29 ก.ค. 2020 เวลา 13:45
ยูโรเริ่มฟื้นแล้ว ฝากปลุกไทยด้วยแม่!😴//ด้านเน็ตไอดอลชื่อดัง ไม่เชื่อคนไทยตกงาน ยืนยัน งานเข้าเพียบ แนะนำเป้าหมายมีไว้พุ่งชน🏎
ล่าสุดเมื่อช่วงอาทิตก่อนๆ สหภาพยุโรปได้ผ่านข้อตกลง กองทุนฟื้นฟูยุโรป ซึ่งมีมูลค่าสูงถึง 7.5แสนล้านยูโร หรือประมาณ 28ล้านล้านบาท (เกือบ2เท่าของขนาดGDPไทย)
โดยก้อน 7.5แสนล้าน แบ่งออกเป็น2ก้อน
1)ก้อนแรก3.9แสนล้านเป็นก้อนช่วยเหลือแบบให้เปล่า
ส่วน 2)อีกก้อนเป็น 3.6แสนล้านเป็นเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำ
โดยแต่ละประเทศต้องร่างแผนการใช้เงิน และให้เสียงส่วนใหญ่ในสภายุโรปอนุมัติ สังเกตว่าไม่ได้ให้ประเทศใดประเทศหนึ่งมีสิทธิ์เด็ดขาดในการยับยั้ง(Veto right) หมายความว่าโอกาสที่แผนร่างของแต่ละประเทศจะโดนปัดตก ก็ไม่ได้มากมายอะไร
ส่วนประเทศที่ไม่ได้เดือดร้อนอะไรมาก และไม่ได้ต้องการเงินจากกองทุนนี้มากมายอะไร อย่างกลุ่มประเทศ 4หัวใจแห่งขุนเขา "Frugal four" (อารมณ์ F4ของยูโร)ประกอบไปด้วย เนเธอร์แลนด์, สวีเดน, เดนมาร์ก และออสเตรีย ก็สามารถนำส่วนที่ตัวเองไม่ได้เอาออกไปใช้ มาหักลบจากค่าสมาชิกที่ต้องจ่ายสหภาพยูโรได้ในอนาคต
และร่างคร่าวๆของบางประเทศมีออกมาประมาณว่า
อิตาลีร่างขอไว้ 2.1แสนล้านยูโร แบ่งเป็นส่วนแบบให้เปล่าประมาณ 1/3 ส่วนอีก 2/3 เป็นส่วนเงินกู้
สเปนร่างขอไว้ 1.4แสนล้านยูโร แบ่งเป็นส่วนที่ให้เปล่ากับส่วนของเงินกู้อย่างละครึ่ง
ฝรั่งเศสขอ 4หมื่นล้านยูโร โดยเป็นส่วนให้เปล่าทั้งหมด
โดยเงินกู้ทั้งหมดมีกำหนดเส้นตายในการคืนเงินคือปี 2058 หรืออีกประมาณ 38ปี
และพอข้อตกลงออกมา ก็ดูแล้วได้ผลตอบรับที่ดี โดยส่วนต่างระหว่างอัตราผลตอบแทนพันธบัตร 10ปี ระหว่างเยอรมันกับอีตาลี ลดต่ำลงแสดงถึงความเชื่อมั่นที่สูงขึ้นในประเทศที่อ่อนแอจากสถานการณ์นี้มากที่สุดอย่างอิตาลีได้เป็นอย่างดี
นอกจากนี้การออกกองทุนเพื่อฟื้นฟูสหภาพยูโรจะทำให้ตลาดตราสารหนี้น่าจะคึกคัก เพราะถึงแม้ปริมาณพันธบัตรจะเพิ่มมากขึ้นก็ตาม แต่ก็เป็นการเพิ่มของพันบัตรของ Rating AAA ซึ่งภือเป็นตราสารปลอดภัย
โดยพันธบัตรของสหภาพยูโรจะมาช่วยเพิ่มปริมาณกลุ่มตราสาร AAA ในสหภาพยูโรเพิ่ม นอกจากเยอรมัน เนเธอร์แลนด์ และลักซัมเบิร์ก
แนวโน้มที่จะเพิ่มขึ้นของตราสารปลอดภัยระดับ AAA ในยูโรแบบนี้ คนที่จะต้องร้อนๆหนาวๆหน่อยก็คงจะไม่พ้นเมกา เพราะเรตติ้งระดับเดียวกัน แต่สถานการณ์ภายในประเทศดูเหมือนจะยังคุมกันไม่ได้ อาจส่งผลให้ความต้องการที่จะถือพันธบัตรของเมกาลดน้อยลงก็เป็นได้
ซึ่งตัวเลขจ้างงานของเมกาดูยับเยินมาก เทียบกับยุโรปที่ดูซอฟๆ ด้วยเพราะโปรแกรมการันตีงาน
ในเยอรมัน มีการใช้นโยบาย ที่รัฐบาลจ่ายเงินเดือนให้พนักงานบริษัทประมาณ 67% ของเงินเดือน เพื่อป้องกันไม่ให้พนักงานโดนบริษัทเท นโยบายนี้เค้ามีชื่อว่า "Kurzarbeit"
นโยบายแนวนี้ เป็นจุดสำคัญที่ช่วยให้พนักงาน พอที่จะรักษางานของตัวเองเอาไว้ได้บ้าง ตัวเลขอัตราการว่างงานในยุโรป เลย"ยัง"ดูดีกว่าของในเมกา
รวมไปถึงการจัดการสถานการณ์ไวรัส ที่ยุโรปสามารถจัดการได้ดีกว่าฝั่งเมกาชัดเจน
ในขณะที่คุณทรัมป์ ผีเข้าผีออก ตบตีกับคนอื่นไปทั่ว จนไม่ได้จัดการสภานการณ์อย่างที่ควรจะทำ ไม่ได้แก้ไขบนพื้นฐานของความเป็นจริงและความโปร่งใส ทำให้ตัวเลขเคสไวรัสของเมกาพุ่งปรี้ดๆ
ซึ่งการพุ่งปรี้สแบบผีบ้า และตกงานแบบฟ้าผ่า ส่งผลต่อความเชื่อมั่นในการใช้จ่ายของประชาชน
จึงไม่ต้องแปลกใจว่า การฟื้นตัวของยุโรปจะออกมาดูดีกว่าของเมกา โดยตัวเลขที่วัดกิจกรรมทางเศรษฐกิจล่าสุดเห็นว่า ประเทศอย่างอิตาลีกับสเปนที่ตอนโดนหนักๆ ถือว่าพังกว่าเมกา แต่ตอนนี้กลับฟื้นตัวได้เร็วกว่าเมกากับสหราชอาณาจักรแล้ว
เห็นได้ชัดว่าการฟื้นตัว ต้องมาพร้อมกับการควบคุมสถานการณ์ไวรัส และนโยบายสนับสนุนทางเศรษฐกิจ
สำหรับประเทศไทย คุมไวรัสได้แล้ว แต่นโยบายเพื่อช่วยในการจ้างงานยังไม่เห็นเป็นชิ้นเป็นอัน จึงไม่ต้องแปลกใจที่จะเห็นข่าวเลิกจ้างออกมาเรื่อยๆ
และเชื่อว่าสำหรับประเทศที่พึ่งพาเงินชาวต่างชาติถึง 70% แล้วมาเจอสถานการณ์แบบนี้ เราคงต้องการนโยบายเพื่อมาสนับสนุนอีกเยอะ และหนึ่งในนั้นคือนโยบายการันตีงานแบบ Kurzarbeit ของเยอรมัน
และล่าสุดตอกย้ำความเหลื่อมล้ำขั้นสุดที่เราๆยังลุ้นตกงานกันรายวัน แต่บอส อยู่วิทยากลับมีงานเข้าเพียบ😅 ไม่ยุติธรรมเลยแม่!
โฆษณา