18 ก.ค. 2020 เวลา 03:29 • วิทยาศาสตร์ & เทคโนโลยี
สวดพระคาถาบทนี้ของ
#หลวงพ่อปาน พุทธานุภาพของพระคาถามีคุณเอนกอนันต์เกินจะเปรียบประมาณ
💞🙏🙏🙏🙏🙏💞
#พระคาถาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์
พระคาถาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ เป็นพระคาถาที่ #ท่านพระครูวิหารกิจจานุการ หรือ #หลวงพ่อปาน วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ให้ความสำคัญมาก ในการประกอบพิธีบำเพ็ญกุศลใด ๆ ก็ตาม ท่านจะนำพระคาถาบทนี้ บอกกล่าวเผยแพร่ให้กับญาติโยมที่มาร่วมงานเสมอ ๆ เมื่อมีกิจธุระต้องเดินทางไปที่แห่งใด ท่านจะนำพระคาถานี้ติดตัวไปแจกด้วยทุกครั้ง ไม่ว่าจะอยู่ ณ สถานที่ใด จะกล่าวยกย่องคุณแห่งพระถาถานี้ และแนะนำให้ผู้ที่นั่งฟังอยู่นำไปฝึกฝนปฏิบัติ แม้ในเวลาที่หลวงพ่อปานเดินเข้าออกกุฏิพำนักของท่านเอง ท่านจะยกมือขึ้นทำสักการะกองพระคาถาบทนี้ขณะที่เดินผ่านไปมาทุกเมื่อ
หลวงพ่อเคยนำกล้วยจากสวนที่บูชาพระคาถานี้มาตั้งให้คนจำนวนมากดูที่ลานวัดบางนมโค กล้วยที่ปลูกลำต้นสูงใหญ่กว่ากล้วยทั่วไปสามเท่า ผลก็มีขนาดใหญ่กว่ากล้วยทั่วไป เครือหนึ่งมีลูกมากกว่าสี่ร้อยลูก ตกปลีแล้วยังเหลือปลีใหญ่อีกมาก ผู้ที่ได้เห็นกับตาถึงกับอนุโมทนาว่าแปลกประหลาดมาก ปลูกมะม่วงอกร่องก็ออกลูกเต็มต้น ให้ผลใหญ่กว่ามะม่วงอกร่องทั่วไปถึงสามเท่า ปลูกฟักก็มีขนาดใหญ่โตมาก ฟักสามลูกน้ำหนักมากกว่าหนึ่งหาบ ( 1 หาบ = 60 กิโลกรัม) ปลูกข้าวก็ได้ปริมาณข้าวมากกว่า
#พระครูวิหารกิจจานุการ (#หลวงพ่อปาน โสนนฺโท)
วัดบางนมโค จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พระอุปัชฌาย์ของท่านคือ หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ
พระคู่สวดอีกสองรูปคือ หลวงพ่อคล้าย วัดบางนมโค และ หลวงพ่อปั้น วัดพิกุล
เป็นพระทรงอภิญญามีฤทธิ์มากทั้งสามรูป
หลวงพ่อปานท่านปรารถนาพุทธภูมิ ท่านจึงได้ครูอาจารย์ที่เหมาะสมกับบารมีของท่าน
พระคาถาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์นี้ หลวงพ่อปานเรียนมาจาก ครูพึ่งบุญ หรือ ครูพึ่ง ระหว่างที่ธุดงค์ไปยังภาคใต้ ราวปี พ.ศ. 2472 หลวงพ่อพบกับครูพึ่งที่จังหวัดนครศรีธรรมราช ขณะนั้น หลวงพ่อปานอายุ 55 ปี ครูพึ่งเป็นฆราวาส อายุ 99 ปี แต่ยังดูแข็งแรง รูปร่างเพรียว แต่งตัวดีมีสง่า นุ่งผ้าม่วง สวมเสื้อราชปะแตน ถุงเท้ายาวสีขาว รองเท้าคัทชู สวมหมวกสักหลาด ถือไม้เท้าเลี่ยมทอง ถ้อยคำสนทนาระหว่างหลวงพ่อกับครูพึ่งฟังดูเหมือนผู้ที่คุ้นเคยกันทั้งที่ไม่เคยพบหน้ากันมาก่อน สร้างความประหลาดใจให้กับพระอุปัฎฐากและคณะที่ร่วมเดินทางไปด้วย ทราบภายหลังว่าท่านทั้งสองสื่อสารกันทางจิตตั้งแต่อยู่ที่ประจวบคีรีขันธ์ และนัดหมายมาพบหน้ากันเมื่อหลวงพ่อปานเดินทางมาถึงจังหวัดนครศรีธรรมราช
ครูพึ่งเล่าว่า เมื่อตอนอายุ 50 ปี ได้พบกับพระธุดงค์รูปหนึ่ง เกิดความเลื่อมใสศรัทธา จึงนิมนต์ให้ท่านพำนักอยู่ด้วยหลายวันเพื่อจะได้มีโอกาสปรนนิบัติและบำเพ็ญกุศล ก่อนพระธุดงค์รูปนั้นจะออกเดินทางต่อ ได้มอบ พระคาถาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ ให้กับครูพึ่งพร้อมทั้งอธิบายวิธีปฏิบัติ ท่านว่าพระคาถาบทนี้เรียนสืบต่อกันมาตั้งแต่ต้นตระกูล ไม่มีใครยากจน อย่างจนที่สุดก็พอเลี้ยงตัวรอด มีกินมีใช้ไม่ขาดมือ แต่หากทำเป็นกรรมฐาน จะร่ำรวยเป็นเศรษฐี พระคาถาบทนี้เป็นของพระปัจเจกพุทธเจ้า
ครูพึ่งท่านรักษาศีลเป็นปรกติอยู่แล้ว เมื่อได้พระคาถาบทนี้มา ก็เริ่มภาวนาจนเป็นสมาธิ พร้อมทั้งใส่บาตรทุกเช้าตามที่พระธุดงค์แนะนำ เดือนแรกผ่านไปก็เริ่มเห็นผล เช่น หุงข้าวจำนวนปรกติ คนในบ้านรับประทานเท่าเดิม ใส่บาตรเพิ่มขึ้น แต่ข้าวกลับเหลือจนต้องลดปริมาณข้าวที่หุงลงครึ่งหนึ่ง การค้าการขายก็ดีขึ้นตามลำดับ คนอื่นเขาทำกันขาดทุน แต่พอครูพึ่งลองไปทำบ้างกลับได้กำไรดี จับอะไรก็เป็นเงินเป็นทอง ตอนนี้ครูพึ่งอายุมากแล้ว ไม่ได้ทำอะไร แต่หากใครเขาจะแต่งงาน ไปบอกท่าน ท่านช่วยรายละ 100 บาท งานโกนจุก บวชพระ ท่านทำบุญครั้งละ 100 บาท ขอทานไปขอ ให้รายละ 1 บาท ที่ว่ามานี้ไม่ใช่เงินจำนวนเล็กน้อย สมัยนั้นค่าเงินสูง เงินเพียงหนึ่งสตางค์ก็มีค่ามาก ก๋วยเตี๋ยว 2 ชาม 5 สตางค์ เงินเดือนพลทหารได้เดือนละ 4 บาท ข้าราชการถ้าได้เงินเดือน 20 บาทก็สูงมากแล้ว
หลวงพ่อสุ่น วัดบางปลาหมอ จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
พระอุปัชฌาย์ของหลวงพ่อปาน วัดบางนมโค
และ หลวงพ่อจง วัดหน้าต่างนอก
หลวงพ่อปาน เป็นศิษย์ผู้น้อง หลวงพ่อจง เป็นศิษย์ผู้พี่
เมื่อกลับจากธุดงค์ หลวงพ่อปานแวะพักที่วัดสระเกศซึ่งเป็นวัดที่ท่านเคยเรียนหนังสืออยู่ ชาวบ้านที่กรุงเทพฯ เคารพนับถือหลวงพ่อปานมาก เมื่อทราบข่าวก็นำข้าวปลาอาหารมาถวาย ระหว่างฉันภัตตาหาร ท่านก็พูดถึง พระคาถาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ บอกว่า พระคาถาบทนี้ดีเหลือเกิน ทำให้คนมีลาภสักการะ แล้วก็เล่าเรื่องครูพึ่งว่าเดิมมีฐานะยากจน ต่อมาได้พระคาถาบทนี้จากพระธุดงค์ที่มาปักกลดอยู่ใกล้บ้าน บอกว่าเป็นพระคาถาของพระปัจเจกพุทธเจ้า ให้นำไปปฏิบัติ
หลวงพ่อปานเล่าถึงคุณประโยชน์ของพระคาถาว่าใครเอาไปเจริญภาวนา ลาภสักการะจะมีมาไม่ขาดสาย ถ้าทำเป็นกรรมฐานได้จะเกิดลาภหนัก ท่านเล่าของท่านไป คนอยู่กันร่วมร้อย นั่งฟังกันเฉย ไม่มีใครใส่ใจ มีเพียง นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ ท่าเตียน นั่งอยู่ข้างหลัง หยิบสมุดพกกับปากกาขึ้นมาจด พอแขกเหรื่อกลับกันไปหมด นายห้างประยงค์ก็เข้าไปกราบหลวงพ่อปาน ขออนุญาตเรียนพระคาถาบทนี้ แล้วอ่านให้หลวงพ่อฟังเพื่อให้แน่ใจว่าที่จดไปนั้นถูกต้อง หลวงพ่อปานท่านก็ยิ้มชอบใจ บอกว่า พ่อดีใจ ประยงค์ เอ็งเป็นลูกคนหัวปี (หมายถึงพระคาถาบทนี้ มีนายห้างประยงค์ให้ความสนใจเป็นคนแรก) พระคาถาบทนี้เอาไปทำ ถ้าไม่เกิดผลพ่อจะไม่พิมพ์แจกคนอื่น ไปพิสูจน์กัน
นายประยงค์ ตั้งตรงจิตร
เจ้าของห้างขายยาตราใบโพธิ์ ท่าเตียน กรุงเทพฯ
ชาตะ 3 กรกฎาคม 2445
มรณะ 18 พฤษภาคม 2507
เพียงชั่วระยะเวลาไม่กี่ปีต่อมา นายห้างประยงค์ร่ำรวยขึ้นมาก ทำบุญได้ตามอารมณ์ นายห้างถึงกับพูดกับหลวงพ่อปานว่า ถ้าหลวงพ่อจะทำอะไรก็ให้บอก เท่าไหร่เท่ากัน
เมื่อไปถามนายห้างประยงค์ว่าทำอย่างไรลาภสักการะจึงเกิดมาก นายห้างบอกว่า ท่านสวดมนต์เช้าค่ำและก่อนนอน ใส่บาตรเป็นประจำไม่เคยขาด เวลาบูชาพระตอนเช้า ก็ว่าพระคาถานี้ 9 จบ ก่อนออกไปเปิดร้าน ก็ภาวนาพระคาถาบทนี้เป็นกรรมฐาน คือ กำหนดลมหายใจเข้าออกพร้อมกับว่าพระคาถาช้า ๆ ตามสบาย ตกเย็นก็เช่นกัน เมื่อเสร็จจากค้าขาย รับประทานอาหารเรียบร้อย พักผ่อนเล็กน้อยพอให้อาหารย่อย อาบน้ำแล้วก็เข้าห้องบูชาพระ ก็ว่าพระคาถานี้ 9 จบ แล้วก็ภาวนาพระคาถาบทนี้ต่อเป็นกรรมฐานอีก ทำอย่างนี้เป็นประจำได้ไม่นาน พอนั่งเข้าที่ภาวนาก็มีแสงสว่างเกิดขึ้น ระยะแรก ๆ ก็สว่างน้อย นานไป ๆ ก็สว่างมากขึ้น ๆ จิตสงบคงที่ บางครั้งมีรูปพระพุทธบ้าง พระสงฆ์บ้าง ปรากฏให้เห็นเสมอ ท่านว่าระยะนี้แหละ เป็นระยะที่ลาภเกิดขึ้นแปลก ๆ และคาดไม่ถึง............
💞🙏🙏🙏🙏🙏💞
พระคาถาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์
การสวด ให้เริ่มด้วยการตั้ง "นะโมฯ" 3 จบ ดังนี้
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
นะโม ตัสสะ ภะคะวะโต อะระหะโต สัมมา สัมพุทธัสสะ
จากนั้น ว่าพระคาถาบทนำ เพียงครั้งเดียว ดังนี้
พุทธะ มะอะอุ นะโมพุทธายะ
จากนั้น ว่าพระคาถาพระปัจเจกโพธิ์โปรดสัตว์ 3-5-7-9 จบ * ดังนี้
วิระทะโย วิระโคนายัง วิระหิงสา
วิระทาสี วิระทาสา วิระอิตถิโย
พุทธัสสะ มานีมามะ พุทธัสสะ สวาโหม **
โฆษณา