17 ก.ค. 2020 เวลา 14:41 • ประวัติศาสตร์
• การล่มสลายของจักรวรรดิโรมัน
ฉบับเข้าใจง่าย ตอนที่ 1
ราวศตวรรษที่ 3 จักรวรรดิโรมันอันยิ่งใหญ่เกรียงไกร เริ่มเสื่อมอำนาจลง กองทัพโรมันแตกแยกออกเป็นก๊กเป็นเหล่า และแต่ละฝ่ายต่างก็เลือกผู้นำของพวกตน ให้เป็นจักรพรรดิองค์ใหม่ของโรมัน
ในช่วงเวลาเดียวกันนี้เอง ดินแดนของจักรวรรดิโรมัน ก็ถูกรุกรานโดยชนเผ่าต่าง ๆ จากทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือ ชนเผ่าเหล่านี้รู้จักกันในชื่อ "ชนเผ่าเยอรมัน" (Germanic Tribes) ซึ่งชาวโรมันได้เรียกชนเผ่าเยอรมันนี้ว่า "พวกอนารยชน" (Barbarian) ซึ่งหมายถึง กลุ่มคนที่ไร้อารยธรรม
ในปี 284 ขุนศึกโรมันนามว่า "ไดโอคลีเชียน" (Diocletian) ได้ขึ้นเป็นจักรพรรดิของโรมัน พระองค์ทรงจัดระเบียบกองทัพใหม่ รวมทั้งขยายขนาดกองทัพ เพื่อป้องกันการรุกรานจากพวกอนารยชน
จักรพรรดิไดโอคลีเชียนรู้ดีว่า จักรวรรดิโรมันมีขนาดที่ใหญ่เกินไป เกินที่คนคนเดียวจะปกครองได้ ดังนั้นพระองค์จึงได้แบ่งดินแดนของจักรวรรดิโรมันออกเป็น 2 ส่วน คือ โรมันตะวันตก (Western Roman Empire) กับโรมันตะวันออก (Eastern Roman Empire)
โดยจักรพรรดิไดโอคลีเชียน จะทรงปกครองในส่วนของโรมันตะวันออก ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงไบแซนทิอุม (Byzantium)
ในขณะที่โรมันตะวันตก ซึ่งมีศูนย์กลางอยู่ที่กรุงโรม (Rome) จะมีจักรพรรดิซึ่งเป็นอดีตขุนศึกโรมันนามว่า "แมกซิเมียน" (Maximian) ปกครอง
ทั้งจักรพรรดิแมกซิเมียน และจักรพรรดิไดโอคลีเชียน ต่างก็มีผู้ช่วยในการปกครองและบริหารบ้านเมือง ที่เรียกว่า "ผู้แทนพระองค์" (Deputy)
หลังจากที่จักรพรรดิไดโอคลีเชียน แห่งโรมันตะวันออกสละอำนาจ ก็เกิดการต่อสู้แย่งชิงอำนาจกัน จนในปี 312 นายพลคอนสแตนติน (Constantine) ก็สามารถปราบปรามขุนศึกคนอื่น ๆ และขึ้นมาเป็นจักรพรรดิแห่งโรมันตะวันออกได้สำเร็จ
ต่อมาพระองค์ก็ได้ทำการรวมจักรวรรดิโรมันทั้ง 2 ส่วน ให้รวมกันเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้งหนึ่ง
จักรพรรดิคอนสแตนติน ได้ทรงย้ายเมืองหลวงของจักรวรรดิโรมัน จากกรุงโรมไปยังที่กรุงไบแซนทิอุม ซึ่งตั้งอยู่บริเวณริมฝั่งทะเลดำ กรุงไบแซนทิอุมในเวลาต่อมา จะถูกเปลี่ยนชื่อเป็น "กรุงคอนสแตนติโนเปิล" (Constantinople) เพื่อเป็นเกียรติแก่จักรพรรดิคอนสแตนติน
นอกจากนี้ในยุคสมัยของพระองค์ ศาสนาคริสต์ก็ได้ถูกประกาศให้เป็นศาสนาประจำของจักรวรรดิโรมัน ทำให้นับแต่นั้นมา ศาสนาคริสต์ก็ได้รุ่งเรืองและถูกเผยแพร่ไปทั่วทวีปยุโรป
ยุคสมัยของจักรพรรดิคอนสแตนติน ถือได้ว่าเป็นยุครุ่งเรืองสุดท้ายของจักรวรรดิโรมัน เพราะหลังจากสิ้นสุดสมัยของพระองค์ เค้าลางหายนะก็ได้ปรากฏขึ้น จนนำไปสู่การล่มสลายของจักรวรรดิโรมันในเวลาต่อมา
#Histofun
โฆษณา