26 ก.ค. 2020 เวลา 06:12 • หนังสือ
จอห์นนีไปรบ – ความขมขื่นที่ควรกิน
“ต้องเขียนนิยายให้สนุกนะ” นี่คือคำพูดที่ผมได้เห็นบ่อยๆ เวลาที่แนะนำว่าจะเขียนนิยายอย่างไรให้ประสบความสำเร็จ คราวแรกที่ผมเห็นคำนี้มันก็เหมือนมีอะไรติดขัดอยู่ในความคิดผมเสมอ....และเมื่อผมอ่านหนังสือแปลเรื่อง จอห์นนีไปรบ ผมก็กระจ่างแจ้งถึงความติดขัดนั้นทันที
อันที่จริง...ผมโตมากับวรรณกรรมเพื่อชีวิต ผมชอบปาจิน หลู่ซวิ่น ลาว คำหอม จิตร ภูมิศักดิ์ แต่นั่นมันเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ดังนั้นเศษความทรงจำที่ติดอยู่มันเลยทำให้ผมติดขัดกับคำว่า “นิยายต้องสนุก” อยู่เสมอๆ
เรื่องย่อของจอห์นนีไปรบ ก็สั้นๆ ง่ายๆ มันคือเรื่องราวของเด็กหนุ่มชื่อ โจ บอนแฮม ที่ถูกเกณฑ์ไปรบในสงครามโลกครั้งที่ 1 โจเป็นเหยื่อคนหนึ่งของสงคราม เขาโดนลูกระเบิดจากฝ่ายเยอรมันพุ่งปะทะใส่ใบหน้า ใบหน้าหายไปทันทีครึ่งซีก และสะเก็ดระเบิดฉีกทึ้งแขนทั้งสองข้าง ขาทั้งสองข้างของเขาออกไปทั้งหมด
แต่ โจ บอนแฮม ไม่ตาย แพทย์ช่วยชีวิตเขาสำเร็จ ทำให้เขาเป็นก้อนเนื้อที่มีชีวิต รับรู้สิ่งใดๆ ไม่ได้เว้นแต่จากผัสสะผ่านการสัมผัสผิวอย่างเดียวเท่านั้น และนั่นก็คือ หน้าต่างใบเดียวที่เชื่อมต่อระหว่างห้วงคำนึงของก้อนเนื้อที่มีชีวิตกับโลกภายนอก
นักอ่านรุ่นนี้คงรู้จักดีกับคำว่า “มนุษย์หมู” ที่นิยายจีนชอบนำมาใช้ แต่โจ บอนแฮมเป็นยิ่งกว่า เพราะเขาไม่ได้ยิน มองไม่เห็น พูดไม่ได้ จมูกไม่ได้กลิ่น เขารู้สำนึกได้เพียงอย่างเดียว เมื่อนางพยาบาลมาสัมผัสร่างตามตารางเวลานานนับปี
นิยายหนาเกือบสามร้อยหน้าเล่มนี้ เล่าห้วงคำนึง และความรู้สึกของจิตวิญญาณของเด็กหนุ่มที่ถูกกักขังในร่างเนื้อที่ทำอะไรไม่ได้เลย วันเวลาของเขาล่วงเลยไปกับความคิดฟุ้งซ่าน การเฝ้าจับความรู้สึกร้อนหนาวของอากาศ ความสั่นสะเทือนของฝีเท้าของคนนางพยาบาลคนแล้วคนเล่าที่วนเวียนเข้ามาดูแลเขา วันดีคืนดีก็มีก็มีชายแปลกหน้าเข้ามาประดับเหรียญตราให้โจคลุ้มคลั่ง
ซึ่งสิ่งที่โจแสดงออกได้มากที่สุด ก็แค่โยกหัวขึ้นๆ ลงๆ โดยที่คนอื่นไม่เข้าใจว่าเขารู้สึกอะไรกันแน่เท่านั้นเอง
โจเป็นก้อนเนื้ออยู่บนเตียงพยาบาลนานถึงสามสี่ปี และอยู่มาวันหนึ่ง นางพยาบาลหน้าใหม่ก็มาเปิดประตูสู่โลกภายนอกอีกบานให้กับโจ ด้วยการเขียนตัวอักษรบนหน้าอกเขาเป็นข้อความว่า Merry Christmas และนั่นก็ทำให้โจหาวิธีสื่อสารกับคนบนโลกภายนอกออก เขาใช้การโยกคอของตัวเองเป็นรหัสมอร์ส บอกกล่าวความในใจเขากับผู้อื่น
โจบอกอะไร และเมื่อผู้อื่นรับรู้ความในใจที่โจบอก เขาตอบกลับมาว่าอย่างไรนั้น ผมไม่ขอเฉลย ก็ลองไปหาอ่านกันนะครับ
แต่ผมบอกได้อย่างเดียว ตลอดเวลาที่อ่านนิยายเล่มนี้ คนอ่านจะรับรู้ได้แต่ความระทมทุกข์ ความขมขื่น ความทุกขเวทนาของสมองที่อยู่ในก้อนเนื้อราวกับคนบ้า บางคราว ห้วงคำนึงของเขาก็วนเวียนกลับไปหาความทรงจำอันแสนหวาน แต่บอกให้รู้ไว้อย่าง ยิ่งโจมีความทรงจำอันหวานชื่นเท่าไหร่ มันก็ยิ่งขยายความรันทดของโจในขณะนั้นให้ใหญ่โตขึ้น
อย่าใช้คำว่า “สนุก” กับนิยายเรื่องนี้ แต่ผมก็อยากจะแนะนำนิยายเรื่องนี้ให้ทุกท่านได้ลองอ่าน วรรณกรรมที่ดีเมื่อผู้อ่านเสพไปแล้ว ผู้อ่านก็ควรตกผลึกทางความคิดและได้ซึมซับอะไรบางอย่างเข้าไป และดอลตัน ทรัมโบ ผู้แต่งนิยายเรื่องนี้ได้ถักทอตัวอักษรเล่าถึงทุกขเวทนาของเหยื่อสงครามได้อย่างกินใจยิ่ง แม้นิยายเรื่องนี้แต่งมาหลายสิบปีแล้ว ความระทมขมขื่นของโจ บอนแฮม ก็หาใช่เรื่องล้าสมัย เพราะแม้กระทั่งทุกวันนี้ ก็ยังมีลูกชาวบ้านที่ไปเสี่ยงตายและรอดกลับมาเป็นมนุษย์ที่ผุพังพร้อมกับเหรียญตราที่นายทหารเสื้อเรียบแปร้มอบให้กลับมาบ้านเป็นรางวัลอยู่ทุกปี...ทุกปี
และที่ขาดไม่ได้ คือฝีมือการแปลของคุณมโนภาษ เนาวรังสี ที่แปลเป็นภาษาไทยได้สวยงามและกินใจ อ่านลื่นและเข้าใจกระจ่างแจ้งทุกหน้า ทุกบรรทัด
โฆษณา