ข้อ 48. สมาชิกอาจร่วมกันจัดตั้งกองทุนไว้เป็นทุนหมุนเวียนสำหรับการบริหาร จัดการ หรือเพื่อการพัฒนา ปรับปรุงและซ่อมแซม หรือจัดซื้อทรัพย์สินของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร โดยเรียกเก็บจากสมาชิก เฉลี่ยตามอัตราส่วนที่ที่ประชุมใหญ่กำหนดเงินของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ประกอบด้วยรายได้และดอกเบี้ยของเงินแต่ละประเภทดังต่อไปนี้
(1) เงินกองทุนเดิมที่มีอยู่แล้ว
(2) เงินกองทุนสมทบที่ผู้จัดสรรที่ดินจัดให้
(3) เงินกองทุนที่จัดตั้งขึ้นใหม่
(4) เงินค่าใช้จ่ายที่เรียกเก็บจากสมาชิก รวมทั้งค่าทวงถาม และเบี้ยปรับจากผู้ที่ฝ่าฝืนและไม่ปฏิบัติตามข้อบังคับและระเบียบนี้
(5) เงินกองทุนที่เกิดขึ้นจากกิจกรรมต่าง ๆ
(6) เงินช่วยเหลือจากภาครัฐ เอกชน หรือเงินบริจาคโดยไม่มีเงื่อนไข
(7) เงินค้ำประกันการบำรุงรักษาสาธารณูปโภค ที่นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรได้รับโอนจากผู้จัดสรรที่ดินตามข้อบังคับ
ข้อ 49. สมาชิกแต่ละรายต้องออกค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษา การจัดการ สาธารณูปโภค รวมถึงบริการสาธารณะต่าง ๆ ที่จะเกิดขึ้นในแต่ละเดือนตามมติที่ประชุมใหญ่จะกำหนด อัตราการจัดเก็บ ให้สมาชิกชำระเป็นการล่วงหน้าและต้องชำระภายใน 7 วัน นับจากวันที่ได้รับแจ้งจากผู้มีอำนาจเรียกเก็บ โดยชำระ ณ สำนักงานที่ตั้งของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร หรือ โอนเงินเข้าบัญชีธนาคารของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
อัตราที่กำหนดไว้นี้ อาจเปลี่ยนแปลงได้ตามความเหมาะสมทางสภาพเศรษฐกิจ ซึ่งจะได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุมใหญ่
ข้อ 50. ให้เจ้าหน้าที่นิติบุคคลจัดเก็บค่าใช้จ่ายประจำเดือนตามข้อ 49. จากสมาชิกทุกรายตามขนาดพื้นที่ดินของสมาชิก ในอัตราตารางวาละ 25 บาทต่อเดือน (ยี่สิบห้าบาทต่อตารางวาต่อเดือน) โดยแบ่งการชำระเป็นรายเดือน แต่เพื่อให้การดำเนินการนิติบุคคลเป็นไปด้วยความเรียบร้อยและใช้เงินตามวัตถุประสงค์ สมาชิกควรชำระค่าส่วนกลางล่วงหน้า 3 เดือน 6 เดือน 9 เดือน 12 เดือน ให้ชำระภายในวันที่ 30 ของเดือน มกราคม ถึง 31 มีนาคม ของทุกปี
ข้อ 51. ให้สมาชิกทุกรายเป็นผู้ออกค่าใช้จ่ายประจำเดือน ตามอัตราที่กำหนดในข้อ50
ข้อ 52. การจัดเก็บค่าใช้จ่ายตามข้อ 50. หรือเงินอื่นใดจากสมาชิก ให้ผู้รับเงินออกหลักฐานเป็นหนังสือให้แก่ผู้ชำระเงินทุกครั้ง โดยหลักฐานดังกล่าวทุกฉบับต้องลงลายมือชื่อผู้จัดการนิติบุคคล หรือผู้ที่คณะกรรมการมอบหมายและมีสำเนาเก็บไว้ที่สำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร 1 ฉบับ
ข้อ 53.สมาชิกที่ชำระเงินค่าใช่จ่ายล่าช้ากว่าที่กำหนด หรือค้างชำระค่าใช้จ่าย หรือชำระค่าใช้จ่ายด้วยเช็คแต่ถูกปฏิเสธการจ่ายเงินให้ดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) ให้เจ้าหน้าที่นิติบุคคลทวงถามเป็นลายลักษณ์อักษรภายใน 15 วัน นับแต่วันครบกำหนดชำระ โดยให้ทวงถามเดือนละไม่เกิน 1 ครั้ง พร้อมกับแจ้งให้สมาชิกทราบว่าหลังจากสมาชิกได้รับหนังสือทวงถามแล้ว 7 วันยังไม่ชำระ นอกจากต้องชำระค่าทวงถามครั้งละ 500บาท (ห้าร้อยบาทถ้วน) แล้วยังต้องชำระค่าปรับในอัตราร้อยละ 10 ของจำนวนเงินที่ค้างชำระต่อเดือนเศษของเดือนให้นับเป็น 1 เดือน โดยต้องชำระทั้งค่าปรับและค่าทวงถามในวันที่ชำระค่าใช้จ่ายที่ค้างชำระ
(2) ให้เจ้าหน้าที่นิติบุคคลติดต่อสมาชิกที่ค้างชำระค่าใช้จ่ายตามข้อ 53 (1) ให้มาประนอมหนี้ตามแนวทางที่คณะกรรมการเห็นสมควร
(3) ให้คณะกรรมการมีอำนาจในการพิจารณาลดค่าใช้จ่ายที่ค้างชำระ หรือยกเว้นค่าทวงถามหรือค่าปรับให้แก่สมาชิกได้ตามที่เห็นสมควร โดยกำหนดหลักเกณฑ์หรือแนวทางปฏิบัติเพิ่มเติมให้เป็นไปเพื่อประโยชน์ของสมาชิก และนิติบุคคลบ้านจัดสรรได้โดยไม่ขัดหรือแย้งกับระเบียบนี้
ข้อ 54. การรับ การจ่ายและการเก็บรักษาเงินของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรตามข้อ 52. ให้อยู่ในความรับผิดชอบของกรรมการฝ่ายบริหารทั่วไป ผู้จัดการนิติหรือผู้ที่คณะกรรมการมอบหมาย โดยให้มีเงินสดหมุนเวียนในมือแต่ละครั้งได้ไม่เกิน 5,000 บาท (ห้าพันบาทถ้วน) และเปิดบัญชีฝากเงินไว้กับธนาคาร หรือสถาบันการเงินที่เชื่อถือได้ ตามประเภทของเงินฝากและวัตถุประสงค์ในการนำไปใช้จ่าย ตามรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปี ที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่
(1)เงินบริหารจัดการนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร และซ่อมแซมสาธารณูปโภคและบริการสาธารณะประจำปี ตามข้อ 48. (2) และ (4) เพื่อใช้ในการบริหารจัดการนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร และเป็นค่าจ้างเจ้าหน้าที่นิติบุคคล พนักงานรักษาความปลอดภัย พนักงานรักษาความสะอาด รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการบำรุงรักษาหรือซ่อมแซมสาธารณูปโภคที่ใช้งบประมาณไม่เกิน 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน) เช่นค่าซ่อมถนน ไฟฟ้า ประปา หรืองานสาธารณูปโภคอื่นๆ และเครื่องมือ เครื่องใช้ประจำสำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร
(2)เงินเพื่อการซ่อมแซมและบำรุงสาธารณูปโภคตามข้อ 48. (2) และ (4) เพื่อใช้เป็นค่าสร้างหรือซ่อมแซมสาธารณูปโภค หรือบริการสาธารณะที่ต้องใช้งบประมาณตั้งแต่ 100,000 บาท (หนึ่งแสนบาทถ้วน)
(3)เงินค้ำประกันสาธารณูปโภคตามข้อ 48. (7) เพื่อใช้เป็นค่าสร้าง หรือ ซ่อมแซมสาธารณูปโภค หรือบริการสาธารณะ ซึ่งต้องใช้งบประมาณมาก และเงินเพื่อการซ่อมแซมตามข้อ 54. (2) ไม่มีหรือมีไม่เพียงพอ
ข้อ 55. การถอนเงินฝาก หรือ โยกย้ายบัญชีเงินฝาก หรือปิดบัญชีเงินฝากจะกระทำมิได้เว้นแต่คณะกรรมการจะมีมติให้ความเห็นชอบแล้ว และให้เป็นไปตามระเบียบนี้ การโยกย้ายหรือการโอนเงินจากบัญชีเงินฝาก ต้องเป็นการโอนเงินเข้าบัญชีที่เป็นขื่อของ “นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรฯ” เท่านั้น
ข้อ 56. การเบิกถอนเงินจากบัญชีเงินฝากของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ให้เบิกถอนด้วยเช็คเท่านั้น โดยให้ประธาน และรองประธาน หรือคนใดคนหนึ่ง ร่วมกับกรรมการที่รับผิดชอบด้านการบัญชีและการเงิน หรือผู้ที่คณะกรรมการมอบหมายรวมกันไม่น้อยกว่าสามคน ลงลายมือชื่อในเช็คเพื่อสั่งจ่าย และการเบิกถอนเงินแต่ละเดือนให้คำนวณค่าใช้จ่ายในเดือนนั้นเป็นเกณฑ์ การถอนเงินจากบัญชีเงินฝากนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ให้เบิกด้วยเช็ด โดยระบุชื่อผู้รับ และขีดคร่อม
ข้อ 57. การเบิกถอนเงินของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ข้อ 56. ต้องเป็นการเบิกถอนสำหรับค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานเพื่อประโยชน์ของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรและสมาชิก ให้ตรงกับวัตถุประสงค์ในข้อ 54. ดังต่อไปนี้
(1)ค่าใช้จ่ายในการบริหารจัดการ ค่าจ้างพนักงาน ที่ต้องจ่ายเป็นประจำทุกเดือน และเครื่องมือเครื่องใช้ประจำสำนักงานนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ตามข้อ54
(2) ค่าใช้จ่ายในการซ่อมแซม สาธารณูปโภค หรือบริการสาธารณะซึ่งใช้งบประมาณจากเงินค่าใช้จ่ายตามข้อ 54.
(3)ค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เกี่ยวกับการจัดการบริการสาธารณะ เพื่อสวัสดิการ หรือสาธารณะประโยชน์อื่นๆ ของสมาชิกซึ่งที่ประชุมใหญ่มีมติเห็นชอบแล้ว รวมทั้งค่าใช้จ่ายในการจัดประชุมใหญ่ซึ่งคณะกรรมการ หรือ สมาชิกจัดให้มีการประชุมตามที่กำหนดไว้ในข้อบังคับหรือระเบียบนี้
(4)ค่าใช้จ่ายอื่นๆ ตามกรอบวงเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีที่ได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่
การเบิกถอนเงินของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ข้อ 56 ต้องเบิกเงินตามหมวดวัตถุประสงค์ของงบประมาณรายจ่ายประจำปีในหมวดนั้นๆ ห้ามเบิกเงินข้ามหมวดงบประมาณ ยกเว้น คณะกรรมการมีมติเห็นชอบ การใช้เงินข้ามหมวดวัตถุประสงค์ แต่ต้องรายงานให้สมาชิกทราบถึงเหตุผลในการเบิกเงินข้ามหมวด ภายใน 10 วัน นับแต่วันที่มีมติใช้เงินข้ามหมวดวัตถุประสงค์
ข้อ 58. การเบิกถอนเงินตามข้อ 57. ให้ผู้จัดการนิติบุคคลเสนอผ่านกรรมการที่รับผิดชอบในเรื่องนั้นๆ พิจารณาให้ความเห็นชอบก่อนนำเสนอให้ประธานพิจารณาและลงนามอนุมัติ เมื่อได้รับการอนุมัติแล้วจึงเสนอให้กรรมการที่มีอำนาจลงนามตามข้อ 56. เพื่อลงลายมือในเช็คสั่งจ่ายเงินต่อไป
ข้อ 59. การเบิกถอนเงิน การโยกย้ายหรือโอนเงินของกรรมการที่ได้รับมอบหมาย หากฝ่าฝืนระเบียบนี้ จะไม่ผูกพันนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร และถ้าการเบิกถอนเงินที่ฝ่าฝืนระเบียบ ทำให้นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรได้รับความเสียหาย กรรมการที่ลงลายมือชื่อในเช็คต้องรับผิดชอบในความเสียหายซึ่งอาจเกิดขึ้นเป็นการส่วนตัว
ข้อ 60. ประธานมีอำนาจอนุมัติการจ่ายเงิน เพื่อใช้ในการบริหารกิจการของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรรได้ครั้งละไม่เกิน 20,000 บาท (สองหมื่นบาทถ้วน) กรณีเบิกถอนเกินกว่านั้นต้องขอมติจากที่ประชุมคณะกรรมการก่อน
ในกรณีที่มีเหตุการณ์พิเศษ ฉุกเฉิน ภัยพิบัติ และ / หรือเพื่อป้องกันความเสียหาย ความสงบสุขของสมาชิก ให้ประธานมีอำนาจอนุมัติการจ่ายเงินเพิ่ใช้ในการบริหารเหตุการณ์ของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร ได้ครั้งละไม่เกิน 10,000 บาท (หนึ่งหมื่นบาทถ้วน)แล้วต้องรายงานให้สมาชิกทราบภายใน 10 วันนับแต่วันเบิกเงิน กรณีเบิกถอนเกินกว่านั้น ต้องขอมติจากที่ประชุมคณะกรรมการ หรือมติที่ประชุมใหญ่ หรือ แล้วแต่ กรณี ดังนี้
(1)อนุมัติวงเงินไม่เกิน 10,001 บาท ถึง 50,000 บาท จะต้องให้คณะกรรมการนิติบุคคลมีมติเป็นเอกฉันท์
(2)อนุมัติวงเงินเกิน 50,001 บาท แต่ไม่ถึง 100,000 บาท จะต้องให้คณะกรรมการนิติบุคคลมีมติเป็นเอกฉันท์และแจ้งสมาชิกทราบถึงวัตถุประสงค์การเบิกเงิน หากมีสมาชิกคัดค้าน ให้ดำเนินการเบิกเงิน และใช้ตามวัตถุประสงค์ต่อไป
(3)อนุมัติวงเงินเกิน 100,001 บาท ขึ้นไป ต้องมีมติจากที่ประชุมใหญ่ของสมาชิกอย่างน้อย 2 ใน 3 ของสมาชิกที่เข้าร่วมประชุม
ข้อ 61. การจัดให้มีการประกันอัคคีภัย และภัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับทรัพย์สินของนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร รวมทั้งภัยจากความรับผิดชอบต่าง ๆ โดยความเห็นชอบจากมติที่ประชุมใหญ่ โดยนิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร เป็นผู้เอาประกัน และเป็นผู้รับผลประโยชน์ แทนทั้งหมดจากการประกันภัย เพื่อสามารถใช้เงินนั้นในการซ่อมแซมความเสียหาย หากเกิดขึ้นตามที่เอาประกันไว้ หรือในการใช้เงินนั้น จ่ายค่าชดเชยความเสียหายกรณีที่ทรัพย์สินเสียหายทั้งหมดและคณะกรรมการต้องเรียกประชุมใหญ่ทันที เพื่อลงมติว่าจะทำการก่อสร้างหรือจัดทำใหม่หรือไม่ ในกรณีที่มีมติให้ก่อสร้างคณะกรรมการจะต้องทำการจัดหา ผู้รับเหมาเพื่อก่อสร้างขึ้นใหม่ โดยใช้เงินที่ได้รับจากบริษัทประกัน
ข้อ 62. ในกรณีคณะกรรมการครบวาระการดำรงตำแหน่ง หรือ มีวาระการดำรงตำแหน่งเหลือน้อยกว่า เก้าสิบวัน ห้ามมิให้พิจารณา และ /หรือ มีมติในเรื่องใดๆ ที่ต้องใช้งบประมาณ เว้นแต่มีเหตุจำเป็นเร่งด่วน เพื่อป้องกัน และ/หรือบรรเทาความเสียหายที่อาจจะเกิดขึ้นแก่นิติบุคคลหมู่บ้านจัดสรร และไม่อาจเรียกประชุมคณะกรรมการได้ทัน