20 ก.ค. 2020 เวลา 08:32 • กีฬา
ช่วงครึ่งชั่วโมงแรกของเกมที่กรุงเคียฟ ลิเวอร์พูล เล่นดีจนดูมีโอกาสคว้าแชมป์สมัยที่ 6 แต่กลับเกิดเรื่องร้ายแรงอันคาดไม่ถึงและจากการเล่นที่เหมือนมาจากความเจ้าเล่ห์
โมฮาเหม็ด ซาลาห์ ถูกเปลี่ยนตัวออกจากอาการบาดเจ็บตรงหัวไหล่ หลังโดน เซร์คิโอ รามอส เหนี่ยวล้มลงไปกระแทกกับพื้นสนาม และช่วงต้นครึ่งหลัง กัปตันทีม เรอัล มาดริด ก็ออกลวดลายอีกครั้งด้วยการไปศอกเข้าที่หัวของ ลอริส คาริอุส
อย่างหลังนี่แหละที่ทำให้เกิดปัญหา...
ไม่นานหลังโดนศอกเข้าที่หัว คาริอุส ก็เผลอขว้างบอลไปเข้าเท้าของ คาริม เบนเซม่า ชนิดทำเอาคนงงกันทั้งโลก และดาวยิงเฟร้นช์แมน ก็เปลี่ยนให้เกิดประตูแรกของเกม
อย่างไรก็ตาม ซาดิโอ มาเน่ ก็ตามตีเสมอให้กับทีมได้ ซึ่งเหมือนจะเป็นการปลุกความหวังแต่มันก็เป็นแค่ช่วงเวลาสั้น ๆ เพราะประกายแสงแห่งความหวังกลับดับลงอย่างรวดเร็ว เมื่อ แกเร็ธ เบล ที่ลงเป็นตัวสำรอง จัดการโอเวอร์เฮดคิกสุดงดงาม พาให้ 'ราชันชุดขาว' ขึ้นนำอีกครั้ง
ก่อนที่ เบล คนเดิมทำประตูตอกย้ำชัยชนะช่วง 7 นาทีสุดท้ายด้วยลูกยิงระยะ 30 หลา โดยที่ คาริอุส รับบอลไม่ดีปล่อยให้ลูกเข้าประตูแบบดื้อ ๆ
ขณะที่ เรอัล มาดริด กำลังฉลองแชมป์ แชมเปี้ยนส์ ลีก สมัยที่ 3 ติดต่อกันอย่างเริงร่า ฝั่งผู้รับชะตากรรมอย่าง คาริอุส ต้องนั่งร้องไห้อยู่บนสนาม ความรู้สึกราวกับว่าสิ่งเดียวที่ต้องการคืออยากหายไปจากโลกนี้ชั่วคราว
พอลุกขึ้นมายืนได้ คาริอุส ก็เดินไปขอโทษเหล่า เดอะ ค็อป ที่เดินทางตามมาเชียร์ โดยที่ อุลล่า ภรรยา ของ เจอร์เก้น คล็อปป์ เป็นคนปลอบคุณแม่ของเขาอยู่บนอัฒจันทร์
จอร์แดน เฮนเดอร์สัน ออกจากห้องแต่งตัวที่ตอนนั้นบรรยากาศหดหู่เสียเหลือเกิน เพื่อมาให้สัมภาษณ์กับกองทัพสื่อที่รอทำข่าว
"นี่เป็นความรู้สึกที่เลวร้ายที่สุดเท่าที่ผมเคยเจอในชีวิตการเล่นฟุตบอล แต่ผมเชื่อมั่นในทีมชุดนี้ เชื่อมั่นในผู้จัดการทีมคนนี้ ผมเชื่อว่าเรากำลังเดินไปในทิศทางที่ถูกต้อง การออกมายืนพูดเรื่องเหล่านั้นตรงนี้มันทำได้ยากมากๆ แต่สิ่งที่ผมพูดเป็นเรื่องจริง"
"ผมเชื่อว่าเราจะได้เล่นนัดชิงชนะเลิศของ แชมเปี้ยนส์ ลีก อีกครั้ง ผมเชื่อว่าเราจะได้ลุ้นแชมป์กับรายการภายในประเทศทุกรายการด้วย"
...
ตามแผนเสริมทัพ ลิเวอร์พูล จัดการไว้ล่วงหน้าบ้างแล้ว พวกเขาบรรลุข้อตกลงดึง นาบี เกอิต้า จาก แอร์เบ ไลป์ซิก ด้วยค่าตัว 52.75 ล้านปอนด์ ตั้งแต่ช่วงซัมเมอร์ ปี 2017 และ 2 วันหลังจบเกมที่กรุงเคียฟ ก็ได้ตัว ฟาบินโญ่ จาก โมนาโก ด้วยค่าตัว 40 ล้านปอนด์ ซึ่งมิดฟิลด์แซมบ้าถูกมองว่าเป็นตัวแทนของ เอ็มเร่ ชาน ที่ตอนนั้นตัดสินใจซบอก ยูเวนตุส หลังจากหมดสัญญากับทีม
จริง ๆ ลิเวอร์พูล ก็เกือบได้ นาบิล เฟคีร์ จาก ลียง ด้วยค่าตัว 53 ล้านปอนด์เช่นกัน แต่ดีลล่มจากปัญหาอาการเจ็บเอ็นไขว้หน้าหัวเข่า ทั้งที่ดาวเตะทีมชาติฝรั่งเศสที่ถูกมองว่าจะเป็นตัวแทนของ คูตินโญ่ ถึงขนาดว่าเจ้าตัวถ่ายรูปในสีเสื้อ ลิเวอร์พูล แล้ว แถมยังให้สัมภาษณ์กับสื่อของสโมสรไปเรียบร้อยแล้วด้วย ก่อนที่ ลิเวอร์พูล เองจะมายกเลิกดีลนี้ตอน 5 ทุ่ม
คล็อปป์ เคยบอกกับ ไมเคิล เอ็ดเวิร์ดส์ ผอ.สโมสร และ ไมค์ กอร์ดอน ไปแล้วว่าการเอา เฟคีร์ มามันเสี่ยงเกินไปเมื่อพิจารณาถึงจำนวนเงินที่ต้องจ่ายไป และตัดสินใจที่จะไม่หาตัวเลือกสำรอง โดยที่จริงตอนนั้น ลิเวอร์พูล ก็ตัดสินใจแล้วว่าพอจบศึก เวิลด์ คัพ 2018 จะจ่ายเงินจำนวน 13 ล้านปอนด์เพื่อเป็นค่าฉีกสัญญาของ เซอร์ดาน ชากิรี่ กับ สโต๊ค ซิตี้ เพื่อเป็นกำลังเสริมในแนวรุก
อย่างไรก็ดี ปัญหาใหญ่ของ คล็อปป์ คือเรื่องผู้รักษาประตู กับเรื่องที่ว่าจะทำอย่างไรต่อกับ คาริอุส ที่เสียคนที่กรุงเคียฟ ?
แน่นอนว่าด้วยสัญชาตญาณของการที่เป็นคนเห็นอกเห็นใจคนอื่น สิ่งที่ คล็อปป์ ทำในตอนแรกคือการสวมกอดเพื่อนร่วมชาติแบบเป็นกันเอง และพยายามหาทางกอบกู้ชื่อเสียงของ คาริอุส กับ สโมสร มากกว่าที่จะตัดสินใจขายทิ้งออกไปในทันที
...
4 วันหลังจากเกมนัดชิงฯ คล็อปป์ ได้รับการติดต่อจาก ฟร้านซ์ เบ็คเค่นเบาเออร์ ตำนานดาวเตะชาวเยอรมันเพื่อแจ้งให้ทราบว่า คาริอุส อาจมีอาการกระทบกระเทือนทางสมองจากที่โดน รามอส อัดใส่เข้าที่หัว ซึ่งนั่นคือจุดเริ่มต้นของการเล่นผิดพลาดต่อเนื่อง จนสุดท้ายแล้ว คาริอุส ถูกสั่งในระหว่างทำการพักร้อนที่ สหรัฐอเมริกา ว่าให้ไปหาผู้เชี่ยวชาญที่โรงพยาบาล แมสซาชูเซตต์ส เจเนรัล ในเมืองบอสตัน เพื่อรับการตรวจ
1
ผลสแกนสมองแสดงให้เห็นว่า คาริอุส มีอาการผิดปกติด้านการกะระยะด้วยสายตาจริง ๆ มันเป็นอาการที่สามารถทำให้เกิดความผิดพลาดในการตัดสินใจว่าวัตถุอยู่ตรงจุดไหน โดยที่ ลิเวอร์พูล เผยว่าจากการตรวจอาการกระทบกระเทือนทางสมอง 30 ครั้ง ผลออกมาว่า คาริอุส แสดงอาการที่เข้าข่ายถึง 26 หน!
"ผมไม่สนหรอกว่าคนอื่น ๆ ทั่วโลกจะคิดยังไง เราไม่เอามันมาเป็นข้อแก้ตัว แต่เราเอามันมาใช้เป็นคำอธิบาย"
"ตอนนั้น ลอริส ไม่ได้พูดอะไรออกมาเลย แต่มันเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะทำแบบนั้น เขาคิดว่าเขาต้องรับผิดชอบกับเรื่องที่เกิดขึ้นแบบ 100 เปอร์เซ็นต์เต็ม" คล็อปป์ ระบุ
คล็อปป์ พูดเกี่ยวกับการที่ คาริอุส จะได้เริ่มต้นใหม่ แต่ช่วงปรี-ซีซั่น นายด่านเลือดด๊อยช์ท กลับแสดงให้เห็นถึงอาการประหม่าหลายต่อหลายครั้ง ซึ่งเหมือนเป็นสัญญาณเตือนว่าเขายังได้รับผลกระทบจากเกมที่กรุงเคียฟ
ความมั่นใจของ คาริอุส ลดลงไปเยอะ และ คล็อปป์ ก็จำเป็นต้องใช้ไม้แข็งเข้าสู้
...
ที่จริง ลิเวอร์พูล แอบหาเรื่องตัวแทนของ คาริอุส เอาไว้มาตั้งแต่ก่อนจะถึงนัดชิงชนะเลิศ สักพักแล้ว
คล็อปป์ ไม่เคยเชื่อใจในตัว ซิมง มิโญเล่ต์ หรือ คาริอุส แบบเต็มที่เลย
สิ่งที่ตอกย้ำให้เห็นถึงเรื่องนั้นคือการที่เขาสลับใช้งานทั้งสองคนระหว่างเกมภายในประเทศกับเกมยุโรปเกือบทั้งฤดูกาล 2017/18 ก่อนที่จะให้ คาริอุส เป็นมือ 1 เต็มตัว ตอนที่เข้าสู่เดือนกุมภาพันธ์เป็นต้นมา
สถานการณ์ที่ว่ามานี้ จริง ๆ ก็เป็นเรื่องที่ไม่น่าพึงพอใจกันเท่าไหร่ มันทำให้เกิดความไม่มั่นคง และการผิดใจกันในระดับหนึ่งของ 2 ผู้รักษาประตู สำหรับ คาริอุส ต่อให้มี เฟอร์กิล ฟาน ไดค์ ช่วยเล่นเกมรับอยู่ตรงหน้า เขาก็ยังผิดพลาดบ่อยจนกลายเป็นจุดอ่อนของทีม
ในด้านของ จอห์น อาชเตอร์เบิร์ก โค้ชผู้รักษาประตูที่อยู่กับทีมมาเป็นเวลานานก็พยายามพูดถึงความยอดเยี่ยมของ อลีสซง ในการหารือเรื่องการเสริมทัพมาเป็นเวลานานแล้ว
อาชเตอร์เบิร์ก เห็นถึงศักยภาพของ อลีสซง ครั้งแรกในปี 2013 ผ่านอดีตนายด่านแซมบ้าของทีมอย่าง อเล็กซานเดอร์ โดนี่ ที่เคยอยู่กับทีมเวลาสั้น ๆ ในยุคของ เคนนี่ ดัลกลิช กับ เบรนแดน ร็อดเจอร์ส
ซึ่งสิ่งที่ โดนี่ พูดกับ อาชเตอร์เบิร์ก ก็คือประโยคที่ว่า "คุณจับตาดูเจ้าหนูของ อินเตอร์นาซิอองนาล ให้ดี ๆ หมอนี่มีพรสวรรค์เลยล่ะ"
อาชเตอร์เบิร์ก ตามดูฟอร์มและวิเคราะห์การเล่นของ อลีสซง อย่างจริงจังมากขึ้นหลังจากที่ อลีสซง ย้ายมาอยู่กับ โรม่า ในช่วงซัมเมอร์ ปี 2016
ฟอร์มของ อลีสซง ในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม ซีซั่น 2017/18 ที่ โรม่า ขับเคี่ยวกับทั้ง เชลซี และ แอตเลติโก มาดริด ทำให้ คล็อปป์ เคลิ้มตามและเชื่อว่า อลีสซง มีคุณสมบัติทุกอย่างตามสเปคที่ตัวเองต้องการ และเป็นคนที่สามารถคอยสั่งการตรงหน้าปากประตูได้ ซึ่งนี่คือสิ่งที่ ลิเวอร์พูล ขาดหายไป..
คล็อปป์ ให้คำนิยามว่าจะเป็นเหมือน -การเปลี่ยนจากหน้ามือเป็นหลังมือ- เลย
...
การเจรจากับ มอนชี่ ผู้อำนวยการกีฬาของ โรม่า ครั้งแรกเกิดขึ้นในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2018 ทว่าการคุยกันต้องล่มลงเมื่อ โรม่า เรียกร้องเรื่องต่าง ๆ มากเอาการ การเจรจาซับซ้อนมากขึ้นไปอีกหลังจากที่ โรม่า ต้องการสิ่งที่เรียกว่า -ภาษี ซาลาห์- เพราะเชื่อว่าตัวเองได้รับการปฏิบัติแบบไม่เป็นธรรม ตอนที่ ซาลาห์ เพิ่งย้ายไป แอนฟิลด์ เมื่อ 1 ปีก่อนหน้านั้น
ช่วงเดือนพฤษภาคม โรม่า เรียกเงินถึง 90 ล้านปอนด์เพื่อเป็นค่าตัวของ อลีสซง ซึ่ง เอ็ดเวิร์ดส์ ก็ไม่คิดที่จะเจรจาด้วย แต่มหากาพย์ก็ลากยาวไปจนถึงช่วงเดือนกรกฎาคม
คล็อปป์ ไม่คิดจะมองหาเป้าหมายอื่นเพื่อเป็นทางเลือกสำรอง ก็เช่นเดียวกับเคสของ ฟาน ไดค์ ที่หากไม่ได้ ก็ไม่คิดจะเอาใครมาแทนที่ แม้ว่าตอนนั้น ลิเวอร์พูล จะมีข่าวกับ แจ็ค บัตแลนด์ ของ สโต๊ค และ นิค โป๊ป ของ เบิร์นลี่ย์ ก็ตาม
อย่างไรก็ตาม เป็น โรม่า ที่เป็นฝ่ายเริ่มใจอ่อน และพอราคาลดลงจากเดิมแล้ว ลิเวอร์พูล ก็ได้ตัว อลีสซง มาร่วมทัพด้วยเงินจำนวน 65 ล้านปอนด์
เอ็ดเวิร์ดส์ ซึ่งเป็นหัวหน้าฝ่ายเจรจาและมีห้องทำงานอยู่ตรงข้ามกับห้องของ คล็อปป์ ทำงานได้ยอดเยี่ยมอีกครั้ง
หลักฐานที่ตอกย้ำให้เห็นถึงการเป็นยอดนักเจรจาต่อรอง คือการที่เขาช่วยให้ทีมขายพวกนักเตะส่วนเกินแล้วได้เงินกลับมาเป็นจำนวนมาก อย่างเช่น คริสติย็อง เบนเตเก้ (32 ล้านปอนด์), จอร์ดอน ไอบ์ (15 ล้านปอนด์), มามาดู ซาโก้ (26 ล้านปอนด์) และ โดมินิค โซลันกี้ (19 ล้านปอนด์)
ซึ่งมันก็เป็นเหตุผลที่ทำให้ ลิเวอร์พูล มียอดการใช้เงินเพื่อเสริมทัพแบบสุทธิเพียงราว ๆ 90 ล้านปอนด์ ทั้งที่ ลิเวอร์พูล ใช้เงินในการเสริมทัพในยุคของ คล็อปป์ ไปกว่า 400 ล้านปอนด์
1
เอ็ดเวิร์ดส์ ไม่ใช่คนที่โดดเด่นตามหน้าสื่อ เขามีนิสัยต่างจาก คล็อปป์ มาก แต่ทั้งคู่ต่างก็เคารพซึ่งกันและกัน "พวกเขาตั้งเป้าหมายให้กันเอง พวกเขามีความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมากๆ" แหล่งข่าวรุ่นใหญ่คนหนึ่งเผยกับ ดิ แอธเลติก
1
...
ในแง่ของการสร้างทีมที่เต็มไปด้วยนักเตะชั้นนำ อลีสซง ถือเป็นจิ๊กซอว์ชิ้นสุดท้ายของ ลิเวอร์พูล ขณะที่ คาริอุส ต้องบินเกือบข้ามทวีปไปเล่นกับ เบซิคตัส ที่ลีกตุรกี ด้วยสัญญายืมตัว
และนี่คือการอัพเกรดทีมครั้งใหญ่
"ก่อนหน้าที่ อลีสซง จะเข้ามา บรรดาแฟนบอลที่ แอนฟิลด์ ต้องลุ้นกันตลอดเวลาที่ผู้รักษาประตูของทีมต้องทำการเซฟ แต่ อาลี่ เปลี่ยนเรื่องนั้นไปอย่างสิ้นเชิง" โค้ชผู้รักษาประตูของทีม ระบุ
ภายในระยะเวลา 12 เดือนที่ อลีสซง เข้ามาอยู่กับทีม ลิเวอร์พูล เจ้าตัวได้ทั้ง แชมป์ยุโรป และ โคปา อเมริกา นอกจากนี้ยังได้รางวัลถุงมือทองคำของศึกพรีเมียร์ลีก จากผลงานเก็บคลีนชีทมากที่สุด(21 ครั้ง) รวมถึงคว้ารางวัลผู้รักษาประตูยอดเยี่ยมประจำฤดูกาลของทั้ง ยูฟ่า และ ฟีฟ่า อีกด้วย
ไม่น่าแปลกใจเลยว่าทำไมตอนที่อยู่ เมลวู้ด นั้น คล็อปป์ ถึงมักจะร้องเพลงอยู่บ่อย ๆ ว่า “All you need is Alisson Becker” (คุณก็แค่ต้องการ อลีสซง เบ็คเกอร์ เท่านั้น) โดยให้เข้ากับทำนองของ Radio Ga Ga เพลงเก่าของวง ควีน
เสียงจากตำนานผู้รักษาประตูของ ลิเวอร์พูล ที่มีต่อ อลีสซง ได้ความว่า "อลีสซง ทำให้เรื่องยาก ๆ ดูเป็นเรื่องง่าย เขามีทุกอย่างตามที่คุณต้องการสำหรับคนที่คุณอยากให้เป็นนายด่านมือ 1 ของทีม เขาเซฟสวย ๆ ได้หลายครั้ง" เรย์ คลีเมนซ์ ระบุ
สิ่งที่ตอกย้ำถึงเรื่องนี้ได้ชัดเจนยิ่งขึ้นคือการที่เขาเซฟสุดสวยในช่วงทดเวลาบาดเจ็บ เกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบแบ่งกลุ่ม นัดสุดท้าย ที่ ลิเวอร์พูล เปิด แอนฟิลด์ เจอ นาโปลี เมื่อเดือนธันวาคม ปี 2018
ตอนนั้นใจของ เดอะ ค็อป ทุกคนแทบตกไปถึงตาตุ่มตอนที่บอลไปเข้าทาง อาร์คาดิอุสซ์ มิลิค ที่กำลังจะมีโอกาสทองทำประตูตีเสมอได้ หากลูกนั้นเข้า ก็จะทำให้ ลิเวอร์พูล ร่วงตกรอบ แต่ทว่า อลีสซง ก็โชว์ปฏิกิริยาฉับไวเซฟเอาไว้ได้ทั้งที่ดาวเตะ นาโปลี ยิงในระยะเผาขน
"ผมพูดไม่ออกเลย มันเป็นชอตช่วยชีวิตเอาไว้ชัด ๆ" คล็อปป์ เปิดใจก่อนพูดแบบติดตลกว่า "ถ้าผมรู้ว่าเขาเก่งขนาดนี้แล้วล่ะก็ ผมก็คงจ่ายเงินมากกว่าเดิม 2 เท่าเพื่อซื้อเขาไปตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว"
การเซฟจังหวะนั้นถูกมองว่าเป็นหนึ่งในจังหวะสำคัญที่สุดในยุคของ คล็อปป์
ถ้าไม่มีชอตนั้นแล้ว ก็คงไม่มีการคัมแบ็กปาฏิหาริย์ในเกมกับ บาร์เซโลน่า, ไม่มีค่ำคืนที่ยิ่งใหญ่ในกรุงมาดริด, ไม่มีแชมป์ ซูเปอร์ คัพ, ไม่มีแชมป์ศึกชิงแชมป์สโมสรโลก และไม่มีจุดเริ่มต้นของแชมป์ พรีเมียร์ลีก แน่ๆ
HOSSALONSO
#Alisson #Becker #Klopp #Liverpool #hossalonso #BootRoom
Ref. The Athletic
โฆษณา