Blockdit Logo
Blockdit Logo (Mobile)
สำรวจ
ลงทุน
คำถาม
เข้าสู่ระบบ
มีบัญชีอยู่แล้ว?
เข้าสู่ระบบ
หรือ
ลงทะเบียน
Ghosts and legends
•
ติดตาม
23 ก.ค. 2020 เวลา 00:11 • บันเทิง
📍"เรื่องเล่า เเละ ประสบการณ์ขนหัวลุก"
( ตอนที่ 2 ) "โรงเเรมหลอน สุดเฮี้ยน"
⭕ต่อจากความเดิมตอนที่เเล้ว ใครที่พลาด ยังไม่ได้อ่าน ตอนที่ 1 ให้กลับไปอ่านก่อนนะครับ เดี๋ยวจะไม่เข้าใจเอา
ใครที่อ่านเเล้ว เรามาต่อกับ
เรื่องราวของโรงเเรมเเห่งนี้กันต่อเลย
( ความเดิมตอนที่เเล้ว หลังจากที่ชายคนนี้
ได้รับรู้กับสิ่งที่เด็กๆได้ตะโกนออกมา ว่า
"เดี๋ยวยายจวนจะมาหักคอเอา" สรุปเเล้ว
ยายจวนนั้น ได้ตายไปเเล้วจริงๆอย่างงั้นหรอ
เเล้วในหัวสมองเค้าในตอนนี้ จะรับมือกับสถานการณ์ในตอนนี้ยังไง )
ทันทีทันใดนั้น ผมหันไปมองป้าแม่บ้าน
ที่คุยกันกับผมที่อยู่ตรงหน้าห้องพักเมื่อครู่
ทุกกอย่างว่างเปล่า ไม่มีใครอยู่ตรงนั้นเลย
หากแต่ยังได้ยินเสียงอยู่
("เเกร๊ก!!...เเกร๊ก!!...เเกร๊ก!!...เเกร๊ก!!") เป็นจังหวะ
แต่คราวนี้ ผมไม่รู้ว่าเสียงมันดังมาจากทางไหน ขนแขนตั้งชันโดยอัตโนมัติ ความรู้สึกตอนนี้ เหมือนถูกทิ้งอยู่ในที่ห่างไกลไร้ผู้คน
มันรู้สึกกลัวและสับสนอย่างบอกไม่ถูก
จะเดินกลับเข้าห้องพักตอนนี้
ก็รู้สึกว่าไกลเหลือเกิน มองกลับไป
ก็เห็นช่องของบันไดทางลงอีกฝั่ง
ที่ไม่มีแสงไฟให้เห็นในเวลานี้เลย
มันทั้งมืด มันไม่ใช่ทางที่คนจะต้องไปเดิน
ถ้าไม่ไปกินข้าวคืนนี้ ก็คงต้องนอนหิวทั้งคืน
ผมตัดสินใจรีบเดินลงไปชั้นล่าง
เพื่อตรงไปที่ห้องอาหาร
ที่เดินผ่านมาเมื่อเย็นนี้ทันที
หวังในใจว่าน่าจะเจอแขกของโรงแรมคนอื่นบ้าง หรืออย่างน้อย ก็ต้องเจอเจ้าหน้าที่โรงแรม
ในห้องอาหารแน่นอน ก่อนถึงห้องอาหาร
ผมก็เจอเด็ก 3 คนวิ่งเล่นอยู่แถวนั้นพอดี
("เอาวะ!!! เพื่อขจัดความสงสัยก่อนหน้านั้น
ว่าเด็กคือคน แล้วยายจวนคือผีรึปล่าว?")
ผมเอ่ยปากเรียกเด็กๆอย่างใจกล้า
("หนู!!..หนู!!..ไอหนู!!")
เด็กๆหยุดเล่นแล้วหันมาพร้อมกัน
("พี่ขอถามอะไรหน่อย ที่ว่ายายจวน...ยายจวนหรือผียายจวนน่ะ คืออะไรหรอ?")
หนึ่งในนั้นเอ่ยขึ้น ด้วยสีหน้าตื่นเต้น
("ก็ผียายจวนไง แกเป็นแม่บ้านที่นี่")
ผมนิ่งอึ้ง!! ใจหายว่าบ!! เเล้วเด็กผู้หญิงก็พูดต่อว่า
("แม่หนูบอกว่า ไม่ให้มาวิ่งเล่นแถวนี้คนเดียว
เดี๋ยวโดนผียายจวนจับหักคอเอา
ไปกันเถอะ!! เดี๋ยวผียายจวนมาหักคอพวกเรา")
แล้วเด็กก็พากันวิ่งไปทางตึกหน้าของโรงแรม
ผมยังนิ่งอยู่กับที่
หน้าแม่บ้านของโรงแรมนาม "รัญจวน"
ลอยเข้ามาในความคิด
แม่บ้านต้องทำงานกะดึกด้วยเหรอ
เเต่เด็กวัยไร้เดียงสา ไม่น่าจะหลอกเรามั้ง
เพราะเป็นสิ่งที่เขาพูดออกมาในครั้งแรก
ก่อนเราถามในครั้งนี้ด้วยซ้ำ
("หรือว่า แม่บ้านที่เราเจอไม่ใช่คน หึ้ยย!!
นี่ยังไม่ 2 ทุ่มเลย เฮี้ยนขนาดนี้เลยหรอว๊ะ!!")
ผมนึกสงสัยอยู่ในใจ
ยังไม่ทันที่จะได้คิดสิ่งอื่น
ก็มีเสียงหนึ่งเข้ามาในความเงียบ
("เเกร๊ก!!...เเกร๊ก!!...เเกร๊ก!!...เเกร๊ก!!")
พร้อมกับเสียงไอที่ดัง
มันดังมาจากชั้น 2 และใกล้เข้ามาเรื่อยๆ
เหมือนกำลังจะลงมาชั้น 1 ใกล้กับจุดที่ผมยืนอยู่ ผมกึ่งเดินกึ่งวิ่งไปที่ห้องอาหารทันที
ประตูห้องอาหารถูกเปิดโดยที่ไม่ต้องรอเจ้าหน้าที่มาบริการ
อากาศในห้องเย็นเฉียบ ที่เปรียบกับด้านนอก
มันเหมือนอยู่กันคนละโลก
ผมยืนเก้ๆกังๆอยู่แปปนึง
ก็มีเจ้าหน้าที่บริการของโรงแรม
เดินออกมาจากหลังเคาน์เตอร์
("รับอะไรดีครับ")
บริกรหนุ่มถามผมด้วยความสุภาพ
ผมสั่งอาหารจานเดียวง่ายๆ
และเดินไปนั่งที่โต๊ะนึงใกล้เคาน์เตอร์
สาเหตุที่เลือกตรงนี้นะเหรอ หึ่! เพราะมันสว่างสุดเเล้วอ่ะดิ่ถามได้ ใกล้โคมไฟด้วย
แล้วไอ้หนุ่มบริกร ก็เดินจัดนู่นจัดนี่อยู่ตรงนั้นด้วย
ทำให้รู้สึกว่าเราไม่ได้อยู่คนเดียวในห้องนี้ หลังจากรับออเดอร์แล้วเอาไปส่งในครัว เจ้าหน้าที่ของโรงแรมหนึ่งเดียวในห้องนี้ก็เอาน้ำมาเสิร์ฟ
แล้วก็เอ่ยขึ้นว่า
("ดูเหมือนพี่ไม่ค่อยสบายรึเปล่าครับ
เดี๋ยวผมลดแอร์ให้ หรือจะเอายาลดไข้
ที่โรงแรมก็มีนะครับ")
อาการของผม คงเหมือนคนไม่สบายจริงๆ
เจอขนาดนี้ ถ้าสบายดีนี่สิ่เเปลก
("อ่อ..ไม่เป็นไรน้องขอบใจมาก
พี่แค่ตกใจอะไรนิดหน่อย")
จริงๆแล้วตกใจหนักมาก ถึงมากที่สุด
("มีเรื่องอะไรบอกผมได้นะครับ
หรือต้องการอะไรเพิ่มเติมแจ้งได้เลยครับ
"ผมชื่อจิต"
เป็นผู้ช่วยผู้จัดการห้องอาหารที่นี่ครับ")
ระหว่างรออาหาร ผมคิดจะถามดู คงไม่เสียหาย ถ้าเรื่องที่เราสงสัยไม่เป็นอย่างที่คิดจะได้สบายใจ อีกอย่างจะได้มีเพื่อนคุยด้วย
บอกตรงๆผมไม่อยากอยู่คนเดียว
ผมจึงเล่าเรื่องที่เจอมาเมื่อก่อนหน้านี้
ให้เค้าฟัง
หลังจากเค้าฟังจบ เเต่สีหน้าของเค้า
ดูค่อนข้างเฉยมาก
เหมือนไมเคย่มีอะไรเกิดขึ้นเลย
("เรื่องแบบนี้แขกเจอกันหลายคนครับ
ผมจะบอกพี่อย่างไม่ปิดบังเลยละกันครับ")
ผมก็คิดในจอยู่นะ เรื่องเเบบนี้ เอามาบอกให้เเขกรู้
มันเป็นจะเป็นผลเสียต่อโรงเเรมมั้ย
เเต่เค้าก็เป็นคนในโรงเเรม เเต่ ช่างมันเถอะ
ใหนๆเค้าก็อยากจะบอก
("เรื่องที่เด็กเล่าให้พี่ฟัง เป็นเรื่องจริงครับ!!")
แค่คำพูดประโยคแรก ก็ทำให้ผมช็อคไปอีกครั้งผมนี่ฟังอ้าปากค้างเลย
("ป้าจวนที่พี่เจอน่ะ แกเป็นแม่บ้านของโรงแรมเเกป่วยออดๆแอดๆมานานละครับ
น่าจะเป็นโรคเกี่ยวกับปอด
ผมก็พูดไม่ถูกว่าชื่อโรคอะไร
แกไอติดต่อกันมาหลายเดือน
จะมาช่วงท้ายๆ ก่อนแกจะตาย แกไอหนักมาก")
ผมฟังมาถึงตอนนี้ เสียงไอที่เคยได้ยิน ก็เเว่วเข้ามาในความคิด มันยิ่งเพิ่มดีกรีความกลัวขึ้นไปอีก
("จนช่วงหลัง ป้าจวนก็ต้องออกไปรักษาตัว
ไม่นานก็ตาย
แต่แกก็ยังมาทำงานให้แขกเห็นบ่อยๆ
ไม่รู้จะมาทำไม หึ่หึ่หึ่ๆ")
"ธงจิต" จบประโยคด้วยเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆพร้อมรอยยิ้มที่มุมปาก เหมือนเฉยๆกับเรื่องที่เกิด
ผิดกับความรู้สึกของผมตอนนี้
ที่แม้จะยิ้มยังยากเลย
("แสดงว่าแม่บ้านที่พี่คุยด้วย คือ....!!")
ผมหยุดคำพูดไปแค่นั้น ความรู้สึกตอนนี้
เหมือนมีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอเลยหล่ะ
("ไม่มีใครอีกแล้วครับพี่ พี่โดนเเล้วหล่ะ")
("แต่ยังมีอีกเรื่องนะครับ ที่พี่น่าจะยังไม่รู้")
ผมนี่ถึงกับเงยหน้ามองคนพูดอย่างไว - -
("ที่โรงแรมนี้ ไม่มีเด็กมาวิ่งเล่นนะครับ")
ไอบ้าเอ้ยย อะไรกันอีกครับเนี้ย
("เมื่อไม่นานมาเนี้ย มีลูกๆ ของเจ้าหน้าที่โรงแรมนี่แหละครับ มาวิ่งเล่นที่สนามเด็กเล่น
แล้วก็บนตึกพักของโรงแรมด้วย
ตามประสาเด็กหล่ะครับ
แล้วก็มีเด็ก 3 คน แอบไปเล่นน้ำในสระตอนค่ำ
พ่อแม่ก็ไม่รู้ ไม่มีใครเห็น
คงจะไปเล่นกันในสระของผู้ใหญ่
ก็เลยจมน้ำตายกันทั้ง 3 คน กว่าจะมาเจอกัน
ก็ผ่านไปเกือบชั่วโมงแล้วครับ")
("ตั้งแต่นั้นมา เจ้าของโรงแรมเขาก็เลยสั่งห้ามไม่ให้ลูกหลานของเจ้าหน้าที่โรงแรม
มาวุ่นวายแถวนี้อย่างเด็ดขาด
เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุแบบนี้อีก
แล้วก็จะได้ไม่รบกวนแขกที่มาพักด้วยครับ
ถ้าอย่างนี้เป็นไปไม่ได้เลยครับ
ที่จะมีเด็กมาวิ่งเล่นแถวนี้
แล้ววันนี้ก็ไม่มีเด็กเข้าพักที่โรงแรมด้วยครับ
ผมว่าเด็กๆที่พี่เจอ หน้าจะไม่ใช่คนเเล้วล่ะพี่")
("เห่ยย!!..นี่มาทีเดียว กูเจอเบิ้ลเลยเหรอ")
หลังจากนั้น "ธงจิต" เดินเข้าไปในครัวเพื่อจะเอาอาหารมาเสิร์ฟ
หลังจากได้อาหาร ผมจัดการรีบกินกับอาหารตรงหน้าจนหมดด้วยความรวดเร็ว
สายตาหลือบมองไปรอบห้องตลอด
เพราะความระแวงเเละก็กลัว
บริกรหนุ่ม ยังคงยืนทำงานของตนเองอยู่เงียบๆ
ไม่ไกลนัก หลังกินอาหารเสร็จ
ผมบอกเบอร์ห้องพักกับ "ธงจิต"
เพื่อให้คิดค่าอาหาร และผมจะจ่ายพร้อมค่าห้องตอน check out ในวันพรุ่งนี้
เค้าก็เอาบินให้ผมเซ็น เเละขอบคุณ
พร้อมกับเดินไปเปิดประตูให้
ก่อนออกไปผมหันไปถามเขารอบนึง
("น้อง...ปกติเรื่องแบบนี้คนของโรงแรมจะไม่เล่าให้แขกฟัง
พี่ถามจริงๆน้องไม่กลัวแขกหนีหมดเหรอ")
("จริงๆผมก็ไม่อยากพูดเรื่องนี้กับใครหรอกครับแต่หลังจากเกิดเรื่องขึ้น ทางเจ้าของโรงแรมเค้าก็ไม่ได้ทำอะไรเลย แม้แต่ทำบุญให้ พวกเขาก็เลยไม่ไปไหน ผมเลยคิดว่า ถ้ามีคนรู้เรื่องนี้เยอะๆเจ้าของโรงแรม เขาก็น่าจะทำอะไรให้มันดีขึ้นมาบ้างครับ")
ผมพยักหน้าแทนความเข้าใจไม่พูดอะไร
แล้วเดินออกมา ตอนนี้เป็นเวลา 2 ทุ่มเศษ
ผมต้องเดินกลับทางเดิม
ซึ่งความรู้สึกกลัวในตอนนี้
มันทวีคูณกว่าตอนขามามากนัก
ผมก้มหน้าก้มตาสาวเท้าด้วยความเร็วเเสง
บรรยากาศโดยรอบเงียบโครตๆ
มีเพียงเสียงรองเท้า
ที่กระทบกระเบื้องปูพื้นทางเดินเท่านั้นเเหละ
ที่ดังอยู่เป็นเพื่อนผม
มือล้วงกุญแจห้องพักที่อยู่ในกระเป๋ากางเกงเพื่อเตรียมพร้อม
เมื่อขึ้นบันไดมาถึงชั้น 2
ห้องยังอยู่เกือบสุดทางเดิน ทันไดนั้น!!
("เเกร๊ก..เเกร๊ก..เเกร๊ก..!!")
พร้อมกับเสียงไออีกเเล้วครับท่านน
ดังมาจากบันไดฝั่งตรงข้าม ยังไม่เห็นใคร
ผมหยุดนิ่งด้วยใจที่เต้นระทึก
เสียงนั้นกำลังใกล้เข้ามา
ผมตัดสินใจจะหันหลังวิ่งกลับ
เเต่ก่อนที่จะก้าวขาออกไปนั้น
ผมได้ยินเสียงหัวเราะคิกคักของกลุ่มเด็ก
ดังมาจากตีนบันไดชั้น 1 ที่ผมพึ่งเดินขึ้นมา
ถ้ากลับก็ต้องเจอผีเด็ก ไปต่อเจอผียายจวน
กูคงต้องตายตรงนี้เเน่ๆ เอาไงดีๆ
ผมตัดสินใจวิ่งอย่างสุดชีวิตเพื่อจะเข้าห้องให้ได้ ซึ่งนั่นก็หมายความว่า
ผมต้องวิ่งหาต้นเสียงของยายสปีด
เอ้ยย..ยายจวน ที่อยู่อีกฝั่ง
เสียงเด็กยังอยู่ข้างหลัง
เสียงไอยังคงดังอยู่เบื้องหน้า ให้ตายเถอะโรบิ้น!!
ทันทีที่วิ่งถึงหน้าห้อง
ผมรีบไขกุญแจทั้งสองมือที่สั่นเป็นเจ้าเข้า
หันซ้ายหันขวามองทั้งสองฝั่งของทางเดิน
เสียงไอ และ เสียงเเกร๊ก!!
ของพวกกุญแจยังได้ยินชัดเจน!!
บวกเสียงตัวเองตะโกนก้องอยู่ในหัว!!
("ทำไมยังไขไม่ได้สักทีว๊ะ!!!!")
📍สรุป ยายจวนเเละเด็ก เป็นผีงั้นหรอเนี่ยย!!
ไว้มาต่อกันในตอนสุดท้ายเร็วๆนี้
กับ (โรงเเรมหลอน สุดเฮี้ยน)
ถ้าชอบก็อย่าลืม กดไลค์ กดติดตาม หรือกดเเชร์
เพื่อเป็นกำลังใจให้กันนะครับ
กับ : Ghosts and legends
ขอขอบคุณ
Credit Photos :
https://pixabay.com
Credit เจ้าของเรื่อง : เดอะช็อคไทม์
บันทึก
3
8
3
8
โฆษณา
ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
© 2025 Blockdit
เกี่ยวกับ
ช่วยเหลือ
คำถามที่พบบ่อย
นโยบายการโฆษณาและบูสต์โพสต์
นโยบายความเป็นส่วนตัว
แนวทางการใช้แบรนด์ Blockdit
Blockdit เพื่อธุรกิจ
ไทย