และวิเคราะห์การเปลี่ยนแปลงล่าสุด จากชิป Intel สู่ Apple Silicon
1
หลังจากที่ Apple จัดงาน WWDC20 ไปเมื่อวันที่ 22 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งก็ได้เปิดตัวระบบปฏิบัติการใหม่ ๆ อย่าง iOS 14 / iPadOS 14 / watchOS 7 / tvOS 7 และ macOS Big Sur ออกมาให้เราได้เห็นกัน
นอกจากนี้ Apple ก็ได้ประกาศถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ของสินค้าตระกูล Mac นั่นก็คือ การเลิกใช้ชิปประมวลผลของ Intel มาใช้ชิปประมวลผลที่ Apple ทำเอง โดยเรียกว่า Apple Silicon
การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้สำคัญอย่างไร ทำไมถึงต้องเปลี่ยน และ Mac User ควรต้องรอซื้อไหม ?
CPU เปรียบเสมือนมันสมองของคอมพิวเตอร์ ที่เอาไว้ประมวลผล หรือคำนวณคำสั่งต่าง ๆ ที่ได้รับมา พูดให้เข้าใจง่าย ๆ ก็คือเมื่อเราทำอะไรสักอย่างในคอมพิวเตอร์ ไม่ว่าจะลากเม้าส์ คลิก เข้าเว็บ ทุกอย่างต้องประมวลผลผ่าน CPU ก่อน จึงจะแสดงออกมาเป็นผลลัพธ์ให้เราเห็นทางหน้าจอ
1
และที่สำคัญ การออกแบบสถาปัตยกรรมภายในของ CPU จะเป็นตัวแปรที่กำหนดให้คอมพิวเตอร์ของเรามีความสามารถและมีขีดจำกัดในการทำงานของ Software ที่รันอยู่บนนั้นอีกด้วย (เช่น Windows, macOS เป็นต้น)
การที่นักพัฒนา Software จะเพิ่มเติมฟีเจอร์อะไรลงไปก็ต้องคำนึงถึง CPU ที่ใช้ในคอมพิวเตอร์ด้วย ว่าสามารถทำได้หรือไม่ ไม่ใช่นึกอยากจะใส่ฟีเจอร์อะไรก็ใส่ได้
CPU Anatomy
ทีนี้เราพอเข้าใจคอนเซปต์และข้อจำกัดของ CPU ไปแล้ว เราจะย้อนไปดูการเปลี่ยนแปลงการใช้ CPU ครั้งก่อน ๆ ที่เกิดขึ้นกับ Mac กันครับ
1. Motorola to PowerPC
Macintosh 1984 รุ่นแรกนั้นใช้ชิปประมวลผลของ Motorola และ Apple ก็ยังใช้มาเรื่อย ๆ จนถึงจุดที่ Apple, IBM และ Motorola หันมาทำ CPU ร่วมกันในชื่อ PowerPC ซึ่งคอมพิวเตอร์ที่ใช้ PowerPC ถูกปล่อยออกสู่ตลาดราวปี 1994
PowerPC 603
2. PowerPC to Intel
ปัญหาของชิป PowerPC คืออัตราการกินพลังงานต่อประสิทธิภาพที่สูงมาก และร้อนง่าย ประกอบกับ Steve Jobs ต้องการเพิ่มฟีเจอร์ให้ Mac แต่ดันไม่ได้อยู่ใน Roadmap ของ PowerPC
Apple จึงตัดสินใจประกาศแยกทางกับ PowerPC มาหา Intel ในงาน WWDC 2005 ที่ตอนนั้นมีอัตราการกินพลังงานต่อประสิทธิภาพดีกว่า และเป็นจุดเริ่มต้นของการที่ Mac สามารถรัน Windows แบบ Native ได้ผ่าน BootCamp นั่นเอง
Paul Otellini อดีต CEO ของ Intel มอบแผ่นเวเฟอร์ให้ Steve Jobs
และมาถึงการเปลี่ยนแปลงล่าสุด คือการเปลี่ยนจากการใช้ Intel มาใช้ Apple Silicon นั่นเอง
Apple Silicon
ซึ่งตอนนี้ Mac ก็ดูเหมือนจะรันบน Intel ได้ดีอยู่แล้ว ทำไมต้องเปลี่ยนไปใช้ชิป Apple Silicon ของตัวเอง ?
ถ้าเราไปดูผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็น iPhone, iPad, Apple Watch หรือ AppleTV นั้นล้วนใช้ชิปประมวลผลของ Apple เองทั้งหมด ทำให้ Apple สามารถดีไซน์ Hardware และ Software ให้เข้ากันได้อย่างลงตัว และรีดประสิทธิภาพของชิปออกมาได้สูงสุด ที่สำคัญก็คือเรื่อง Connectivity ระหว่าง Device ที่ Apple มีจุดเด่นในเรื่องนี้อยู่แล้ว
แต่ Mac ที่วางขายอยู่ในปัจจุบัน Apple เลือกที่จะใช้ Co-Processor อย่าง Apple T2 ร่วมกับชิปของ Intel เพื่อเพิ่มฟีเจอร์บางอย่างที่ Apple อยากได้ เช่น การเรียก Hey Siri เป็นต้น หากจะเพิ่มฟีเจอร์อื่น ๆ ก็อาจทำไม่ได้เพราะติด Intel
ทำให้ Apple ต้องเลือกว่าจะพัฒนา Mac ไปพร้อมกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ ด้วยหรือไม่นั่นเอง จึงเป็นจุดสำคัญที่ทำให้ต้องมีการเปลี่ยนแปลงสู่ Apple Silicon เพื่อเพิ่มฟีเจอร์ใหม่ ๆ ให้ได้ตามต้องการ เป็นโอกาสที่ Apple จะพัฒนา Mac ให้ก้าวหน้ากว่าเดิม
และในงาน WWDC20 การโชว์ Demo ทั้งหมดของ macOS Big Sur นั้นก็รันบน Mac ที่ใช้ชิป A12Z Bionic อีกด้วย (ชิปตัวเดียวกันกับที่อยู่ใน iPad Pro 2020) เพื่อให้เราเห็นถึงความราบรื่นในการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้
Mac ที่รันบน A12Z Bionic
การใช้โปรแกรมต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็น Adobe หรือ MS Office ก็สามารถทำได้อย่างลื่นไหล เพราะ Apple ได้ Support นักพัฒนาโดยการปล่อยเครื่องมือการแปลงโค้ดของโปรแกรมที่ based on Intel มาใช้งานบน Apple Silicon ได้ เราจึงหมดกังวลได้ว่าถ้าเปลี่ยนชิปประมวลผล โปรแกรมต่าง ๆ จะใช้ไม่ได้
ทดสอบ MS Word บน A12Z Bionic
แล้ว Apple Silicon ดีกว่ายังไง ?
ประสิทธิภาพของ Apple Silicon นั้นสูงกว่า และมีอัตราการกินพลังงานที่ต่ำกว่ามาก เนื่องจาก Apple Silicon เป็น CPU แบบ Multi-Core ที่แต่ละคอร์มีขนาดไม่เท่ากัน (อสมมาตร) ทำให้ Apple เลือกได้ว่าจะออกแบบ macOS กับ Apple Silicon อย่างไรให้เหมาะสมตามขนาดของแต่ละคอร์ ต่างจาก Intel ที่แต่ละคอร์มีขนาดเท่ากันทั้งหมด จึงกินพลังงานมากกว่า
อ่าว คนที่ใช้ Mac ที่เป็น Intel แบบนี้จะใช้ต่อได้ไหม ควรรอ Apple Silicon หรือเปล่า ?
คำตอบคือใช้ต่อได้สบาย ๆ ครับ
Apple บอกว่าจะมี Mac รุ่นที่เปลี่ยนมาใช้ Apple Silicon ตัวแรกปล่อยออกมาปลายปีนี้ และการเปลี่ยนแปลงทั้งหมดจะใช้เวลาอีก 2 ปี ซึ่งในระหว่างนี้ก็จะมี Mac ที่เป็น Intel ขายร่วมกันด้วย ทำให้เรื่องของการ Support การซ่อมต่าง ๆ ก็ยังคงมีสำหรับตัวที่ใช้ Intel ต่อไปอีกยาวครับ
ดังนั้นหากใครเล็ง Mac ช่วงนี้ไว้ ถ้ารีบใช้ก็ซื้อมาใช้งานก่อนเลยครับ แต่ใครไม่ซีเรียส อยากลองของใหม่ก็รอสอยได้ปลายปีนี้เลยครับ
ใช้เวลา 2 ปีในการเปลี่ยนแปลงทั้งหมด
อนาคตของ Mac กับ Apple จะเป็นอย่างไรต่อ ?
ที่ผ่านมา Apple อาจจะถูกมองว่าทอดทิ้ง Mac ที่เป็นผลิตภัณฑ์สร้างช่ือให้กับ Apple และหันไปเน้น iPhone แทน แต่การเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ก็ทำให้เราเห็นแล้วว่า Apple ก็ไม่ได้ทิ้ง Mac ไปไหน
ซึ่งเมื่อครบ 2 ปีของการเปลี่ยนแปลงเมื่อไหร่ เราจะพูดได้เต็มปากว่า “ทุกผลิตภัณฑ์” ของ Apple จะใช้ชิปประมวลผลที่ผลิตเอง ดีไซน์เอง ทำเองทั้งหมดแบบไม่ต้องไปพึ่งใคร และสิ่งที่น่าสนใจก็คือ Ecosystem ของคนที่ใช้ Apple นั้นจะดีขึ้นมาก การ Connectivity จะราบลื่นมากขึ้น
หากจะยกตัวอย่างให้เห็นภาพ เราจะสามารถเอา Application ที่ปกติพัฒนามาให้ใช้แค่ใน iPhone เอามารันบน Mac ได้แล้ว แบบที่ Apple โชว์ Demo เกม Monument Valley ใน Mac นั่นเอง (เรียกว่าการ Cross-Platform)
Monument Valley บน Mac
อย่างไรก็ตาม เมื่อ Mac เปลี่ยนมาใช้ Apple Silicon นั่นหมายความว่า กลุ่มผู้ใช้ Mac ที่ Hybrid ลง Windows มาใช้งานในเครื่องด้วย ก็จะไม่สามารถลง Windows ได้อีกต่อไป ก็เป็นข้อจำกัดของคนกลุ่มนี้ที่ต้องทำงานทั้งบน Mac และ Windows อาจจะต้องมีแยก 2 เครื่องแทนนั่นเอง
ส่วนปลายปีนี้ Apple จะเลือก Mac รุ่นไหนให้เป็นตัวแรกของการเปลี่ยนมาใช้ Apple Silicon ก็ต้องรอติดตามกันนะครับ