3 ส.ค. 2020 เวลา 16:15 • ความคิดเห็น
เคยมั้ย เป็นเพื่อนกัน ทำงานด้วยกัน คุยเล่นกันทุกวัน
แต่อยู่ๆก็มาเป็นถามคำตอบคำ แบบออกห่างไปซะอย่างงั้น
ที่ทำงานก็เหมือนบ้านหลังที่สองของทุกคน มีห้องที่ใช้รวมกันบ้างแยกกันบ้าง ต้องนั่งติดกันบ้างใช้ของร่วมกันบ้าง ดังนั้นคนที่ทำงานที่เดียวกับเราก็เหมือนคนที่อาศัยบ้านเดียวกันอยู่กับเรา บางทีเราก็รู้สึกเหมือนว่าเค้าคือครอบครัว เพราะเอาจริงๆบางทีเราอยู่กับเค้ามากกว่าเราอยู่กับครอบครัวเราเสียอีก
ดังนั้นจึงมีความรู้สึกผูกพันหรือความรู้สึกต่างๆมากมายที่เหมือนกับที่เรารู้สึกกับคนในครอบครัวแต่อาจจะมีสถานะที่ต่างไปด้วยประสบการณ์และอายุ
เมื่อเรามองเค้าเป็นเหมือนคนในครอบครัว บางครั้งมันก็จะบางอย่างที่กระทบจิตใจกันบ้าง คำพูดบางคำหรือแม้แต่การกระทำเล็กๆที่เราคิดว่าโอเคแต่มันไม่โอเค
.
แล้วถ้ามันไม่โอเคแต่เราไม่รู้หละ
อย่างที่บอก เราใช้เวลากับคนที่ทำงานมากกว่าคนที่บ้าน และเมื่อพฤติกรรมบางอย่างมันเปลี่ยนไปจนรู้สึกได้ นั้นเป็นสัญญาณของความอึดอัด บรรยากาศในห้องเริ่มอึมครึม โดยที่เราก็จับต้นชนปลายไม่ถูกว่ามันมีสาเหตุมาจากอะไร มันยิ่งเป็นความรู้สึกที่หนักขึ้นเมื่อเราพยายามจะชวนคุยหรือทำอะไรให้เป็นปกติ แต่มันไม่ปกติให้นี้สิ
ความอึดอัดแบบนี้ไม่เพียงทำให้เราเบื่องานแต่มันจะทำให้เราไม่มีสมาธิ ลดประสิทธิภาพในการทำงานและที่สำคัญหากมีอะไรที่ต้องปรึกษากันหรือถามความเห็นมันก็จะเป็นไปได้ยากและถ้ามีบุคคลที่3เข้ามาเกี่ยวด้วยโดยไม่รู้คลื่นลมฟ้าลมฝนก็จะทำให้เค้าต้องอึมครึมไปด้วย
ลองนึกภาพว่ามีสถานการณ์แบบนี้อยู่ในองกรค์สักสามคน มันจะเกิดอะไรขึ้น ????
สิ่งที่สำคัญก็คือ เราต้องไม่เป็นคนๆนั้น ตามไปด้วย และต้องรีบยุติบรรยากาศแบบนั้นให้เร็ว อาจจะเป็นการถามให้เข้าใจโดยใช้คำถามปลายเปิด เช่น เป็นอะไรหรือเปล่า ทำไมพักนี้ไม่ค่อยคุย แต่แน่นอนมันก็ขึ้นอยู่กับตัวบุคคลด้วยว่าเค้าจะมีความกล้าพอมั้ยที่จะเผชิญกับการแก้ปัญหาด้วยการพูดมันออกมา คนบางคนเลือกที่จะยุติปัญหาด้วยกันหาสาเหตุและแก้ไขมันแล้วจบไปเริ่มใหม่ คนบางคนเลือกที่จะอยู่กับความโกรธนั้นหรือคำพูดเล็กๆบางคำที่เค้าคิดว่ามันเป็นเหมือนมีดที่ฟันลงบนตัวเค้าแล้วเก็บมันไว้เอามาฟันตัวเองอีกทีเมื่อเห็นหน้าคนพูด
.
แต่อย่างน้อยเราก็ได้ถาม อย่างน้อยเราก็ได้รู้ว่าอะไรอยู่ในใจเค้า บ้างครั้งเค้าอาจจะรอให้เราถามอยู่ก็ได้
.
เพราะแค่ถามออกไปก็เหมือนกับบอกเป็นนัยๆแล้วว่า
..ฉันแคร์เธอ...
แล้วถ้าถามแล้วมันแย่กว่าเดิมหละ??
มาถึงตรงนี้ก็ต้องมีการถอยคนละก้าวกันแล้วหละ ถอยไปยืนในมุมของตัวเองให้สงบๆ ตีกรอบขึ้นมาให้ชัดเจนว่าเราจะคุยกันแค่ในระดับไหน จากนั้นปล่อยให้เวลาเป็นเครื่องมือในการทำงานต่อ ปล่อยช่องว่างๆตรงกลางเอาไว้ให้เราได้มีพื้นที่ได้ทำงานร่วมกัน และไม่ต้องคาดหวังใดๆ อาจมีเปลี่ยนแปลงจากคนในครอบครัวให้กลายเป็นคนที่เช่าบ้านอยู่ด้วยกัน โดยอยู่บนพื้นฐานของความเคารพซึ่งกันและกันถึงจะอยู่ด้วยกันได้อย่างเป็นสุข และองกรค์ก็ดำเนินงานต่อไป
.
เพราะหากไม่มีใครถอยสักก้าวแล้ว ก็คงต้องมีใครสักคนที่ต้องลงจากสังเวียนไป หรือย้ายออกจากบ้านไปนั้นเอง
โฆษณา