ยโต ขยํ ปจฺจยานํ เพราะพราหมณ์นั้นได้รู้จัก ความสิ้นไปของปัจจัยทั้งหลาย
เมื่อพราหมณ์เดินขึ้นไปเป็นลำดับจนถึงกายพระอรหัต ก็รู้ชัดถึงความสิ้นไป ไม่มีปัจจัยตรึงไว้ บังคับไว้ อันเกิดจาก:-
- ในดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ ที่ชะลอกายมนุษย์ไว้ได้นี้ เพราะอภิชฌา พยาบาท มิจฉาทิฏฐิ เป็นตัวบังคับธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ทั้งหยาบละเอียด
- กายทิพย์หยาบละเอียด มีโลภะ โทสะ โมหะ
- กายรูปพรหมหยาบละเอียด ถูกราคะ โทสะ โมหะ บังคับไม่ให้ขึ้นไปจากภพ
- กายอรูปพรหมหยาบละเอียด เพราะกามราคานุสัย ปฏิฆานุสัย อวิชชานุสัย บังคับให้พ้นจากภพไม่ได้
- กายธรรมโคตรภูหยาบละเอียด เพราะสักกายทิฏฐิ วิจิกิจฉา สีลัพพตปรามาส เป็นสังโยชน์ เป็นปัจจัยป้องกันไม่ให้หลุดไปจากโคตรภูบุคคลได้
- พระโสดาหยาบละเอียด ยังมีกามราคะ พยาบาท
- พระสกทาคาหยาบละเอียด ยังมีกามราคะ พยาบาทอย่างละเอียด
- พระอนาคาหยาบละเอียด ยังมีรูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา (สังโยชน์เบื้องสูง) ทำให้เป็นพระอรหัตไม่ได้ เป็นลิ่มสลักอยู่อย่างนี้
จะให้หลุด ท่านจึงเดินทางศีล สมาธิ ปัญญา วิมุตติ วิมุตติญาณทัสสนะ บรรลุพระอรหัต หลุดจากรูปราคะ อรูปราคะ มานะ อุทธัจจะ อวิชชา เรียกขีณาสโว “ผู้มีอาสวะสิ้นแล้ว” คือ กามาสวะ ภวาสวะ อวิชชาสวะ ทิฏฐาสวะ ไม่มีในพระอรหัต
พราหมณ์จึงรู้ความสิ้นไปของปัจจัย เป็นพระอรหัตแล้วหลุดจากปัจจัยหมด เป็นสมุทเฉทปหาน
ยทา หเว ปาตุภวนฺติ ฯ เมื่อใดธรรมทั้งหลายปรากฏแก่พราหมณ์ ผู้มีความเพียรเพ่งอยู่ พราหมณ์นั้นย่อมกำจัดมารและเสนามารเสียได้ ดำรงอยู่เหมือนดวงอาทิตย์ผุดขึ้นมากำจัดมืด กระทำอากาศให้สว่างฉะนั้น
เมื่อเข้าถึงพระอรหัต ไม่มีค่ำ มีแต่สว่าง เพราะดวงธรรมเต็มที่แล้ว (เส้นผ่าศูนย์กลาง ๒๐ วากลมรอบตัว) เทียบเหมือนดวงอาทิตย์อุทัย กำจัดมืด แต่ดวงธรรมสว่างทะลุตลอด ใต้แผ่นดินก็สว่างหมด เหนือดวงจันทร์ ดวงอาทิตย์ ในถ้ำ เหว ปล่อง ตับ ไต ไส้พุง
ท่านจึงยืนยันว่า นตฺถิ ปญฺญาสมา อาภา แสงสว่างใดเสมอด้วยปัญญาไม่มี ดวงธรรมนั้นแหละให้เกิดปัญญาสว่าง ไม่มีที่กำบังได้
“ฟังพอดีพอร้ายไม่รู้เรื่อง เมื่อเป็นของลึกซึ้งขนาดนี้ละก็ จำเอาไว้ว่า เราจะต้องทำให้เป็นเหมือนอย่างนี้ นี่ที่เขาเป็นธรรมกาย เขารู้หนา”
“ผู้ที่ไม่เห็น ไม่เป็นปรากฏ ก็เท่ากับตาบอด ไปไหนไม่รอด ติดอยู่แค่กายมนุษย์นี่เอง ดวงธรรมที่ทำให้เป็นกายมนุษย์ก็ไม่เห็น ไม่เป็นกับเขา เมื่อไม่เห็น ไม่เป็นกับเขา ก็ไม่มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ ก็เป็นทุกข์อยู่ร่ำไป ไม่มีสุข ผู้มีธรรมเป็นเครื่องอยู่ก็เป็นสุข
”ธมฺมสุขวิหารี ถ้ามีธรรมเป็นเครื่องอยู่ ก็เป็นสุขในปัจจุบัน ทันตาเห็น
อกาลิโก เข้าถึงดวงธรรม เป็นสุขเดี๋ยวนั้น ไม่ต้องผลัดเวลา ไม่มีกาลเวลา
เอหิปสฺสิโก เป็นดวงสว่างกับใจ อาจเรียกผู้อื่นเข้ามาดู “เหมือนกับเทศน์ให้ฟังอย่างนี้แหละ เรียกบุคคลผู้อื่นให้เข้ามาดูได้ เป็นดวงขนาดนั้น โตเท่านั้น สว่างถึงนั่น”
โอปนยิโก ไม่ใช่เป็นของแข็ง น้อมเข้าไว้ในใจได้ จะไว้ที่ไหนก็ได้ ซ้ายขวาหน้าหลัง
ปจฺจตฺตํ เวทิตพฺโพ วิญฺญูหิ ผู้รู้ รู้ได้เฉพาะตัว ใครเข้าถึง ใครก็รู้ ใครทำเป็น ใครก็เห็น ใครได้ ใครก็ถึง ใครไม่ได้ ใครก็ไม่ถึง ใครไม่เป็น ใครก็ไม่เห็นเท่านั้น