1 ส.ค. 2020 เวลา 12:36 • หุ้น & เศรษฐกิจ
#ทำไมเราถึงชอบขายหมู แต่ยอมติดดอยกันนะ?
Disposition Effect
สิ่งนี้เรียกกันว่า Disposition_effect ซึ่งมาจากคำว่า Position ที่แปลว่าตำแหน่ง การจัดวาง เมื่อเติม Dis (เรียกว่าprefix) ไปข้างหน้าก็เลยจะแปลประมาณว่า #ปรากฏการณ์ผิดที่ผิดทาง ค่ะ
และการผิดที่ผิดทางในที่นี้ก็คือ #การขายหุ้นวิ่งที่มีกำไรและยอมติดดอยในหุ้นที่ขาดทุน
ใครๆ ก็เคยได้ยิน ได้เห็นผ่านหูผ่านตากันว่า หัวใจสำคัญของการเทรดง่ายๆ ก็คือ Cut your losses short and Let profits run หรือ #ตัดขาดทุนให้เร็วและปล่อยให้กำไรงอกเงย
ก็เหมือนกับการลดน้ำหนักเนี่ยแหละ ใครๆ ก็รู้ว่าถ้าอยากผอมให้มี Output > Input (ยกเว้นกรณีมีปัญหาทางMetabolismจริงๆ ละกัน)
เช่น ไปออกกำลังกาย ควบคุมแคลอรี แต่เราก็ยังอ้วนอยู่ดี (แงงง เขียนให้ตัวเองอ่าน)
เหตุผลที่เกิดการผิดที่ผิดทางขึ้นอย่างนี้มีการศึกษากันค่ะว่า
มนุษย์เรานั้นมีแนวโน้มที่จะเจ็บปวดกับการสูญเสียมากกว่าดีใจเวลาที่ได้รับประมาณ 3 เท่า หรือ มี Gain to Pain Ratio เท่ากับ 3 : 1
พูดง่ายๆ คือ ถ้าเสียเงินไป 1,000 บาท เราจะต้องได้เงิน 3,000 บาทถึงจะมีความสุขเท่าเดิม
แอดเดาว่านี่น่าจะเป็นเหตุผลนึงที่มีคำแนะนำให้เทรดเดอร์ทุกคนมี RR(Risk To Reward Ratio) เท่ากับ 3 : 1 คือ ถ้าเราจะเข้าซื้อหุ้นสักตัว จะสมเหตุสมผลเมื่อกำไรที่จะได้รับมากเป็น 3 เท่าของความเสี่ยง
ขอยกตัวอย่างมาให้เห็นภาพกันชัดๆ ลองคิดตามเเล้วตอบในใจน้าโดยเลือกตอบ 1 ตัวเลือกในเเต่ละเกมส์
Game1
คนรวยขับรถไปชนคนตาย เดินมายื่นเงินให้เรา 30,000 บาท โดยมีเงื่อนไขว่าเราต้องช่วยยืนยันว่าเค้าขับรถช้า ไม่ถึง 80 กม./ชั่วโมง คนนั้นมันตายเองแค่ไปสะกิดโดนเบาๆ ก็ม่องเฉยเลย งงมากแม่
ตอนแรกเราก็ว่าจะเชิดหน้า คอตึง หยิ่งทระนงในศักดิ์ศรีแบบเงินซื้อชั้นไม่ได้หรอกค่ะ! แต่พอนึกถึงค่าน้ำ ค่าไฟ(ที่ไม่ลดแล้วเดือนนี้) ค่าผ่อนบ้าน ผ่อนรถ แม่ก็เพิ่งโทรสั่งพัดลมไอเย็น ลู่วิ่งและSpin Mopผ่านTV Direct ไป เราก็เลยยอมรับเงินอย่างกล้ำกลืน
มีตัวเลือก 2 ทาง เอาอะไรดีเค้าให้เราเลือก ติ๊กต่อกๆๆ
(A) สบตาตำรวจตอนให้การ แสดงถึงความจริงใจ ให้เพิ่ม 10,000 บาท
(B)ไม่สบตาตำรวจ ถามคำตอบคำ เป็นคนเเนวขรึมๆ พระเอก K-drama ถ้าตำรวจดูเชื่อ เค้าจะให้ 20,000 บาท ถ้าตำรวจดูไม่เชื่อเราไม่ได้เพิ่มเลยเเม้เเต่บาทเดียว
Game2
เหตุการณ์เดียวกันข้อแรก แต่คราวนี้เค้าให้เราก่อน 50,000 บาท ต่อมความดีที่อยู่ลึกๆ ภายในทำงาน เราเลยบอกว่าจะให้การยืนยันไม่หนักแน่นมากว่าเค้าขับรถไม่เร็ว คลุมเครือๆ เล็กน้อย
คนรวยหงุดหงิด เขวี้ยงIphoneลงพื้น ถอดเข็มขัดHermesมาฟาดรถ พอสงบสติอารมณ์ได้ เก็บIphoneขึ้น ใส่เข็มขัดคืนแล้ว เค้าก็มาถามว่า ถ้างั้นจะเลือกอะไรระหว่าง
(C) คืนเงินเค้าทันที 10,000 บาท
(D) ลุ้นเอา ถ้าให้การไปแบบนั้นแล้วตำรวจโอเคก็ไม่ต้องคืนเงิน เอาไป 50,000 เท่าเดิม แต่ถ้าตำรวจไม่เชื่อล่ะก็ เอาคืนมา 20,000 เลยนะ!
ใน Game1 และ 2 เลือกอะไรกันไปบ้างคะ? ถ้าเลือก A ในGame 1 และ D ใน Game 2 มีเพื่อนเยอะแยะเลย ตัวเลือกมหาชน
คนส่วนมากจะเลือก A และ D ทั้งๆ ที่ถ้าคำนวนตัวเลขความคุ้มค่าของเงินแล้ว A และ C ได้เงินเท่ากันเด๊ะ คือ 30,000 บาท
เพราะว่า ใน Game1 โฟกัสไปที่เรื่องของการได้รับ(Gain) ส่วน Game2 โฟกัสไปที่การเสีย(Loss)ไงค่ะ
เมื่อเผชิญหน้ากับสถานการณ์ที่กำลังได้ คนเรามักจะเลือกทางที่ #ชัวร์กว่า ไว้ก่อน ไม่อยากจะเสี่ยงได้น้อยกว่าเดิม แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่เผชิญหน้าอยู่กับสถานการณ์ที่กำลังเสีย คนเรามักจะเลือกที่จะ #ยอมเสี่ยง เพื่อที่จะไม่ต้องเสีย เรียกว่า Risk_aversion และ Risk_seeking
1.Risk aversion หรือ หลีกเลี่ยงความเสี่ยง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เห็นกำไรอยู่ต่อหน้าต่อตา หรือการเลือกเอาการได้กำไรชัวร์ๆ ไว้ก่อน(เหมือนตัวเลือกA) ทำให้เรารีบขายหุ้นที่มีกำไรออกไปเร็วๆ เพราะกลัวกำไรที่เห็นจะลด เหมือนเป็นภูมิแพ้ความเขียว
2.Risk seeking หรือ ชอบเสี่ยง โดยเฉพาะเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่กำลังต้องสูญเสีย พูดง่ายๆ คือยอมที่จะเสี่ยงมากขึ้นเพื่อที่จะได้ไม่ต้องเสีย(เหมือนตัวเลือกD) ทำให้เราไม่ยอมขายหุ้นที่ขาดทุนออกมา เพราะคิดว่าเดี๋ยวเด้งๆ ไม่อยากสูญเสีย
นี่แหละค่ะสาเหตุที่เรามักขายหมูแต่ติดดอย
#จะรู้ได้ยังไงว่าติดกับดักDisposition_effectไปแล้ว
จดบันทึกสถิติค่ะว่า
-หุ้นที่ขายออกไปแล้วเป็นยังไง ขายแบบยังไม่มีสัญญาณขาย แต่ขายเพราะสายสมรบอกว่ามันน่าจะลง ประกิตกระซิบว่ามีข่าววงในรึเปล่า
-หุ้นที่ยังถืออยู่เป็นยังไง ลงไปเรื่อยๆ Tfday หลุด เอา Tfweek รับไล่ไปเรื่อยๆ จน Tfyear พอ Year หลุดต่อก็เอาพื้นฐานรับ พื้นฐานไม่ดีแล้วก็ยังปลอบใจตัวเองว่าไม่เป็นไร หุ้นอยู่ในตลาดไทย ไทยเรามีพระสยามเทวาธิราชคุ้มครอง เพราะฉะนั้นน้องต้องรอด ฮึบ!
ลองทำสัดส่วนออกมาดูค่ะ แล้วจะรู้พฤติกรรมตัวเอง
#ถ้ารู้แล้วว่าติดกับดักทำยังไงดี
ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคแพ้ความเขียว เราต้องmanualไปก่อนและไม่ยากเลยถ้าเรารู้ตัวแล้ว
วิธีที่1 บอกตัวเองว่านี่ไม่ใช่การขายตัดขาดทุน แต่เป็นการ ‘ย้ายการลงทุน’ เฉยๆ เหมือนการจัดพอร์ตอะ เห้ย ใครๆ ก็ทำกันปะ
วิธีที่2 มีการจดบันทึกเป็นลายลักษณ์อักษร(ของแอดจดในGoodnote)
การทำ Trading Journal นี่ช่วยได้มากๆ นะ เพราะการที่จะจดลงไปเป็นคำได้ ข้อมูลจะต้องผ่านการProcessในสมอง ถ้าเมื่อไหร่ที่เขียนไม่ออกว่าเหตุผลที่ตัดสินใจเข้าซื้อหรือขายออกเป็นเพราะอะไร ก็ถึงเวลาที่ต้องมานั่งคุยกับตัวเองแล้ว
-ถ้าพบว่าไม่มีเหตุผลในการขายหมูหรือทนดอย ก็ปรับพฤติกรรมซะ
-ถ้าพบว่ามีเหตุผลแต่ยังขายหมูหรือติดดอยอยู่เลย ให้ปรับระบบของตัวเองซะ แสดงว่าต้องมีอะไร error
#มีแต่คนโง่เท่านั้นแหละที่คาดหวังแบบใหม่_จากการกระทำแบบเดิม
ไปสำรวจตัวเองกันนะคะ จะได้ลดปริมาณชาวดอย บนดอยคนเยอะมาก ทำSocial-Distancingไม่ได้นะ
❤️สุดท้ายนี้ ฝากกดไลค์ กดแชร์ คอมเม้นเป็นกำลังใจให้แอดหน่อยนะคะ❤️
พื้นที่ขายไม่ทายอิน อุดหนุนหน่อยค่ะ สติ๊กเกอร์ไลน์ดุ๊กดิ๊ก 24 ตัว 59 บาทเท่าน้านนน แต่ละact เทรดเดอร์ได้ใช้แน่นอน
โฆษณา