24 ก.ค. 2020 เวลา 08:00 • ปรัชญา
น้ำเต็มแก้วหรอ เตะมันให้ล้มสิ!
ผมได้ยินครั้งแรกก็ถึงกับสงสัยเลยว่า การจะทำให้คนที่มีแต่ Fixed Mindset เปลี่ยนไปแบบหน้ามือเป็นหลังมือเหมือนเตะแก้วที่มีน้ำเต็มเปี่ยมอยู่ให้ล้มลงทันที สามารถทำได้จริงหรอ?
แต่พอลองมานั่งนึกดูใหม่อีกที จริงๆแล้วผมก็มีเหตุการณ์โดนคนอื่น "เตะแก้วน้ำของผม" ล้มไม่เป็นท่าอยู่หลายเหตุการณ์
ตอนนั้นผมเรียนอยู่ปี 2 เทอม 1 เป็นช่วงเวลาที่ผมค่อนข้างมั่นใจในความเก่งของตัวเองมากเลยทีเดียว ขณะที่ว่า "ถ้าเป็นไลฟ์โค้ชได้ก็คงจะเป็นไปแล้ว" แต่นั่นก็เป็นแค่คนนึกคิดของผมว่าตัวเองรอบรู้ไปเสียทุกอย่างแล้ว เก่งกว่าคนอื่นแล้ว (เรียกสั้นๆ ว่า อวดเก่งนั่นเอง) จนวันนั้นผมได้พบว่าพี่ที่ตอนแรกผมก็นึกว่าเขาน่าจะอายุสัก 20 ไม่ก็ 21 ปี (แต่จริงๆ มากกว่านั้นเยอะครับ แต่พี่แกหน้าเด็กมากครับ) ก็คุยทำความรู้จักกันตามปกติของคนที่เพิ่งรู้จักกันใหม่ๆ แต่พอคุยมาสักพักอาการอวดเก่งของผมก็เก่งแสดงผล คุยว่าเคยเจอแบบนั้นแบบนี้มา อ่านหนังสือมาเยอะมาก เหมือนคนเข้าใจชีวิตมาเป็นสิบๆ ปี สุดท้ายพี่คนนั้นก็ยิงคำถามที่เหมือนโดนเตะแก้วน้ำล้มที่เรียกได้ว่า น่าจะแตกเป็นส่วนๆ
ประโยคมีใจความประมาณว่า "พี่ชอบนะ ที่น้องเล่าเรื่องที่อยู่ในหนังสือให้พี่ฟัง ดูก็รู้เลยว่าเป็นคนอ่านหนังสือเยอะมาก แต่ชีวิตน้องล่ะ น้องคือใครหรอ ไม่เห็นเล่าถึงคนที่ชื่อว่า เวฟ เลยว่าเป็นใคร ยังไง มีชีวิตเป็นแบบไหน?"
แก้วน้ำผมน่าจะละเอียดเป็นที่เรียบร้อยแล้วครับ หลังจากโดนประโยคนั้นไป ความอวดเก่งเหมือนไหลหายไปกับน้ำที่หกออกจากแก้วไปด้วย เหลือแต่ความสงสัยที่ถูกทิ้งไว้คือ แล้วผมเป็นใครกัน?
ผมใช้เวลาอยู่หลายเดือนมากกว่าจะค้นพบอะไรบางอย่างในตัวเอง วินาทีนั้นเหมือนเป็นจุดเปลี่ยนในชีวิตที่ทำให้ผมได้ทบทวนตัวเองอีกครั้งหนึ่งก่อนจะเดินหน้าต่อไป แต่ก็ต้องให้เวลากับตัวเองพอสมควรในการ healing ตัวเองจากรอยร้าวที่ถูกเตะแก้วให้ล้มลง
ดังนั้นผมจึงได้ขอสรุปว่า "การจะเตะแก้วน้ำของใครสักคนที่กำลังเต็มอยู่ให้ล้มลง สามารถทำได้ แต่ต้องทำในโอกาสที่เหมาะสม ทุกที่ ทุกเวลา จึงจะทำให้เกิดจุดเปลี่ยนได้ในอนาคต" คำว่าเหมาะสมในที่นี้อาจหมายถึง ความสัมพันธ์ที่ดีที่มีต่อกัน คงจะเป็นเรื่องยากถ้าจะให้คนที่เราเกลียดขี้หน้ามาสอนเราหรือบอกให้เราต้องเปลี่ยนแปลง จริงไหมครับ?
#wavestory
ติดตามอ่านบทความล้วนๆ ได้ที่
โฆษณา