24 ก.ค. 2020 เวลา 14:31 • ธุรกิจ
เจาะโลกปัจจุบัน....ไทยแลนด์ อีลิท การ์ด
ล่าสุด แคมเปญ ไทยแลนด์ อีลิท การ์ด ถูกปลุกชีพขึ้นมาท่ามกลางวิกฤต covid19
ทั่วโลกกำลังจับตามองไทย "ตาเป็นมัน" เพราะสาธารณสุขไทยเราได้รับเครดิตดี จนทั่วโลกยก ให้ เมืองไทยเป็น บังเกอร์ "ที่ปลอดภัย"
เมื่อ 2 วันก่อนผมได้วิเคาระห์ SWOT ของคนไทยกับการมาของ covid19
ซึ่งมันสอดคล้องกับการที่คนไทยจะผงาดง้ำค้ำโลก แต่ก็อยู่ในเงื่อนไข "การ์ดอย่าตก" นะ
เอาละลองมาดู รายละเอียดเจ้าบัตรนี้หน่อย..
บัตร Elite Card หรือ Thailand Elite Card เป็นบัตรที่มีรัฐบาลไทยเป็นเจ้าของ ดำเนินการโดยบริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด รัฐวิสาหกิจภายใต้การกำกับดูแลของการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (ททท.) เปิดขายให้กับชาวต่างชาติที่เดินทางเข้าประเทศไทย
โครงการ Thailand Elite Card เป็นโครงการที่เริ่มต้นขึ้นตั้งแต่ปี 2546 สมัยรัฐบาลนายทักษิณ ชินวัตร (1) โดยมีกลุ่มเป้าหมายคือลูกค้าประเภท ‘ซูเปอร์พรีเมี่ยม’ ให้สิทธิประโยชน์ต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็นการเดินทางเข้าออกไทยโดยยกเว้นวีซ่าเป็นเวลา 5 ปี การอำนวยความสะดวกด้านการลงทุนให้แก่สมาชิกที่มาทำธุรกรรมกับภาครัฐและเอกชน หรือสิทธิการถือครองที่ดินได้ 10 ไร่ เป็นต้น
อย่างไรก็ดีโครงการนี้ถูกหลายฝ่ายวิพากษ์วิจารณ์ว่า เป็นโครงการที่อาจไม่คุ้มค่าเท่าที่ควร เนื่องจากสมาชิกส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติ ที่มาใช้สิทธิประโยชน์จากสปา และสนามกอล์ฟเท่านั้น แทบไม่มีการนำเม็ดเงินมาลงทุนภายในประเทศ จึงส่งผลให้โครงการประสบปัญหาขาดทุนอย่างต่อเนื่อง
ข้อมูลจากสำนักข่าว The Independent ของประเทศอังกฤษ เคยเขียนรายงานระบุว่า ผู้ที่จะซื้อบัตร Thailand Elite Card ได้ จะต้องเสียค่าธรรมเนียมอย่างน้อย 60,000 ดอลลาร์สหรัฐอเมริกา หรือประมาณ 2 ล้านบาทสำหรับการพำนัก 20 ปี หรือจ่าย 30,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1 ล้านบาท หากต้องการพำนัก 10 ปี หลังจากนั้นต้องเสียค่าสมาชิกรายปี ปีละ 600 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 20,000 บาท
นอกจากนี้ยังมีสิทธิประโยชน์สำหรับบุคคลที่ต้องการพำนักระยะสั้น เป็นเวลา 5 ปี จ่ายค่าบัตรดังกล่าวประมาณ 15,000 ดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 520,000 บาท โดยไม่ต้องมีค่าธรรมเนียมรายปี ทั้งนี้หากมีการสมัครสมาชิกทั้งครอบครัว จะได้รับส่วนลดพิเศษด้วย
สำหรับการบริการหากถือบัตร Thailand Elite Card ดังกล่าว จะทำให้ผู้ถือบัตรได้รับบริการจากภาครัฐแสนสะดวกสบาย ตั้งแต่การผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองแบบ Fast-Track การอำนวยความสะดวกในการทำใบขับขี่ การขอใบอนุญาตทำงาน รวมถึงมีบริการคนรับใช้ส่วนตัวที่รัฐบาลจัดหาให้ มีบริการรถลีมูซีนรับส่งสนามบินฟรี ตรวจสุขภาพฟรี ปีละ 1 ครั้งด้วย
(ข้อมูลจาก
สอดคล้องกับโชคศิริ รอดบุญพา เมื่อครั้งดำรงตำแหน่งผู้จัดการใหญ่บริษัท ไทยแลนด์ พริวิเลจ คาร์ด จำกัด เคยให้สัมภาษณ์เว็บไซต์ Positioning ระบุตอนหนึ่งว่า กลุ่มเป้าหมายหลักของบัตรเน้นชาวต่างชาติล้วน ๆ เช่น นักท่องเที่ยวกระเป๋าหนัก นักธุรกิจที่เดินทาง (ค่าใช้จ่ายเฉลี่ย 2 หมื่นบาท/คน/วัน) แบ่งออกเป็น 1.กลุ่มอิลิท โมเมนต์ เน้นบริการท่องเที่ยวพักผ่อน เช่น เล่นกอล์ฟ สปา และใช้บริการเรือยอชต์ 2.กลุ่มอิลิท ลีฟวิ่ง เน้นให้บริการรักษาโรค เช่น ศัลยกรรม ทำฟัน และ 3.กลุ่มพักระยะยาว (ลองสเตย์)
สิทธิประโยชน์เด่น ๆ นอกเหนือจากบริการพิเศษทั่วไป สำหรับสมาชิกขึ้นอยู่กับประเภทสมาชิก หากเป็นกลุ่มนักธุรกิจที่ติดต่อค้าขาย ก็สามารถได้โอกาสที่จะเข้าติดต่อกับเจ้าหน้าที่ระดับสูงในหน่วยงานราชการได้ก่อนและสะดวก รวดเร็วกว่า
“บัตรนี้ ถ้าเป็นนักธุรกิจที่ต้องการติดต่อเจรจา ปรึกษากับเจ้าหน้าที่ระดับสูงของรัฐบาลก็จะได้รับการอำนวยความสะดวกให้รวดเร็วขึ้น และแน่นอนกว่าเดิม เพราะเราถือว่าเป็นสมาชิกของประเทศไทยคนหนึ่ง” โชคศิริ ระบุ
(อ้างอิงข้อมูลจาก : https://positioningmag.com/8307)
โอเค ผมอ่านดูแล้ว มองว่ามีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดีแน่ ถ้า "การ์ดไม่ตก"
แต่ถ้า การ์ดตก คงฟกช้ำน่าดูววว์ 😂
โฆษณา