 รับหน้าที่เป็น รมว.พลังงาน ที่มีผลงานค่อนข้างเด่นถึงลูกถึงคน เข้าถึงระดับฐานรากได้
นายสุวิทย์ เมษิณทรีย์ ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 1 รับหน้าที่ รมช.พาณิชย์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
และเป็นผู้มีบทบาทสำคัญในการผลักดันกระทรวงการอุดมศึกษา วิทยาศาสตร์ วิจัยและนวัตกรรม ที่ดึงสํานักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา ออกมาจากกระทรวงศึกษาธิการ มารวมกับกระทรวงวิทยาศาสตร์ฯ ตั้งเป็นกระทรวงใหม่ เพื่อเป็นฐานในการยกระดับประเทศไทยให้ก้าวข้ามกับดักประเทศรายได้ปานกลาง
คนสุดท้าย นายกอบศักดิ์ ภูตระกูล ที่นายสมคิดดึงมาจากธนาคารกรุงเทพ ให้มาเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 1 มาช่วยกำกับหน่วยงานเศรษฐกิจที่ขึ้นกับสำนักนายกรัฐมนตรี เข่น สภาพัฒน์
รวมทั้งมีบทบาทในการปฏิรูปกฎหมายธุรกิจ คำขอใบอนุญาตที่มีจำนวนมาก ในนโยบาย Regulatory Guillotine ปัจจุบันประเทศไทยมี พ.ร.บ.เกือบ 1,400 ฉบับ และมีกฎหมายลำดับรองอีกกว่า 100,000 ฉบับ
ส่วนในรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ 2 โควต้ารัฐมนตรีมีจำกัด จึงมารับตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี (ฝ่ายการเมือง) แทน
นายอุตตม และนายสุวิทย์ เข้ามาช่วยงานการเมืองนายสมคิด มาตั้งแต่สมัยรัฐบาลทักษิณ 1 เมื่อปี 2544 โดยเป็นกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ช่วยงานหลายด้าน เช่น โอท็อป เอสเอ็มอี
การลาออกของนายสมคิด และ 4 กุมาร เป็นการลาออกเพราะหมดเวลาในรัฐบาลแล้ว และเป็นการลาออกเพื่อออกเริ่มต้นใหม่ และเป็นการเริ่มต้นที่ยังคาดเดาถึงผลลัพธ์ได้ยาก
โฆษณา