21 ก.ค. 2020 เวลา 13:20 • ภาพยนตร์ & ซีรีส์
Rosemary's Baby (1968) :
หนังสยองขวัญต้องคำสาปของโรมัน โปลันสกี้
1
เมื่อโรเบิร์ต อีแวน ผู้บริหารของพาราเม้าท์ พิคเจอร์ มีโครงการที่จะนำนิยายสยองขวัญเรื่อง Rosemary's Baby ของ ไอร่า เลวิน (Ira Levin) มาทำเป็นภาพยนตร์ เขาจึงติดต่อโรมัน โปลันสกี้ ให้มากำกับภาพยนตร์เรื่องนี้
ซึ่งเนื้อหาของนิยายเรื่อง Rosemary's Baby นั้น ทั้งสยองขวัญและท้าทายต่อความเชื่อของผู้คนเป็นอย่างมาก
.
.
มีการนำประเด็นเรื่องการกำเนิดของพระเยซูคริสต์ มาดัดแปลงและเสียดสีผ่านเนื้อหาของนิยาย โดยการสร้างตัวละครให้มีการตั้งครรภ์และดำเนินเรื่องไปสู่บทสรุปที่ถือว่าเป็นการท้าทายต่อพระเจ้า
1
โปลันสกี้เลือกที่จะทำหนังออกมาให้ตรงกับฉบับนิยายมากที่สุดและนั่นก็ทำให้เนื้อหาของหนังมีความตรงไปตรงมาในการนำเสนอเรื่องราวเกี่ยวกับการต่อต้านพระเจ้า
ความโดดเด่นของหนังเรื่องนี้ก็คือ ความสยองที่เกิดจากการพบเจอเหตุการณ์ต่างๆของโรสแมรี่ ซึ่งเป็นความหลอนที่ทำให้ผู้ชมตื่นเต้น ขนลุกและหวาดผวาไปพร้อมกับตัวละคร โดยที่ไม่มีผี หรือ ปีศาจโผล่มาแบบโจ่งแจ้งแม้แต่ครั้งเดียว
หนังเข้าฉายปี 1968 และในปี 1969 โปลันสกี้ก็ต้องเผชิญกับเหตุการณ์สยองขวัญที่มีความคล้ายคลึงกับสิ่งที่เกิดขึ้นในหนังเรื่องนี้ แม้บริบทและความสูญเสียจะต่างกัน แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับครอบครัวของเขาก็เหมือนจะเป็นโลกคู่ขนานของ Rosemary's Baby
เป็นการยากที่จะเขียนถึงเรื่องนี้โดยที่ไม่เปิดเผยเนื้อหาของหนัง เอาเป็นว่า...ผมจะพยายามเขียนสปอยด์เนื้อหาให้น้อยที่สุดเพื่อไม่ให้กระทบกับอรรถรสของผู้อ่านเมื่อไปดูหนัง
Rosemary's Baby เป็นเรื่องราวของโรสแมรี่ กับ กาย วู้ดเฮ้าส์ สองสามีภรรยาที่รักกันมาก ทั้งคู่ได้มองหาที่พักแห่งใหม่ที่พวกเขาจะเริ่มต้นสร้างครอบครัวเพื่อเตรียมพร้อมสำหรับการมีลูก โดยสถานที่ที่ทั้งสองเลือกก็คือ อพาร์เม้นท์สุดหรูใจกลางเมือง ซึ่งแม้ที่นี่จะมีเหตุการณ์แปลกๆเกิดขึ้นในอดีตแต่พวกเขาก็ไม่สนใจ
การย้ายมาอยู่ที่อพาร์ทเม้นต์แห่งนี้ก็ดำเนินไปอย่างปกติ จนกระทั่งพวกเขาได้มารู้จักกับโรมัน และ มินนี่ คาสเทเว็ต สองสามีภรรยาที่พักอยู่ห้องใกล้กัน
เพื่อนบ้านทั้งสองคนนี้ เข้ามาทักทายและตีสนิทกับครอบครัวของโรสแมรี่ ซึ่งในความสนิทที่เกิดขึ้นก็มาพร้อมกับท่าทีแปลกๆ เช่น การเข้ามาวุ่นวายในบ้านของโรสแมรี่มากเกินไป การพยายามช่วยเหลือและจัดการทุกอย่างในชีวิตของทั้งคู่
.
.
ซึ่งนั่นทำให้โรสแมรี่รู้สึกอึดอัด ท่าทีของเธอตรงข้ามโดยสิ้นเชิงกับกาย วู้ดเฮ้าส์ สามีของเธอซึ่งดูหมือนจะเข้ากับเพื่อนบ้านทั้งสองได้เป็นอย่างดี
แล้ววันหนึ่งโรสแมรี่ก็ตั้งท้อง
เธอมีอาการแปลกๆเกิดขึ้นกับตัวเอง ท่าทีของเพื่อนบ้านและสามีก็ไม่ปกติ
สาวท้องแรกที่น่าจะสมบูรณ์ สดใส แข็งแรง บัดนี้ได้กลายมาเป็นสาวผอมแห้ง ใบหน้าทรุดโทรมและหมองคล้ำ โรสแมรี่ไม่ทราบเลยว่าเกิดอะไรขึ้นกับร่างกายของเธอ มันเริ่มต้นมาตั้งแต่คืนที่เธอฝันแปลกๆนั่นแล้ว
เมื่อตั้งท้อง ทุกอย่างรอบตัวก็ดูไม่น่าไว้วางใจ
ทุกคนดูเหมือนว่ามีความลับซ่อนอยู่ และนั่นก็คือความสยองของหนังเรื่องนี้
.
.
เรื่องราวทั้งหมดที่ถ่ายทอดออกมาผู้ชมจะรับรู้ผ่านมุมมองของโรสแมรี่ ความอึดอัดและบรรยากาศแบบแปลกๆของคนรอบตัวทำให้คนดูขนลุกขนพอง
เราไม่รู้เลยว่าเกิดอะไรขึ้นบ้างจนมาถึงบทสรุปของหนัง ซึ่งเรื่องราวทั้งหมดก็ถูกเฉลยพร้อมฉากจบแบบปลายเปิด และบรรยากาศตอนจบยิ่งชวนให้สยองมากขึ้น ก่อนที่หนังจะจบลงไปดื้อๆแบบนั้น (ไม่เฉลยตอนจบครับ อยากให้ไปดูเอง)
หนังได้รับการตอบรับเป็นอย่างดีพร้อมทั้งเสียงชื่นชมจากนักวิจารณ์ และ Ruth Gordon ที่แสดงเป็นมินนี่ คาสเทเว็ตก็สามารถคว้ารางวัลออสการ์สาขานักแสดงสมทบหญิงยอดเยี่ยมมาได้
หลังจากหนังออกฉายไปได้ราวหนึ่งปี ก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันขึ้น ซึ่งเหตุที่เกิดขึ้นนี้ไม่ได้เกิดกับโปลันสกี้เพียงคนเดียว
หลังจากที่ภาพยนตร์ออกฉายได้ไม่นานหนี่งในนักแสดงอย่าง Sidney Blackmer ที่รับบทเป็นโรมัน คาสเทเว็ต ก็ได้รับความทรมานจากโรคนิ่วในระดับรุนแรงจนต้องเข้ารับการผ่าตัด
.
.
หลังจากรักษาหายก็มาถึงคิวของคนแต่งเพลงประกอบหนังอย่าง Krzysztof Komeda ที่เกิดอุบัติเหตุตกเขาจนอาการสาหัสโคม่าอยู่สี่เดือน ก่อนจะเสียชีวิตในเวลาต่อมา (เพลงประกอบของหนังเรื่องนี้หลอนมากครับ)
เมษายน ปี 1969 วิลเลี่ยม คาสเซิล (William Castle)โปรดิวเซอร์ของหนังก็ล้มป่วยลงด้วยโรคเครียดและวิตกกังวล
เขาเห็นภาพหลอนเป็นเหตุการณ์ในภาพยนตร์ และได้ตะโกนออกมาว่า " Rosemary, for God’s sake, drop the knife!"(โรสแมรี่ ได้โปรดเห็นแก่พระเจ้าเถอะ วางมีดนั่นลงซะ !) หลังจากนั้นเขาก็เสียชีวิตด้วยอาการไตวาย
เรื่องที่เกิดขึ้นทั้งหมดนี้ ยังนับว่าน้อยมากเมื่อเทียบกับเรื่องของโปลันสกี้
เขามีชีวิตที่น่าอิจฉาเป็นอย่างมากเพราะประสบความสำเร็จทั้งเรื่องงาน และครอบครัว เขาได้แต่งงานกับชารอน เท็ต ซึ่งเป็นนางแบบชื่อดังของวงการ เธอทั้งสวยและเซ็กซี่ ทั้งสองใช้ชีวิตอยู่ในคฤหาสน์หรูย่านเบเวอลี่ ฮิลล์ แคลิฟอร์เนีย
โรมัน โปลันสกี้ และภรรยาของเขา ชารอน เท็ต
เหตุการณ์เกิดขึ้นในวันที่ 9 สิงหาคม ปี 1969 ขณะที่โปลันสกี้กำลังทำงานอยู่ที่ลอนดอน ประเทศอังกฤษ ตอนนั้นภรรยาของเขาตั้งท้องได้ 8 เดือน ในคืนนั้นมีเหตุฆาตกรรมเกิดขึ้นที่บ้านของโปลันสกี้ ซึ่งมีผู้เสียชีวิตทั้งหมด 5 คน
ผู้เสียชีวิตทุกคน นอนตายเรียงรายอยู่ภายในบ้านด้วยสภาพที่ถูกทำร้ายอย่างเหี้ยมโหด ทั้งถูกทุบด้วยของแข็งเข้าที่ศรีษะ ถูกแทงด้วยของมีคม
บางศพพบบาดแผลไม่ต่ำกว่า 50 แห่ง และหนึ่งในผู้เสียชีวิตก็คือ ชาลอน เท็ต ภรรยาของโปลันสกี้ เธอถูกแทงทั่วร่างกายมากกว่า 16 แผล
เหตุฆาตกรรมครั้งนี้เกิดขึ้นจากลัทธิ " แมนสัน แฟมมิลี่ " เป็นคดีฆาตกรรมที่สะเทือนขวัญที่สุดในวงการฮอลลีวูด ส่วนสาเหตุของการฆาตกรรมเกิดขึ้นเพราะชาร์ลส์ แมนสันซึ่งเป็นผู้นำลัทธิ เกิดความไม่พอใจโปรดิวเซอร์คนหนึ่งเพราะปฏิเสธที่จะทำอัลบั้มให้เขา
ชาร์ล แมนสันจึงนำลูกสมุนไปล้างแค้นด้วยการฆ่าทุกคนที่อยู่ในคฤหาสน์หลังนี้ โดยที่ไม่รู้เลยว่าโปรดิวเซอร์คนนี้ได้ให้โปลันสกี้เช่าคฤหาสน์ต่อจากเขาแล้ว
คดีนี้โหดร้ายและสะเทือนขวัญอย่างมาก สภาพศพของแต่ละคนบ่งชี้ว่าพวกเขาโดนทารุณและทำร้ายอย่างเหี้ยมโหดมากกว่าที่ผมบรรยายไว้มาก ซึ่งเรื่องราวของคดีนี้ก็คือส่วนหนึ่งในหนังเรื่อง " once upon a time in hollywood " นั่นเอง
การตายของชาลอน เท็ต ทำให้โปลันสกี้แทบจะสติแตก มีการเชื่อมโยงสาเหตุของการฆาตกรรมว่า เป็นเพราะโปลันสกี้กำกับหนังเรื่อง Rosemary's Baby ซึ่งเป็นหนังที่พูดถึงปีศาจและอำนาจชั่วร้าย ถือเป็นหนังเรื่องแรกที่ท้าทายต่อความเชื่อ ความศรัทธาต่อพระเจ้า และนี่คือผลจากอาถรรพ์ของหนังเรื่องนี้
ซึ่งคำกล่าวอ้างนี้จะเป็นความจริงหรือเป็นแค่เพียงเหตุบังเอิญก็ไม่อาจทราบได้ แต่เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นกับชารอน เท็ต ขณะที่เธอกำลังตั้งครรภ์ก็มีความคล้ายคลึงกับเรื่องราวของโรสแมรี่ โดยมี " ชาร์ล แมนสัน " ผู้ซึ่งเปรียบเสมือนตัวแทนของซาตานทำหน้าที่ในการเชื่อมโยงโลกทั้งสองเข้าไว้ด้วยกัน และนี่คือหนึ่งในหนังสยองขวัญที่คลาสสิคและเต็มไปด้วยปริศนาเรื่องหนึ่งของฮอลลีวูด
ภาพประกอบจาก :
โฆษณา