2 ส.ค. 2020 เวลา 01:07 • การศึกษา
กายนี้ เป็น "กรรมเก่า" ภิกษุทั้งหลาย กายนี้ไม่ใช่ของเธอทั้งหลาย และทั้งไม่ใช่ของบุคคลเหล่าอื่น..ภิกษุทั้งหลาย กรรมเก่า(กาย) นี้ อันเธอทั้งหลายพึงเห็นว่าเป็นสิ่งที่ปัจจัยปรุงแต่งขึ้น(อภิสงฺขต) สำเร็จด้วยเจตนา(อภิสญฺเจตยิต) เป็นที่ตั้งแห่งเวทนา(เวทนิยํ ทฎจพฺพํ)..ภิกษุทั้งหลาย ในกรณีของกายนั้น อริยสาวกผู้ได้สดับแล้ว ย่อมกระทำไว้ในใจโดยแยบคายเป็นอย่างดีซึ่งปฎิจจสมุปบาทนั่นเทียว ดังนี้ว่า..เมื่อสิ่งนี้มี สิ่งนี้ย่อมมี(อิมสฺมึ สติ อิทํ โหติ) เพราะความเกิดขึ้นแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงเกิดขึ้น(อิมสฺสุปฺปชฺชติ) เมื่อสิ่งนี้ไม่มี สิ่งนี้ย่อมไม่มี(อิมสุมึ สติ อิทํ น โหติ) เพราะความดับไปแห่งสิ่งนี้ สิ่งนี้จึงดับไป(อิมสฺส นิโรธา อิทํ นิรุชฺติ) ได้แก่สิ่งเหล่านี้คือ เพราะมีอวิชชาเป็นปัจจัย จึงมีสังขารทั้งหลายเพราะมีสังขารเป็นปัจจัย จึงมีวิญญาณ เพราะมีวิญญาณเป็นปัจจัย จึงมีนามรูป เพราะมีนามรูปเป็นปัจจัย จึงมีสฬายตนะ เพราะมีสฬายตนะเป็นปัจจัย จึงมีผัสสะ เพราะมีผัสสะเป็นปัจจัย จึงมีเวทนา เพราะมีเวทนาเป็นปัจจัย จึงมีตัณหา เพราะมีตัณหาเป็นปัจจัย จึงมีอุปทาน เพราะมีอุปทานเป็นปัจจัย จึงมีภพ เพราะมีภพเป็นปัจจัย จึงมีชาติ เพราะมีชาติเป็นปัจจัย ชรามรณะ โสกะปริเทวะทุกขะโทมนัสอุปายาสะทั้งหลาย จึงเกิดขึ้นครบถ้วน ความเกิดขึ้นพร้อมแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ ย่อมมี ด้วยอาการอย่างนี้..เพราะความจางคลายดับไปโดยไม่เหลือแห่งอวิชชานั้นนั่นเทียว จึงมีความดับแห่งสังขาร เพราะมีความดับแห่งสังขาร จึงมีความดับแห่งวิญญาณ เพราะมีความดับแห่งวิญญาณ จึงมีความดับแห่งนามรูป เพราะมีความดับแห่งนามรูป จึงมีความดับแห่งสฬายตนะ เพราะมีความดับแห่งสฬายตนะ จึงมีความดับแห่งผัสสะ เพราะมีความดับแห่งผัสสะ จึงมีความดับแห่งเวทนา เพราะมีความดับแห่งเวทนา จึงมีความดับแห่งตัณหา เพราะมีความดับแห่งตัณหา จึงมีความดับแห่งอุปทาน เพราะมีความดับแห่งอุปาทาน จึงมีความดับแห่งภพ เพราะมีความดับแห่งภพ จึงมีความดับแห่งชาติ เพราะมีความดับแห่งชาตินั่นแล ชรามรณะ โสกะปริเทวะ ทุกขะโทมนัสอุปายาสะทั้งหลายจึงดับสิ้น ความดับลงแห่งกองทุกข์ทั้งสิ้นนี้ย่อมมีด้วยอาการอย่างนี้ ดังนี้แล..น้อมจิตกราบสาธุธรรมอันประเสริฐค่ะ..-บาลีนิทาน.สํ.๑๖/๗๗/๑๔๓.
โฆษณา