31 ก.ค. 2020 เวลา 13:00 • ธุรกิจ
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน หรือ BOI คืออะไร
ทำไมถึงมีความสำคัญอย่างมากในด้าน 'ภาคการลงทุน'
ทำไมนักลงทุนต้องศึกษา และทำความเข้าใจอย่างมากก่อนจัดตั้งธุรกิจในไทย
ไขข้อข้องใจทั้งหมด ได้ในบทความนี้
ในช่วง 5 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลไทยได้มีการปรับเปลี่ยนนโยบายการลงทุนสำหรับคนต่างชาติมากมาย โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงดูดให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศไทยรวมถึงยกระดับบริษัทไทยให้มีมาตราฐานและนวัตกรรมที่ดียิ่งขึ้น
โดยรัฐบาลได้มอบหมายให้ สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน(BOI) เป็นตัวแทนในการทำหน้าที่ให้การส่งเสริมนักลงทุนทั้งไทยและต่างชาติ เพื่อพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันและกระตุ้นให้เกิดการลงทุนในประเทศไทย BOI มุ่งเน้นให้การสนับสนุนธุรกิจที่มีการสร้างมูลค่าเพิ่ม(Value-Added Products) การวิจัยและพัฒนา การสร้างนวัตกรรม และวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ด้วยหวังเปลี่ยนโฉมประเทศไทยให้ขับเคลื่อนด้วยเทคโนโลยี ความคิดสร้างสรรค์ และนวัตกรรม
สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) มีหน้าที่ดำเนินการตามนโยบายของรัฐบาลไทยในการส่งเสริมธุรกิจบางอย่างที่เป็นประโยชน์ต่อเศรษฐกิจไทย โดยให้ความช่วยเหลือคนไทยและนักลงทุนต่างชาติในการเริ่มต้นและดำเนินธุรกิจในพื้นที่ทางเศรษฐกิจที่ต้องการ
บริการหลักของ BOI
- บริการให้คำปรึกษาแนะนำ ข้อมูลด้านการลงทุน และการขอรับส่งเสริมการลงทุน
- ประสานงานกับหน่วยงานภาครัฐและเอกชนเพื่ออำนวยความสะดวกในการดำเนินธุรกิจแก่นักลงทุน เช่น การจัดตั้งบริษัท การยื่นขอใบอนุญาตทำงาน เป็นต้น
- บริการเชื่อมโยงและจัดหาผู้ผลิตชิ้นส่วนในประเทศ
- บริการจัดหาผู้ร่วมทุน
- บริการแนะนำและรับรองผู้เชี่ยวชาญด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี โดยศูนย์บุคลากรทักษะสูง (Strategic Talent Center: STC)
- บริการให้คำแนะนำการลงทุนของคนไทยในต่างประเทศ และจัดอบรมหลักสูตรการลงทุนของคนไทยในต่างประเทศ
หลักเกณฑ์การอนุมัติโครงการ
- ต้องมีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่า 20% ของรายได้ ยกเว้นกิจการเกษตรและผลิตผลจากการเกษตร กิจการอิเล็กทรอนิกส์และชิ้นส่วน และกิจการตัดโลหะ ต้องมีมูลค่าเพิ่มไม่น้อยกว่า 10%
- ใช้กรรมวิธีการผลิตที่ทันสมัย
- ต้องมีแนวทางและมาตรการป้องกันและลดผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อมที่เพียงพอ และมีประสิทธิภาพ สำหรับโครงการที่อาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อคุณภาพสิ่งแวดล้อม คณะกรรมการจะพิจารณาเป็นพิเศษในเรื่องสถานที่ตั้งและวิธีจัดการมลพิษ
เงินลงทุนขั้นต่ำ
- ต้องมีเงินลงทุนขั้นต่ำไม่น้อยกว่า 1 ล้านบาท (ไม่รวมค่าที่ดินและทุนหมุนเวียน)
- สำหรับกลุ่มธุรกิจบริการที่ใช้ฐานความรู้เป็นปัจจัยหลักในการทำธุรกิจ เช่น กิจการ R&D, Software, Electronic Design, Engineering Design, Creative Design เป็นต้น จะต้องมีค่าใช้จ่ายเงินเดือนบุคลากรเฉพาะด้านที่กำหนด ไม่น้อยกว่า 1.5 ล้านบาทต่อปี
- ต้องมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนจดทะเบียนไม่เกิน 3 ต่อ 1 สำหรับโครงการริเริ่มส่วนโครงการขยาย จะพิจารณาความเหมาะสมเป็นรายกรณี
สิทธิประโยชน์จาก BOI
- สิทธิประโยชน์ด้านภาษี
บริษัทที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนในประเทศไทยอาจมีสิทธิได้รับการยกเว้นหรือลดภาษีนำเข้า และอาจได้รับการยกเว้นภาษีและเงินปันผลของนิติบุคคล ได้รับสิทธิการหักลดหย่อนสองเท่าจากค่าขนส่งไฟฟ้า น้ำ และค่าการติดตั้งโครงสร้างพื้นฐานของโครงการ
- สิทธิประโยชน์ที่ไม่เกี่ยวกับภาษี
ธุรกิจในและนอกประเทศที่ได้รับการรับรองจาก BOI ของไทย มีสิทธิ์จ้างแรงงานและผู้เชี่ยวชาญที่มีทักษะจากต่างประเทศ นอกจากนี้ BOI ยังจัดทำวีซ่าแบบไม่ถาวร และใบอนุญาตทำงานผ่าน “วีซ่าแบบครบวงจร (One-Stop Visa)” สิทธิประโยชน์ที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาษีนี้ยังรวมไปถึง การอนุญาตให้เจ้าของที่ดินที่เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ในต่างประเทศ เข้าร่วมธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับโครงการที่เกี่ยวข้องกับอุตสาหกรรม
กลุ่มกิจการที่จะได้รับสิทธิและประโยชน์พื้นฐาน
สิทธิประโยชน์ BOI ของประเทศไทยที่มีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 มกราคม 2558 ซึ่งประกาศโดยคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน ได้แบ่งประเภทตามประเภทกิจกรรมและตามความเหมาะสมซึ่งใช้กับการสมัคร BOI ของประเทศไทยที่ส่งมาตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2558 เป็นต้นไป
ประเภทกิจการที่จะได้รับสิทธิประโยชน์พื้นฐานโดยแบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ดังนี้
1. สิทธิประโยชน์ตามประเภทกิจการ แบ่งเป็น
- A1 อุตสาหกรรมฐานความรู้เน้นการออกแบบ ทำ R&D เพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันของประเทศ
- A2 กิจการโครงสร้างพื้นฐานเพื่อพัฒนาประเทศ และกิจการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงเพื่อสร้างมูลค่าเพิ่ม แต่มีการลงทุนในประเทศนนี้อยู่หรือยังไม่มีการลงทุน
- A3 กิจการที่ใช้เทคโนโลยีขั้นสูงซึ่งมีความสำคัญต่อการพัฒนาประเทศ โดยมีฐานการผลิตอยู่บ้างเล็กน้อย
- A4 กิจการที่มีระดับเทคโนโลยีไม่เท่ากลุ่ม A1-A3 แต่ช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มแก่วัตถุดิบในประเทศ และเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ห่วงโซ่อุปทาน
- B1 และ B2 อุตสาหกรรมสนับสนุนที่ใช้เทคโนโลยีไม่สูง แต่ยังสำคัญต่อห่วงโซ่มูลค่า
2. สิทธิประโยชน์ด้านการพัฒนาเทคโนโลยี แบ่งเป็น
- กิจการสนับสนุนการพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมาย ซึ่งมีความร่วมมือตามเงื่อนไขที่กำหนด
- หมวด 8 การพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม ได้แก่ กิจการพัฒนาเทคโนโลยีเป้าหมาย เช่น กิจการพัฒนา Biotechnology, Nanotechnology, Advanced Material Technology และ Digital Technology
ประเภทกิจการที่จะได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติมตามคุณค่าของโครงการ
โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1. สิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาความสามารถในการแข่งขัน
2. สิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อกระจายความเจริญสู่ภูมิภาค
หากตั้งสถานประกอบการในพื้นที่ 20 จังหวัดที่มีรายได้ต่อหัวต่ำ ได้แก่ กาฬสินธุ์ ชัยภูมิ นครพนม น่าน บึงกาฬ บุรีรัมย์ แพร่ มหาสารคาม มุกดาหาร แม่ฮ่องสอน ยโสธร ร้อยเอ็ด ศรีสะเกษ สกลนคร สระแก้ว สุโขทัย สุรินทร์ หนองบัวลำภู อุบลราชธานี และอำนาจเจริญ (ไม่รวมพื้นที่ชายแดนภาคใต้ และเขตพัฒนาเศรษฐกิจพิเศษ ซึ่งจัดทำเป็นมาตรการพิเศษต่างหาก) ให้ได้รับสิทธิและประโยชน์เพิ่มเติม
3. สิทธิและประโยชน์เพิ่มเติมเพื่อพัฒนาพื้นที่อุตสาหกรรม
หากตั้งสถานประกอบการในนิคมอุตสาหกรรม หรือเขตอุตสาหกรรมที่ได้รับส่งเสริม จะได้รับสิทธิและประโยชน์ยกเว้นภาษีเงินได้นิติบุคคลเพิ่ม 1 ปี
การจัดตั้ง บริษัท ที่ได้รับการส่งเสริมการลงทุนไทย
นักลงทุนที่ต้องการทำธุรกิจในประเทศไทย อาจสมัครขอรับการส่งเสริมการลงทุนของไทย BOI จัดประเภทอุตสาหกรรมตามประเภท และจัดเตรียมแบบฟอร์มการสมัครเฉพาะสำหรับแต่ละอุตสาหกรรม โดยทั่วไป บริษัทที่ให้ความสำคัญกับการออกใบอนุญาตของไทย คือ บริษัทที่เกี่ยวข้องกับเทคโนโลยีและนวัตกรรมการผลิตและการส่งออก และการลงทุนอื่น ๆ ที่แสดงถึงการเติบโตของธุรกิจที่มีศักยภาพ ธุรกิจที่ไม่ใช่อุตสาหกรรม เช่น โรงพยาบาลสำหรับผู้สูงอายุ และผลิตภาพยนตร์ ได้รับการส่งเสริมจาก BOI ของประเทศไทยพร้อมด้วยการสร้างแรงจูงใจในการลงทุน
ติดตามข้อมูลด้านการจัดตั้งธุรกิจเพิ่มเติม ได้ที่
Youtube: Interloop Solutions & Consultancy
โฆษณา