6 ส.ค. 2020 เวลา 06:18 • ครอบครัว & เด็ก
2 เหตุผลที่ทำให้คนกลัวการแต่งงาน (ยาวนิดนึงนะ)
1. ตกลงเราแต่งงานกับคู่ของเราหรือใครกันแน่วะ?
การแต่งงานควรจะเป็นเรื่องของคนสองคน
แต่ค่านิยม สังคมทำให้เรื่องนี้เปลี่ยนไป ผมเชื่อว่าคนจะกลัวการแต่งงานน้อยลง ถ้ามันเป็นเรื่องระหว่างคนสองคนจริงๆ
ในสังคมเรา อย่าว่าแต่แต่งงานเลยครับ แค่มีแฟนก็ถูกห้าม แฟนดี ไม่ดี พ่อแม่เป็นคนตัดสินใจ ไม่ใช่ลูก ด้วยความที่พ่อแม่เป็นห่วง กลัวว่าลูกจะเจอกับคนไม่ดี แล้วเสียใจ เลยทำให้เสียใจตอนนี้สะเลย
บางคนพ่อก็ดูออกว่าไอ้หนุ่มนี่มันร้าย เดี๋ยวก็นอกใจ หรือบางทีอาจจะนิสัยดี แต่ไม่อยากให้ลูกลำบาก เพราะคนนี้หน้าที่การงานดูไม่น่าจะเลี้ยงลูกดีเท่าเรา แม่ก็อาจจะดูออกว่า นังคนนี้มันไม่เอาไหน งานบ้านทำไม่เป็น อาหารทำไม่อร่อย ชอบเที่ยว เลี้ยงลูกไม่ได้ ไม่เหมาะกับลูกชายแสนดีของตัวเอง
พ่อแม่เรามีประสบการณ์มากกว่าลูกครับ ดูคนออกมากกว่าจริง แต่ก็ใช้อำนาจเยอะไปหน่อย แต่ก็ไม่ใช่ทุกครอบครัว บางครอบครัวก็เลี้ยงลูกให้คิดเอง ทำเอง ฝึกเป็นผู้นำ ฝึกตัดสินใจ มีตักเตือนกันบ้าง แต่ก็ไว้ใจในการตัดสินใจของลูก เพราะรู้ว่าอบรมเลี้ยงมาดี มันคงไม่ตัดสินใจทำอะไรที่แย่เกินไป
ในเรื่องของพ่อแม่ก็ยังพอเข้าใจได้ครับ เพราะว่าพวกท่านเป็นห่วงและอยากให้ลูกมีชีวิตที่ดี โดยบางทีไม่สนใจว่าลูกจะเข้าใจหรือไม่
แต่บางกรณีมีมากกว่าพ่อแม่ที่มีส่วนร่วมครับ บางคนเป็นคนมีหน้ามีตาในสังคม จะแต่งกับคนที่มีราศรีใกล้เคียงกัน เดี๋ยวสังคมจะประนาม บางคนเพราะเพื่อนๆ ช่วยตัดสินว่าคนนี้คบได้หรือเปล่า บางคนเพราะหน้าที่การงาน บางคนก็ญาติพี่น้อง
บางทีก็ไม่ใช่ความผิดของคนรอบตัวที่เข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตคู่นะครับ บางทีเป็นความผิดเราเองที่อยากให้พวกเขามีส่วนร่วมเข้ามา เพราะเราไม่มั่นใจในตัวเอง และไม่มั่นใจในคู่ของเรา เลยไปปรึกษาหารือ ขอความเห็นของคนอื่นๆ จนในที่สุด ชีวิตคู่ กลายเป็น ชีวิตใครก็ไม่รู้ตั้งหลายคน
2. ถ้าแต่งไปละวันนึงอะไรๆมันเปลี่ยนไปหล่ะ?
หลายคนอยากอยู่ก่อนแต่งเพราะกลัวการเปลี่ยนแปลง เห็นหลายคู่เลิกร้างกันไปเพราะเหตุผลว่าเธอเปลี่ยนไป เขาเปลี่ยนไป ฉันเปลี่ยนไป เลยคิดว่าการอยุ่ก่อนแต่งจะช่วย... ได้เห็นการเปลี่ยนแปลงตอนอยู่ด้วยกัน จะได้รู้ว่าเราจะไหวมั้ยกับคนนี้ แต่จริงๆแล้ว คนเราก็เปลี่ยนแปลงตลอดนั่นแหละครับ ตอนแรกอยากกินอันนี้ ครู่เดียวก็อยากกินอีกอย่าง แต่งงานไปนานๆ ก็เปลี่ยนแปลงไป ปรับตัวกันไป ถ้าแค่อยากรู้ว่าเขามีข้อดี ข้อเสียอย่างไร นิสัย ครอบครัว ไปเที่ยวด้วยกันบ่อยๆ คุย ปรึกษา ให้ช่วยแก้ปัญหา ก็ได้เห็นมุมมองความคิดแล้วครับ ไม่ต้องทดลองอยู่ด้วยกันนานๆก่อนก็ได้
เรื่องที่ว่าต้องอยู่ก่อนแต่ง จะได้เห็นข้อดีข้อเสียของกันและกัน มันก็ยังไม่ถูกสะทีเดียวครับ เพราะข้อดีบางอย่างของเรามันพึ่งเกิดขึ้นปีนี้ ปีก่อนเราไม่ได้เป็นคนแบบนี้ ข้อเสียบางอย่างก็พึ่งเกิดขึ้นเหมือนกัน คนเราเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา เพราะเราโตขึ้นเรื่อยๆ ถ้าต้องอยู่ก่อนแต่งเพื่อดูใจกัน อาจจะไม่มีวันที่เราจะได้แต่งเลยครับ ไม่มีวันไหนเลยที่จะรู้ข้อดีข้อเสียของกันและกันจนหมด ยกตัวอย่างเช่น ผู้ชายคนนี้ ข้อดีคือ ไม่กินเหล้า ข้อเสีย อ้วน ซึ่งปีที่แล้วเขากินเหล้า แต่เขาเลิกได้แล้ว แถมอนาคตเขาออาจจะผอมลงก็ได้ ผู้หญิงคนนี้ ข้อดีคือ ใจเย็น ข้อเสียคือ ใช้เงินเก่ง พอถึงสิ้นเดือนประจำเดือนมา ข้อดีของผู้หญิงคนนี้ก็อาจจะหายไป ส่วนพอเธอได้เริ่มวางแผนครอบครัวจริงจัง ข้อเสียก็อาจจะหายไปเช่นกัน
ผมว่ามันไม่เกี่ยว ว่าเราจะรู้จักข้อดีข้อเสียกันมากแค่ไหน ก่อนแต่งงาน เพื่อทำให้มั่นใจว่าเรารับเขาได้ ถ้าเรารักคนนี้จริงๆ เราจะมีความอดทนพอ เราจะไม่กลัวว่าเขาจะมีข้อเสียอะไรมากขึ้น เราก็พร้อมปรับตัวเข้าหากัน
หลายคู่ที่แต่งงานกันมา 20 ปี ก็ยังเลิกกัน จะบอกว่า 20 ปี เป็นช่วงเวลาที่เขายังดูใจไม่พอหรอครับ ถ้าเรารักกันมากขึ้นเรื่อยๆ กี่ปีก็อยู่ด้วยกันได้ แต่ถ้าเรารักกันน้อยลงเรื่อยๆ ดูกันมานานแค่ไหน เดี๋ยวก็คงแยกทางกัน
ผมเองแต่งงานแล้ว ไม่ได้อยู่ก่อนแต่งด้วย แต่ผมทำความรู้จักกับภรรยา เรารู้ข้อดีและข้อเสียกับบ้าง เรารู้จักครอบครัวกันและกัน และผมรู้ว่าถ้าผมกับภรรยารักกันมากพอ มันจะเวิร์คครับ ผมรู้จักหลายคู่ที่ไม่ได้อยู่ก่อนแต่ง แต่มันก็เวิร์คได้ เพราะอะไรครับ มัวไปหาเหตุผลว่าทำไมคนเลิกกัน ก็คงไม่ได้แต่งงานสักที ลองหาเหตุผลว่าทำไมคนไม่เลิกกันดูสิครับ อาจจะมีความกล้าที่จะเริ่มใช้ชีวิตครอบครัวมากขึ้น
สำหรับคนที่อยากแต่งงานแต่ยังไม่มีคู่ ไม่มีโอกาส ก็อ่านๆเก็บไว้ครับ เผื่อเราอยากแต่งงาน แต่อีกคนไม่อยาก จะได้อธิบายให้เขาฟังได้ว่าทำไมเราอยากแต่ง แล้วเราก็จะได้เข้าใจด้วยว่าทำไมเขาไม่อยาก
โฆษณา