22 ก.ค. 2020 เวลา 11:55 • สัตว์เลี้ยง
วูล์ฟด็อก ลูกครึ่งระหว่างสุนัขบ้านและสุนัขป่า
สวัสดีครับเพื่อน ๆ ทุกคน กลับมาพบกันอีกครั้งที่เพจ “อยากเล่า” นะครับ
วันนี้ผมจะมาเล่าสัตว์ชนิดหนึ่ง ที่รับรองว่ามีเรื่องราวน่าสนใจแน่นอนครับ
สัตว์ชนิดนั้นคือ “วูล์ฟด็อก” ลูกผสมระหว่างสุนัขบ้านและสุนัขป่านั่นเองครับ
สัตว์ชนิดนี้จะมีความพิเศษอย่างไร เราไปรับชมพร้อม ๆ กันเลยดีกว่าครับ
วูล์ฟด็อก (Wolfdog) เป็นสัตว์ที่มีลักษณะตรงตามชื่อเลยครับ คือเป็นลูกผสมระหว่างสุนัขบ้านและสุนัขป่า ที่มนุษย์เพาะพันธุ์ขึ้นมาจนเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่
ซึ่งจริง ๆ แล้วเรื่องนี้ก็ไม่ใช่เรื่องใหม่อะไรครับ เพราะจริง ๆ แล้วการให้สุนัขบ้านและสุนัขป่าผสมพันธุ์กันจนเกิดเป็นสายพันธุ์ใหม่ก็มีมาตั้งนานแล้ว ซึ่งวูลฟ์ด็อกเหล่านั้นก็เป็นต้นกำเนิดของสุนัขบ้านหลาย ๆ สายพันธุ์ที่เรารู้จักกันดี อย่างเช่นปอมเมอเรเนี่ยนหรือเยอรมันเชพเพิร์ด
เชคโกสโลวัคเกี้ยน วูล์ฟด็อก (Czechoslovakian Wolfdog)
แต่วูล์ฟด็อกที่เราจะมาเล่าถึงกันในวันนี้ ก็คือเกิดจากสุนัขบ้านที่สายพันธุ์ยังคงใกล้เคียงกับสุนัขป่าอย่าง ไซบีเรียนฮัสกี้หรือเยอรมันเชพเพิร์ด มาผสมพันธุ์กับสุนัขป่าแท้ ๆ อย่างเช่นสุนัขป่าสีเทา, สุนัขป่าตะวันออก, สุนัขป่าแดงหรือสุนัขป่าเอธิโอเปีย สายพันธุ์ใดสายพันธุ์ในสี่สายพันธุ์เป็นหลักครับ
นั่นทำให้วูล์ฟด็อกที่เกิดมามีลักษณะค่อนไปทางสุนัขป่ามากกว่าสุนัขบ้าน มีความสง่างามและสุขุมสมกับเป็นสายพันธุ์นักล่า ทำให้เป็นที่นิยมเงียบ ๆ ในหมู่คนบางส่วน
แต่ว่าเร็ว ๆ นี้ด้วยกระแสของซีรีส์ Game of Throne ที่ตัวละครหลักมีสัตว์เลี้ยงเป็นสุนัขป่า ทำให้หลาย ๆ คนเริ่มสนใจวูล์ฟด็อกเหล่านี้ และเริ่มมีการนำเอามาเป็นสัตว์เลี้ยงมากขึ้น
Direwolf จากซีรีส์ Game of Throne
แต่แน่นอนครับ เพราะครึ่งหนึ่งของสายเลือดนั้นมาจากสัตว์ป่า ทำให้วูล์ฟด็อกนั้นฝึกให้เชื่องค่อนข้างยากมาก อีกทั้งยังตัวใหญ่และยังมีพลังเยอะ ทำให้ยุ่งยากในการเลี้ยงและพาไปเดินเล่น
นอกเหนือไปกว่านั้น วูล์ฟด็อกหลาย ๆ ตัวก็เรียกได้ว่าเป็นสัตว์กินเนื้อโดยสมบูรณ์ ในหนึ่งวันจำเป็นต้องกินเนื้อสดเป็นจำนวนมาก ทำให้ไม่เหมาะเป็นสัตว์เลี้ยง หลาย ๆ คนที่ประสบปัญหาจึงมักจะปล่อยมันเข้าป่า จนกลายเป็นปัญหาขึ้นมา
เพราะว่าวูล์ฟด็อกที่ถูกนำมาปล่อยไม่ได้รับการฝึกและเรียนรู้การล่าเหยื่อตั้งแต่เด็ก ๆ จึงไม่ได้มีสัญชาตญาณในการเอาชีวิตรอดในธรรมชาติ และนอกจากนี้ยังไม่สามารถรวมกลุ่มกับสุนัขป่าปกติได้อีกด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม ก็ไม่ใช่ว่าวูลฟ์ด็อกเป็นสัตว์ที่ไม่สามารถเลี้ยงได้โดยสมบูรณ์นะครับ เพราะถ้าเป็นวูลฟ์ด็อกที่เกิดจากสุนัขป่าที่ไม่ดุ ผสมกับสุนัขบ้านที่นิสัยดี ก็มีโอกาสที่จะทำให้มันเป็นสุนัขที่ตัวใหญ่แต่ใจดีและอ่อนโยนได้เช่นกัน
วูล์ฟด็อกที่เป็นสัตว์เลี้ยง
แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น ก็จำเป็นต้องรีบเอามาฝึกโดยผู้เชี่ยวชาญภายใน 15 วันทันทีที่มันเกิดมา และหากฝึกมันได้สำเร็จ มันก็จะเป็นสัตว์ที่จงรักภักดีและซื่อสัตย์ต่อเจ้านายมาก เพราะเป็นลักษณะนิสัยที่มาจากสายเลือดสุนัขป่าที่อาศัยอยู่รวมกันเป็นฝูง
เรียกได้ว่าเป็นสัตว์อีกหนึ่งชนิดที่มีเอกลักษณ์และเรื่องราวที่น่าสนใจอีกหนึ่งสายพันธุ์ครับ
เป็นอย่างไรบ้างครับ กับบทความในครั้งนี้ ถูกใจกันหรือเปล่า
เช่นเคยครับ หากชื่นชอบบทความแบบนี้ อย่าลืมกดไลค์ กดแชร์ และกดติดตามได้ที่เพจ “อยากเล่า” นะครับ
โฆษณา