EP. 10 Fragrance
น้ำหอม (Fragrance) เป็นหนึ่งในส่วนผสมที่สำคัญของก้านไม้หอม เพราะใน Aroma oil 1 ขวดจะมีเปอร์เซ็นต์น้ำหอมในสัดส่วนที่สูงมาก ซึ่ง Max percentage ในเอกสาร IFRA (International Fragrance Association) ของน้ำหอมระบุไว้มากถึง 30% ของ Total ingredients
**** หมายเหตุ****
IFRA เป็นเอกสารกำกับน้ำหอมแต่ละตัวที่โรงงานผู้ผลิตจะออกมาเพื่อกำกับการใช้น้ำหอม พร้อมกับคำแนะนำว่า น้ำหอมตัวนั้นๆสามารถใช้กับสินค้าอะไรบ้าง ในระดับกี่เปอร์เซ็นต์
เดี๋ยวนี้ธุรกิจน้ำหอมเฟื่องฟูมากในบ้านเรา มีคนนำหัวน้ำหอมจากหลายประเทศเข้ามาทำตลาดกันเพียบ ก่อนโควิดมีคนเอาน้ำหอมมาเสนอที่บริษัทแบบ 2-3 เดือนมารายนึง มีทั้งยุโรป, ญี่ปุ่น, จีน ทุกบริษัทจะมาแนะนำตัวพร้อมน้ำหอมตัวอย่าง พูดง่ายๆนัดลูกค้าแล้ว พอพรีเซ็นต์เสร็จก็เอาน้ำหอมตัวอย่างฝากไว้ สนไม่สน ซื้อไม่ซื้อนั่นอีกเรื่องนึง แบรนด์เครื่องหอมแบบพวกผมจึงมีน้ำหอมตัวอย่างแบบนี้เยอะไปหมด ตอนทำธุรกิจในปีแรกๆได้มาเป็นร้อยขวด
น้ำหอมตัวอย่าง ส่วนใหญ่จะให้มา 10-15 ml.
# Fragrance Pyramid หรือ Pyramid of Scent (มีอีกหลายชื่อเรียกนะครับ) หัวน้ำหอมที่นำมาทำสินค้ามีหลายเกรด ตั้งแต่หัวน้ำหอมทำ Household (ของใช้ในบ้าน) เช่นน้ำยาล้างจาน, น้ำยาซักผ้านุ่ม, น้ำยาถูพื้น หรือหัวน้ำหอมที่เอามาทำของใช้ในห้องน้ำ (Toiletery) เช่นสบู่เหลว, เจลอาบน้ำ, แชมพู หรือน้ำหอมที่ใช้ทำสินค้าที่ใช้ในสิ่งแวดล้อม (Enviromental) เช่น ธูปหอม, เทียน เป็นต้น และท้ายสุดคือ Fine fragrance ถ้าจะเข้าใจง่ายๆก็คือหัวน้ำหอมที่เอามาทำน้ำหอมเค้าน์เตอร์แบรนด์ตามห้างน่ะแหละ หมายรวมถึงน้ำหอมที่เอามาทำเครื่องสำอางค์ด้วย
ขอบคุณรูปจาก Google
ในหัวน้ำหอมดีๆ 1 ตัว เวลาเขาจะเสนอขายเพื่อเอามาทำสินค้า เขาจะมาพร้อมกับ จะมีการเอากระดาษเทสน้ำหอม มาจุ่มลงในน้ำหอมแล้วดมกลิ่นพร้อมกับอธิบายถึง Top Note คือกลิ่นอะไร ประกอบด้วยกลิ่นอะไรเบลนกับกลิ่นอะไร ทำให้สื่อถึงอะไร Middle Note หรือ Heart Note คือกลิ่นอะไรและ Base Note คือกลิ่นอะไร เมื่อประกอบรวมๆกันเป็นน้ำหอมตัวนึง จะได้กลิ่นในภาพรวมๆ สาวไหนเคยซื้อ Skincare ตามเคาน์เตอร์ในห้าง น้องๆคนขายก็จะพรีเซ้นต์ตามนี้แหละครับ ซึ่งวิธีการขายแบบนี้เป็น Normal practice ของน้ำหอมยุโรปเฉพาะที่เป็น Brand ยุโรปครับ
Fragrance profile: Miya
ที่เห็นรูปบนคือ Profile ของน้ำหอมกลิ่น Miya ซึ่งเป็นกลิ่นหนึ่งของ AKALIKO แถวบนคือ Top Note ซึ่งเป็นการเบลนกลิ่น กุหลาบ, ดอกคาโมมายล์และน้ำแร่เข้ากันเป็นกลิ่นแรกที่จะโชยให้ได้กลิ่นเป็นกลิ่นแรก ประมาณ 5-15 นาที แถวที่ 2 คือกลิ่นดอกไม้ทั้งหมดซึ่งคือลิลลี่ออฟเดอะแวลเลย์, ดอก Cassiaและดอกไวโอเล็ต ซึ่งเป็น Middle Note จะเป็นกลิ่นที่อยู่ 20 - 60 นาทีขึ้นไปและแถวสุดท้ายคือ Base Note ที่ปรีะกอบด้วย Musk, แอปปริคอตและไม้ซีดาร์เป็นกลิ่นสุดท้าย ในทางเทคนิคแล้ว Base Note ทั่วไปจะใช้เป็น fixative ซึ่งเป็นตัวจับกลิ่นให้กลิ่นทั้งหมดกรุ๊ปรวมกัน
ปัจจุบันหัวน้ำหอมแบบ Fine fragrance มีการพัฒนาไปมาก มีศัพท์คำนึงที่ใช้ในเรื่องของหอมคือ Aromacology ศาสตร์ที่มีความเกี่ยวพันระหว่าง Aroma กับ Phychology เป็นอิทธิพลของกลิ่นที่มีต่อจิตใจ เช่นใช้น้ำมันอะไรทำให้ง่วง ใช้กลิ่นไหนจะทำให้สดชื่น แจ่มใส ซึ่งอิทธิพลของกลิ่นหอมส่งผลโดยตรงต่อระบบประสาทและจิตใจ จึงมีผู้ประกอบการจำนวนหนึ่ง ใช้คุณสมบัติเหล่านี้มาสร้างสรรค์สินค้าที่มีความหลากหลายให้พวกเราได้ใช้ในปัจจุบัน
โฆษณา
- ดาวน์โหลดแอปพลิเคชัน
- © 2025 Blockdit
